ลูกคือผลิตผลของพ่อแม่
และแม่ย่อมมีอิทธิพลต่อลูก
นับแต่ปฏิสนธิเลยทีเดียว
ความเชื่อเรื่องอิทธิพลของอารมณ์และพฤติกรรมของมารดาต่อเด็กในครรภ์
นับได้ว่ามีมาช้านานแต่ดึกดำบรรพ์พอๆ กับอายุของมนุษยชาติ
แต่น่าประหลาด ที่การฝากครรภ์แม้ในโรงยาบาลทันสมัยที่สุดก็ยังมุ่งดูแลรักษาแต่เพียงร่างกาย
และครรภ์ของผู้ที่จะเป็นมารดาเท่านั้น ภาวะทางจิตใจหรือสุขภาพจิตหามีใครใส่ใจดูและรับผิดชอบไม่
เว้นเสียแต่สตรีนั้นจะมีอาการของโรคจิตประสาทอย่างชัดเจนเท่านั้น
การศึกษาสตรีมีครรภ์ในรายงานหลายแห่ง แสดงให้เห็นแน่นอนว่า
อารมณ์ของสตรีมีอิทธิพลต่อภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์และการคลอด เช่น ทำให้ระยะการเจ็บครรภ์นานกว่าปกติ
หรือทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือคลอดเกินกำหนด
อิทธิพลของอารมณ์มีผลต่อสภาพแวดล้อมในครรภ์ทั้งสองทางคือ ทางกรรมวิธี หรือกระบวนการ (process)
ของการตั้งครรภ์กับทางผลผลิต (product) ของการตั้งครรภ์คือ ตัวทารกในครรภ์
ภาวะรบกวนกระบวนการตั้งครรภ์ที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่การแท้งและการตายคลอด
ในบรรดาสตรีที่ไม่ปรากฏชัดเจตนาจะทำให้สภาพการตั้งครรภ์สิ้นสุ (ทำแท้ง) ก็ยังคงมีการแท้งหรือการตายคลอด
การคลอดก่อนกำหนดที่หาสาเหตุหรือพยาธิสภาพทางฝ่ายกายไม่ได้ ก็เกิดจากสาเหตุทางอารมณ์ถึง 50%
มีอันตรายต่อการตั้งครรภ์อยู่อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเรามักมองข้ามไป เพราะคาดไม่ถึงว่าจะให้ผลร้าย
อันตรายดังกล่าวนั้นคือ การบริโภคอาหารไม่ได้สัดส่วนอันเนื่องมาจากสาเหตุทางอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นในทาง
มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
ที่จริงการแพทย์ยอมรับมานานแล้วว่า ความอ้วนส่วนมากมีสาเหตุทางอารมณ์
มีคนจำนวนมากซึ่งเมื่อวิตกกังวลจะหาทางออกในรูปของการกินมาก
ฉะนั้นถ้าสตรีที่ไม่เคยกินจุมาก่อนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากในระหว่างตั้งครรภ์
ก็น่านึกถึงภาวะวิตกกังวลไว้ด้วยมิใช่ปัดไปให้เป็นเรื่องของสรีระวิทยาแต่เพียงอย่างเดียว
ภาวะวิตกกังวลนั้น อาจเป็นความวิตกกังวลหรือความกลัวอย่างปกติที่เกิดแก่สตรีมีครรภ์เกือบทุกคน
แต่เกินขอบเขตของเกณฑ์ปกติจนเป็นพยาธิสภาพก็ได้ประการหนึ่งกับอีกประการหนึ่งอาจเกิดจากไดนามิคอย่างอื่น
ซึ่งแฝงเร้นอยู่ลึกซึ้ง เกิดกว่าแพทย์เจ้าของไข้จะค้นพบในชั่วระยะเวลาของการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง
ซึ่งกินเวลาเพียง 3-5 นาที ในกรณีเช่นนี้ผู้ป่วยน่าจะต้องการจิตบำบัดมากกว่าการกำจัดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นใด
ในทางตรงกันข้าม ภาวะทุโภชนาการของมารดา ซึ่งมีผลร้ายต่อเด็กในครรภ์อย่างมาก เช่นทำให้ตายคลอด
คลอดก่อนกำหนด เด็กตัวเล็กกว่าปกติมาก และอัตราตายสูงนั้น พบว่ามีอุบัติการสูงในภาวะสงคราม
ซึ่งเป็นภาวะของความวิตกกังวล หวาดกลัว และเศร้าสลด ฉะนั้น ถึงแม้หลายคนจะ "มีกิน" ก็คง "กินไม่ลง"
ถ้าสตรีมีครรภ์น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ได้ให้การรักษาทางฝ่ายกายแล้ว ก็น่านึกถึงภาวะวิตกกังวล
หรือภาวะซึมเศร้าที่มองภายนอกไม่เห็นด้วย
ผู้เขียนเคยมีคนไข้ตั้งครรภ์มีน้ำหนักตัวเพิ่มน้อยมากจนน่าวิตกทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ อาเจียน
เธอเป็นคนมีการศึกษาดีและมีคุณธรรม ศีลธรรม มโนธรรม (superego) สูง แต่แบบฉบับของชีวิตสมรส
เป็นพยาธิสภาพ (pathological marital pattern) เนื่องจากสามีมีบุคลิกภาพแปรปรวนชนิดระแวง
ทั้งยังมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ (emotionally immature) เธอกำลังเตรียมหย่ากับสามี แต่ก็เกิดตั้งครรภ์ขึ้นจนได้
เธอโกรธและเกลียดบุตรในครรภ์อย่างมาก แต่เนื่องจากมีมโนธรรมสูงจึงเกิดความรู้สึกผิด (guilty feeling)
จนถึงขั้นเศร้า เมื่อเศร้าก็กินน้อย เมื่อกินน้อยก็เกิดความรู้สึกผิดว่ากำลังทำร้ายและทำลายบุตรในครรภ์
ซึ่งบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและไร้ซึ่งความผิด ภาวะเศร้าที่มีอยู่เดิมจึงรุนแรงยิ่งขึ้น การซึมเศร้ายิ่งรุนแรง
ก็ยิ่งเบื่ออาหารและนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นอาการที่เป็นลักษณะเฉพาะของภาวะซึมเศร้า
เมื่อเบื่ออาหารและนอนไม่หลับ น้ำหนักก็ยิ่งลดลงความรู้สึกผิดว่ากำลังทำร้ายและทำลายเด็กในครรภ์
ก็รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกจึงเป็นวงจรที่วนเวียนไม่รู้จบถ้าไม่รีบตัดวงจรนี้เธออาจซึมเศร้าถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
คนไข้รายนี้เมื่อทำจิตบำบัดจนความรู้สึกผิดลดลง ซึ่งทำให้ภาวะซึมเศร้าทุเลาลงก็เริ่มกินได้ นอนหลับ
ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการยืนยันกับตนเองว่าเด็กในครรภ์เจริญเติบโตขึ้นหรือหมายความว่า
เด็กในครรภ์มิได้ถูกเธอทำลาย
จิตบำบัดจึงช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ได้
ความขัดแย้งทางอารมณ์ (emotional conflict) ของมารดาไปสู่ทารกได้โดยผ่านทางระบบต่อมไร้ท่อ
และไฮโปธาลามัสซึ่งมีอิทธิพลต่อการหดตัวของมดลูกและต่อปริมาณของเลือดและออกซิเจนที่มาหล่อเลี้ยง
จึงเห็นได้ว่า ทารกในครรภ์ มีโอกาสที่จะได้รับรู้และได้รับอิทธิพลจากความทุกข์ใจของมารดา
และรับรู้ด้วยว่า มารดาไม่ยินดีที่จะให้เขาเกินมา
จึงสรุปได้ว่า อารมณ์และจิตใจของสตรีมีครรภ์มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อเด็กที่จะเกิดมา
ไม่น้อยกว่าสุขภาพทางกายเลยไม่ต้องถึงขั้นมารดาเป็นโรคจิตเพียงแต่เธอรังเกียจลูกในท้องอย่างรุนแรง
ประเทศชาติก็อาจได้ยุวอาชญากรหรือได้คนไข้โรคจิตประสาทเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนเสียแล้ว
พญ.สุพัฒนา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
|