
" นี่ไม่ใช่กรณีธรรมดาที่จะพบเห็นได้บ่อยๆ หมอน่าจะนำเอาเรื่องราวของคนไข้รายนี้
ไปรายงานในการประชุมแพทย์ของราชวิทยาลัยสูติ-นรีเวชแห่งประเทศไทย "
หัวหน้าแผนกสูติฯของโรงพยาบาลตำรวจแนะนำข้าพเจ้าเมื่อทราบเรื่องราวของคนไข้รายหนึ่ง
คนไข้รายนี้มีการตกเลือดในช่องท้องก่อนคลอดจนช็อก การตกเลือดของคนไข้
ไม่ใช่การตกเลือดธรรมดาแต่เป็นการตกเลือดที่เกิดจากการฉีกขาดของเส้นเลือดดำขอดบริเวณปีกมดลูก
และอุ้งเชิงกราน ในตำราและวารสารต่างประเทศพบเพียง 1 ใน 10,000 รายของสตรีตั้งครรภ์
เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ตลอดชีวิตการทำงานของแพทย์บางท่านไม่เคยพบเห็นเลย
" หากผมไปถึงโรงพยาบาลช้ากว่านี้สัก 2 ชั่วโมง คนไข้ต้องตายทั้งแม่และลูกอย่างแน่นอน "
ข้าพเจ้าพูดกับพยาบาลในห้องผ่าตัดภายหลังที่ผ่าตัดเอาเด็กออกจากมดลูกมาแล้ว
คนไข้สตรีรายนี้เป็นคนไข้มีลูกยาก แต่งงานมา 8 ปีไม่มีลูก เคยได้รับการผ่าตัดเนื้องอกถุงน้ำรังไข่
ซึ่งเกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ของรังไข่ทั้งสองข้างในปี พ.ศ.2539 จากนั้นได้มาขอรับการรักษา
ภาวะมีบุตรยากกับข้าพเจ้า ซึ่งตอนปลายปี พ.ศ. 2540 ข้าพเจ้าได้ "ซิ๊ฟ" ให้กับเธอ ผลปรากฏว่า
เธอตั้งครรภ์สำเร็จและฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่นั้น
คนไข้ได้รับการดูแลแบบสตรีสูงอายุครรภ์อย่างใกล้ชิดและมีปัญหาเรื่องภาวะความดันโลหิตสูง
ตั้งแต่อายุครรภ์ 21 สัปดาห์เป็นต้นมา
วันที่เกิดเหตุวันนั้นเป็นวันศุกร์ เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ข้าพเจ้าได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์
จากห้องคลอดโรงพยาบาลตำรวจ พยาบาลได้รายงานว่า " มีคนไข้ของหมอรายหนึ่งอายุ 39 ปี
ท้องแรกอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มาโรงพยาบาลด้วยเรื่องปวดบริเวณหลังตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง
ตรวจหน้าท้องมดลูกหดรัดตัวทุก 6-7 นาที นานครั้งละประมาณ 30 วินาที หัวใจเด็กเต้นปกติ
ตรวจภายในปากมดลูกเปิด 3 เซนติเมตร หมอจะให้การรักษาอะไรบ้าง "
" เออ! คนไข้รายนี้เป็นคนไข้มีลูกยาก ตั้งครรภ์ครบกำหนดและเข้าสู่กระบวนการคลอดแล้ว
ช่วยแจ้งห้องผ่าตัดด้วยว่าผมจะผ่าตัดในราวอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า " ข้าพเจ้าแจ้งกลับไป
เพราะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณนั้น
เมื่อมาถึงห้องผ่าตัดและเห็นคนไข้ข้าพเจ้าต้องตกใจที่สังเกตเห็นใบหน้าของคนไข้ซีดขาวเผือด
คนไข้บ่นว่า " รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมและปวดท้องมากเลย " จากเดิมที่ปวดเฉพาะส่วนหลังเท่านั้น
เมื่อมองย้อนกลับไปคิดว่าคนไข้น่าจะมีเลือดออกตอนที่ปวดหลังและออกมากในช่วงนี้ซึ่งทำให้เกิด
อาการปวดท้องร่วมด้วย
" ไม่เป็นไรหรอก หมอมาถึงแล้วใจเย็นๆ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร " ข้าพเจ้าพยายามปลอบใจ
ที่ไหนได้พอผ่าตัดเปิดหน้าท้องลงไปและเห็นมดลูกถูกฉาบด้วยเลือดสีแดงคล้ำทั่วๆ
ไปจึงอุทานอย่างไม่รู้ตัวว่า " แย่แล้ว! สงสัยรายนี้จะเป็นรกลอกตัวก่อนกำหนด ถึงว่าล่ะ
หน้าซีดอย่างกับไข่ต้ม เร็ว เร็ว ผ่าตัดเอาเด็กออกก่อน "
ด้วยความรีบร้อนจึงกรีดมีดไปถูกบริเวณยอดบนสุดของกระเพาะปัสสาวะเป็นแผล
ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แต่เนื่องจากต้องดันกระเพาะปัสสาวะให้แยกจากส่วนล่างของมดลูกอย่างชัดเจน
ทำให้ขนาดของแผลยาวออกไปอีกจนถึงประมาณ 10 เซนติเมตร ขณะนั้นข้าพเจ้าไม่ทันได้สังเกต
เพราะมัวแต่รีบดึงเอาเด็กออกมาจากมดลูก
ทารกมีขนาดตัวเล็กหนักประมาณ 2,500 กรัม เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แขนขาอ่อนแรง
และไม่ยอมหายใจ หมอเด็กจึงช่วยเหลือกระตุ้นการหายใจในเบื้องต้นและใส่ท่อช่วยหายใจแก่เด็กด้วย
จากนั้นก็รีบส่งทารกไปยังห้อง ไอ.ซี.ยู ทารกแรกเกิด
พอทารกคลอดออกมาแล้วมดลูกที่เดิมใหญ่มากก็หดเล็กลงเหลือขนาดเท่าลูกส้มโอ
คราวนี้ข้าพเจ้าสังเกตเห็นชัดเจนเลยว่ามีเลือดนองอยู่เต็มภายในช่องท้อง คะเนว่ามีจำนวน
ประมาณ 1,500 มิลลิเมตรหรือ 1.5 ลิตร
ข้าพเจ้ารีบเย็บปิดมดลูกส่วนล่างจนเรียบร้อยขณะที่กำลังจะเย็บเยื่อบุช่องท้องส่วนในคลุมแผล
บนตัวมดลูกส่วนล่างที่เย็บไปก่อนหน้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าต้องตกใจจนชะงักและบอกกับพยาบาลห้องผ่าตัดว่า
" กระเพาะปัสสาวะส่วนยอดบนสุดมีการฉีกขาดช่วยตามศัลยแพทย์ให้หน่อย "
ศัลยแพทย์ที่อยู่เวรในวันนั้น เข้ามาในห้องผ่าตัดกับแพทย์ประจำบ้านชั้นปีแรกอีกหนึ่งคน
พร้อมกับถามว่า " กระเพาะปัสสาวะฉีกขาดมากไหมครับ "
ข้าพเจ้าตอบกลับไปว่า " เรื่องของกระเพาะปัสสาวะฉีกขาดเป็นเรื่องเล็ก แต่เลือดที่ออกในช่องท้อง
ก่อนหน้านี้ซิไม่รู้ว่าเกิดจากอวัยวะส่วนไหนฉีกขาดและเลือดยังคงไหลออกมาตลอดเวลา
ถ้าหยุดเลือดไม่ได้คนไข้ต้องตายแน่ๆ จากประสบการณ์ผมเคยเจอกรณี "ม้ามฉีกขาด"
ก็จะมีเลือดออกจำนวนมากอย่างนี้แหละ เมื่อสักครู่ผมคลำที่ม้ามคล้ายจะมีรอยแตก
ช่วยมาตรวจดูหน่อยซิว่า ใช่หรือเปล่า "
ศัลยแพทย์ฟอกมือเข้ามาช่วยผ่าตัดคนไข้พร้อมกับลูกน้องแพทย์ประจำบ้าน ศัลยแพทย์ท่านนั้น
ได้กรีดลงมีดขยายแผลบนหน้าท้อง จากสะดือเรื่อยไปจนถึงยอดลิ้นปี่ จากนั้นจึงได้ใช้มือคลำหารอยแตกบนม้าม
และตับแต่ไม่พบรอยแตกตามที่ข้าพเจ้าคาดการณ์
เมื่อตรวจดูเส้นเลือดขอดบริเวณปีกมดลูกทั้งสองข้างและภายในอุ้งเชิงกรานส่วนล่างจึงได้พบสาเหตุ
ของการตกเลือดก่อนคลอดในครั้งนี้
" เส้นขอดทั้ง 3 บริเวณนี้เองที่ฉีกขาด คงเกิดในช่วงมดลูกหดรัดตัวเนื่องจากคนไข้เข้าสู่
กระบวนการคลอดแล้ว ประกอบกับเป็นความดันโลหิตสูงอยู่ด้วย จึงทำให้เส้นเลือดขอดแตกง่ายขึ้น "
ข้าพเจ้าอธิบายความเป็นไปตามความน่าจะเป็น
การเย็บผูกเพื่อรัดเส้นเลือดขอดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณนั้นมีพังผืดค่อนข้างมาก
และลำไส้บางส่วนยึดติดกับตัวมดลูก พวกเราใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงในการเย็บผูกเส้นเลือด
ขอดทั้ง 3 แห่งและซ่อมแซมกระเพาะปัสสาวะที่ฉีกขาดรวมระยะเวลาที่ใช้
ในการผ่าตัดทั้งหมด 4 ชั่วโมงเศษ
ก่อนที่ศัลยแพทย์ทั้งสองจะกลับได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า "สายสวนปัสสาวะจะต้องเปลี่ยนเป็นชนิด
ที่ท่อมีขนาดใหญ่สุด เพื่อให้ระบายปัสสาวะได้ดีไม่มีการคั่งค้าง ระยะเวลาที่ต้องคาสายสวนปัสสาวะ
คงจะต้องยาวนานประมาณ 2 สัปดาห์หรือกว่านั้น "
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นคนไข้อยู่ในสภาพค่อนข้างทรงตัวได้มีการให้เลือดไปอีก 3 ถุง
หลังจากที่ให้ในระหว่างผ่าตัด 4 ถุง ซึ่งคาดว่าปริมาณเลือดในร่างกายขณะนั้นน่าจะพอเพียงสังเกตได้
จากปัสสาวะที่ไหลออกมามีปริมาณมากตามปกติ ยกเว้นมีสีแดงจากเลือดปนเปื้อน
ตอนเช้าวันถัดมาเกิดปัญหาขึ้นมาอีก พยาบาลพอพักผู้ป่วยชั้นที่ 4 โทรศัพท์มาบอกข้าพเจ้าที่บ้านว่า
คนไข้หายใจหอบเหนื่อย เบาและถี่ลักษณะการหายใจเหมือนกับของคนไข้ใกล้ตาย ข้าพเจ้ารีบรุดไปดู
และรีบย้ายคนไข้เข้าห้องไอ.ซี.ยู. ของแผนกดมยา ปรากฏว่า จากการตรวจร่างกายและตรวจสอบ
ปริมาณน้ำเข้า-ออก ของร่างกายคนไข้น่าจะเข้าได้กับภาวะหัวใจกำลังจะล้มเหลว
เพราะได้รับปริมาณน้ำเกลือและเลือดมากเกินความต้องการของร่างกาย
เป็นผลทำให้หัวใจทำงานหนักและมีน้ำส่วนเกินไปคั่งอยู่ที่ปอด ข้าพเจ้ารีบปรึกษา
อายุรแพทย์มาช่วยประเมินและรักษาคนไข้ อายุรแพทย์ท่านนั้นเห็นด้วยจึงได้
ให้ยาขับน้ำปัสสาวะเพื่อขับน้ำส่วนเกินออกมาทางไต อาการหอบเหนื่อยของคนไข้ก็หาย
ไปอย่างรวดเร็ว 2 วันหลังจากนั้นคนไข้ได้รับอนุญาตให้ย้ายกลับมาพักรักษาตัวต่อ
ที่หอผู้ป่วยแผนกสูติฯ
คนไข้สตรีรายนี้พักรักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์ โดยไม่มีปัญหาใดๆ
นอกจากยังต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ก่อนอย่างไรก็ตามก่อนกลับบ้านคนไข้สามารถ
เอาสายสวนปัสสาวะออกได้ เนื่องจากทดสอบการทำงานของกระเพาะปัสสาวะแล้ว
แผลผ่าตัดที่เย็บไว้สมานติดได้ดี
ส่วนลูกของคนไข้ยังคงต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกสักระยะหนึ่งเนื่องจากมีปัญหาเรื่องชักเกร็งบ่อยๆ
จนต้องให้ยานอนหลับระงับชัก ระยะหลังๆ ได้ลดขนาดยาระงับชักลงแต่ยังคงต้องอยู่ในความดูแล
ของกุมารแพทย์อย่างใกล้ชิด
เรื่องราวของคนไข้รายนี้ถือเป็นกรณีศึกษา "ภาวะตกเลือดในช่องท้องก่อนคลอด" ได้ดี
เราจะสงสัยว่าเป็นภาวะนี้ในกรณีที่คนไข้มาด้วยอาการเจ็บครรภ์ก่อนคลอดร่วมกับภาวะช็อก
โดยไม่มีเลือดไหลออกสู่ภายนอกชัดเจน
ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาเรื่องราวข้างต้นนี้ไปรายงานที่ไหนแต่เขียนเล่าไว้สำหรับคนทั่วๆ
ไปซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ความจริง "ผู้หญิงตั้งครรภ์" เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อยู่แล้วแต่ทุกคนเคยชินว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ลองคิดดูซิว่า " มดลูกที่รองรับการเติบโตของทารกขยายตัวได้ถึง 1,000 เท่าจากขนาดปกติเท่าผลสาลี
กลับกลายเป็นขนาดใหญ่เท่าลูกแตงโมในระยะใกล้คลอด " และ " เซลล์สืบพันธุ์ที่ปฏิสนธิกันเป็นเซลล์
เซลล์เดียวสามารถแบ่งตัวเจริญเติบโตอย่างมากมายโดยอาศัยเลือดมาเลี้ยงจากรกและมดลูก
กลายเป็นร่างกายมีแขนขา หน้าตา มันสมองและรูปร่างอย่างมนุษย์เราได้ภายในโพรงมดลูก "
นอกจากนั้นยังมีสิ่งอื่นๆ อรกมากมายที่เปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์
ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงคนหนึ่งที่กลายมาเป็น "คุณแม่" ได้ ย่อมจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
และถือเป็นความหัศจรรย์อย่างหนึ่งของธรรมชาติทีเดียว
ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่เป็นคุณแม่อุ้มลูกจูงหลานตามท้องถนน ล้วนเป็นคนที่โชคดีทั้งนั้น
เพราะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ยังมีผู้หญิงอีกหลายคน
ที่มักไม่พอใจตนเองอยากจะเป็นผู้หญิงคนโน้น ผู้หญิงคนนี้ ซึ่งบางทีผู้หญิงคนที่เราอยากจะเป็นนั้น
เมื่อตั้งครรภ์มาอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นกรณี "คุณแม่ที่ไม่ธรรมดา" อย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่พึงปรารถนา
หรือเป็นดังตัวอย่างที่เล่ามา ก็ได้
|