มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



อย่าปล่อยให้นมแม่ลอยนวล


ทุกครั้งที่ผมได้รับเชิญไปพูดกับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนาให้ความรู้ รายการวิทยุหรือโทรทัศน์ คำถามยอดนิยมที่มักจะถูกถามมากที่สุด คือ "นมอะไรดีที่สุด" หรือ "จะให้ลูกทานนมอะไรถึงจะดีที่สุด" ซึ่งผมจะตอบไปอย่างมั่นใจทุกครั้งว่า "นมแม่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับเลี้ยงทารก" เพราะถ้าจะนับว่ามนุษย์เป็นผลิตผลมหัศจรรย์อันดับหนึ่ง ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาโดยยังไม่มีสิ่งไหน หรือประดิษฐกรรมชิ้นใด แม้กระทั่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลก จะสามารถเทียบได้ นมแม่ก็นับว่าเป็นผลิตผลที่สุดแสนจะมหัศจรรย์และเป็นสิ่งที่วิเศษ และดีที่สุดของมนุษย์เท่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างได้เพื่อมอบให้เป็นมรดกล้ำค่าแก่ลูบสืบต่อไป

ความมหัศจรรย์ในคุณค่าทางอาหาร

นมแม่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับทารก และคุณค่าทางอาหารนั้น ยังคงค่าอยู่ไม่ลดลงตลอดไป จนสามารถใช้เลี้ยงทารกได้อย่างน้อย 1-2 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับนมวัวแล้วนมแม่มีส่วนประกอบของสารอาหารที่ดี เหมาะสมกว่านมวัวอยู่หลายประการ

1. นมแม่มีปริมาณโปรตีนพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนสมดุล พอเหมาะกับความต้องการและการเจริญเติบโตของทารก ในขณะที่นมวัวจะมีปริมาณโปรตีนมากเกิน ความต้องการและชนิดของโปรตีนและส่วนประกอบของกรดอะมิโนไม่เหมาะสมกับร่างกายของทารก ปริมาณโปรตีนที่สูงเกินความต้องการของร่างกายทำให้เกิดการคั่งของสาร BLOOD UREA NITROGEN (BUN) และเลือดมีภาวะเป็นกรด ไตของทารกจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับถ่ายของเสียนี้ออกจากร่างกาย ทำให้ทารกอาจไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร โปรตีนในนมวัวส่วนใหญ่จะเป็น CASIEN มากกว่าWHEY ทำให้เมื่อทารกรับประทานลงไปถูกกับกรดจะกลายเป็นก้อน (CURD) ซึ่งจะถูกย่อยยาก ซึ่งถ้าคุณแม่สังเกตดูให้ดีว่าถ้าหากลูกอาเจียนหลังทานนมวัวใหม่ๆ จะเห็นว่าอาเจียนที่ออกมาจะเป็นก้อนนม ที่ยังไม่ย่อยซึ่งจะแตกต่างจากนมแม่ที่โปรตีนเป็นชนิด WHEY มากกว่า CASEIN โปรตีนในนมแม่ จึงมีปริมาณพอเหมาะและย่อยง่ายกว่าโปรตีนของนมวัว

นอกจากนี้นมแม่มีปริมาณ TAURINE ซึ่งอาจถือว่าเป็นกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับทารก ก่อนกำหนดมากกว่านมวัวถึง 55 เท่า ซึ่งถึงแม้จะยังไม่ทราบหน้าที่ของสาร TAURINE แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีส่วนช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมองและเซลล์รับภาพของลูกตา (RETINA) และที่กำลังเป็นที่สนใจก็คือ สาร NUCLEOTIDE ซึ่งเป็นสารองค์ประกอบที่พบในเซลล์ ทุกเซลล์ของร่างกายและมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและหน้าที่ต่างๆ ของร่างกายทารก และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานแก่ทารก จากการศึกษาพบว่านมแม่มีปริมาณ NUCLEOTIDE มากพอสมควร แต่ไม่พบ NUCLEOTIDE ในนมวัว จากความรู้ดังกล่าวประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการผลิต สูตรนมผสมที่ใช้สำหรับเลี้ยงทารกที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดจึงได้รับการปรับปรุงปริมาณ และส่วนประกอบของโปรตีนให้คล้ายหรือใกล้เคียงกับนมแม่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตบางราย ได้มีการเติม TAURINE หรือ NUCLEOTIDE ลงในนมผสมบางตรากันบ้างแล้ว

2. นมแม่มีคุณภาพและส่วนประกอบของไขมันดีและเหมาะสมกว่านมวัว นมแม่มีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นสูงกว่านมวัว ทำให้ไขมันในนมแม่มีคุณภาพดีกว่าและถูกดูดซึมง่ายกว่านมวัว นอกจากนี้ปัจจุบันยังพบว่านมแม่มีกรดไขมัน DOCOSAHEXAENOIC ACID (DHA) แต่นมวัว และนมผสมส่วนใหญ่ไม่มี DHA นั้นอาจถือได้ว่าเป็นกรดไขมันจำเป็นสำหรับทารกโดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด จากการวิจัยพบว่า ทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่รับประทานนมแม่หรือนมผสมที่มีการเติม DHA ลงไป จะมีการมองเห็นได้ดีกว่าทารกที่รับประทานนมผสมที่ไม่ได้เติมสาร DHA ส่วนผลของ DHA ต่อสติปัญญา และความเฉลียวฉลาดนั้น จากหลักฐานการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ว่า DHA มีผลต่อสติปัญญาจริงหรือมากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจจะเป็นข้อคิดให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน ที่หาซื้อน้ำมันปลาทะเลซึ่งมี DHA มากมาให้ลูกรับประทานเพื่อหวังผลให้ลูกเฉลียวฉลาดได้กรุณาไตร่ตรอง ให้รอบคอบเสียก่อนจะตัดสินใจหลงเชื่อคำโฆษณา แต่อย่างไรก็ตามบริษัทผู้ผลิตนมผสมทั้งหลาย ได้มีการปรับปรุงคุณภาพและส่วนประกอบของไขมันให้คล้ายกับนมแม่ และมีบางรายได้เติม DHA ลงในผลิตภัณฑ์นมผสมกันบ้างแล้ว

3. มีคุณค่าเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค นมแม่มีภูมิต้านทานซึ่งกลั่นจากตัวแม่ถ่ายทอดไปสู่ลูก นับว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าที่หาไม่ได้เลยจากนมวัว ทำให้ลูกน้อยที่เลี้ยงด้วยนมแม่มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อ ระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ปอดบวม ระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย และหูชั้นกลางอักเสบ อักเสบน้อยกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมผสม ความจริงแล้วนมวัวก็มีภูมิต้านทานเหมือนกัน แต่เป็นภูมิต้านโรควัวมิใช่โรคคน และภูมิต้านทานที่มีอยู่ในนมวัวนั้นถูกทำลายไปหมดแล้วด้วยความร้อน ระหว่างผ่านขบวนการผลิต

4. มีสารช่วยย่อย นมแม่นอกจากมีสารอาหารที่ย่อยและถูกดูดซึมง่ายกว่านมวัวแล้ว ในนมแม่ยังมีเอ็นไซม์ช่วยในการย่อยหลั่งตามออกมาด้วย ทำให้นมแม่ถูกย่อยและถูกดูดซึมง่ายกว่า นมวัวยิ่งขึ้นไปอีก

5. นมแม่ช่วยให้ปลอดภัยจากการแพ้เนื่องจากโปรตีนในนมวัวมีขนาดโมเลกุลใหญ่และประกอบด้วย B-LACTOGLOBULIN ทำให้ทารกที่เลี้ยงด้วยนมวัวอาจเกิดอาการแพ้โปรตีนนมวัวได้ จากการวินิจฉัยพบว่า ทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่แม้จะเป็นเพียงระยะสั้นก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ ทารกร้องร้อยวัน (INFANTILE COLI และผื่นแพ้ผิวหนังน้อยกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมวัว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่จะช่วยป้องกันมิให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ที่แสนฮิต และทุกคนต้องการหลีกเลี่ยงโดยไม่ต้องเปลืองเงินทองไปซื้อหา

6. นมแม่แก้ปัญหาสังคม ยุคนี้ยุค IMF เศรษฐกิจ ทุกคนและประเทศของเรากำลังวิกฤต ถ้าหากคุณแม่หันมานิยมไทยใช้นมแม่ก็จะช่วยลดการนำเข้านมผสมปีหนึ่งๆ ได้หลายพันหลายหมื่นล้าน อีกทั้งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยสร้างความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูกทำให้สถาบันครอบครัวของเรานั้น เข้มแข็ง เป็นเกราะป้องกันให้ลูกและครอบครัวพ้นจากภัยสังคมที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

จากที่กล่าวมาหมอหวังว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงจะรู้ซึ้งถึงความมหัศจรรย์หรือค่าน้ำนมแม่ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คุณแม่จำนวนมากปล่อยปละละเลยไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้นมแม่เป็นของดีที่ถูกลืม ถูกปล่อยให้เหือดแห้งไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ไม่สายเกินไป ถ้าวันนี้เราจะร่วมกันไม่ปล่อยให้นมแม่ลอยนวลอีกแล้ว

แม่ที่ให้นมลูกก็ต้องการใครสักคนที่คอยดูแล และให้อาหารที่มีประโยชน์แก่เธอ
เพื่อที่เธอจะสามารถสร้างน้ำนมให้กับลูกน้อยได้มากๆ และใครคนนั้นก็คือพ่อของลูกนั่นเอง

รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์

(update 13 ตุลาคม 2000)


[ที่มา.. นิตยสารรักลูก   ปีที่ 17 ฉบับที่ 195 เมษายน 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600