มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



สอนดนตรีให้เด็กในท้อง

ออน


Leena Pantsu ตอกย้ำความตื่นเต้นตะลึงอีกครั้งด้วยการกล่าวว่า มีผลวิจัยล่าสุดที่ระบุว่า ในจำนวนเด็กทารก 403 คน ที่ตอนอยู่ในครรภ์แม่ร้องเพลงโปรดให้ฟังเป็นประจำ เวลางอแงทุกคนจะหยุดขี้อ้อนทันที เมื่อร้องเพลงเดียวกันให้ฟังอีก และในจำนวนนี้ 161 คน จะเปลี่ยนจากงอแงเป็นหลับปุ๋ยภายใน 41 วินาที!!

หลักสูตรนี้ไม่ได้ทำเพื่อสร้างเด็กอัจฉริยะตามความเข้าใจของคนทั้งหลาย แต่เพื่อหาทางที่จะทำให้เด็กทุกคนที่จะเกิดมาในอนาคตมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี และได้รับความรักเต็มอิ่มจากพ่อแม่โดยมีดนตรีเป็นตัวประสาน

ฟินแลนด์มีประเพณีแม่จะต้องขับกล่อมลูกเวลาเลี้ยงลูก ประเพณีนี้มีมาช้านานแล้ว จนทำให้ภาษาฟินแลนด์เป็นภาษาที่ไพเราะเหมือนดนตรีและวรรณคดี เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงกล่อมเด็ก
แต่ครั้นพอถึงกลางศตวรรษที่ 20 คุณแม่ชาวฟินแลนด์ชักไม่ค่อยชอบขับกล่อมลูกเหมือนแต่ก่อน เพราะต้องออกไปทำงานและยังต้องถูกวิทยุโทรทัศน์แบ่งเวลา ร้อนถึงรัฐบาลต้องออกมาตรการพิเศษ เพื่อฟื้นฟูประเพณีและพร้อมๆ กับให้การศึกษาทางการดนตรีแก่เด็กมากขึ้น
ปีนั้นคือ พ.ศ.2530 และนี่เองคือที่มาของความก้าวหน้าของฟินแลนด์เกี่ยวกับการใช้ดนตรี สร้างศักยภาพให้กับเด็กตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ที่กำลังเป็นหัวข้อการวิจัยสำคัญของประเทศมั่งคั่งทั้งหลาย

  • เปิดหลักสูตรพิเศษ

มาตรการหนึ่งของรัฐบาลฟินแลนด์เมื่อ 13 ปีมาแล้วคือการจัดให้วิทยาลัยดนตรี 3 แห่งที่กรุงเฮลซิงกิ เมือง Lahti และเมือง Jyvaskla เปิดหลักสูตรพิเศษ 4 ปี เพื่อสอนวิชาดนตรีศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย (Early Childhood Music Education) โดยเป็นหลักสูตรแรกๆ ของโลก
ในจำนวน 3 แห่ง ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะเป็นที่เมือง Jyvaskyla ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนลือชื่อ Music Playschool for Babies คำว่า Playschool หมายถึงโรงเรียนที่สอนไปเล่นไป คือ มีการอสนที่ไม่เหมือนโรงเรียนทั้งหลาย

โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกสอนนักศึกษาภาคปฏิบัติ และขณะเดียวกันก็เป็นห้องทดลอง การให้การศึกษาทางด้านดนตรีแก่เด็ก ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งของโรงเรียนคือ Leena Pantsu ตำแหน่งผู้บรรยายอาวุโส
อาจารย์ Pantsu เริ่มการสอนของเธอด้วยการประกาศหาอาสาสมัครที่เป็นผู้เริ่มตั้งครรภ์ ตามคลินิกแม่และเด็กและเมื่อได้จำนวนครบตามที่ต้องการในวันปฐมนิเทศ เธอจะบรรยายความมหศัจรรย์เกี่ยวกับความสามารถในการรับรู้ของเด็กในครรภ์ ให้ผู้ที่จะเป็นแม่ทราบ

เริ่มตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนอายุ 6 สัปดาห์ เด็กจะสามารถรับรู้การสั่นสะเทือนอายุ 12 สัปดาห์ รับรู้สภาพอีกสภาพหนึ่งที่อยู่นอกครรภ์และพออายุ 20 สัปดาห์ ระบบการฟัง และการจำในตัวเด็กจะได้รับการพัฒนาจนครบสมบูรณ์ และสามารถรู้จักเสียงของผู้เป็นแม่
ซึ่งพอบรรยายมาถึงตอนนี้ อาจารย์ผู้นี้ก็จะตอกย้ำความตื่นตะลึงอีกครั้งให้แก่คุณแม่อาสาสมัคร ด้วยการกล่าวว่า มีผลวิจัยล่าสุดที่ระบุว่าในจำนวนเด็กทารก 403 คน ที่ตอนอยู่ในครรภ์ แม่ร้องเพลงโปรดให้ฟังเป็นประจำเวลางอแงทุกคนจะหยุดขี้อ้อนทันที เมื่อร้องเพลงเดียวกันให้ฟังอีก

และในจำนวนนี้ 161 คน จะเปลี่ยนจากงอแงเป็นหลับปุ๋ยภายในเวลา 41 วินาที !!!

  • ฝึกให้จังหวะ

ปฐมนิเทศจบแล้ว การฝึกจะเริ่มด้วยการให้ผู้ที่จะเป็นแม่ นั่งกับพื้นสบายๆ แล้วหลับตาฟังเพลงคลาสสิก ที่เป็นเพลงขลุ่ยสมัยบาร็อก ฟังอย่างช้าๆ แล้วพยายามปรับจังหวะร่างกายให้เข้ากับจังหวะเพลง
จังหวะมีความสำคัญมาก อาจารย์ Pantsu อธิบายดังนี้โลกของเด็กในครรภ์เป็นโลกของจังหวะ คือทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในนั้น มีขั้นตอนและเป็นไปตามจังหวะดังนั้นแม่ที่ต้องการจะส่งความรู้สึกไปให้ลูก ตอนที่อยู่ในนั้นจึงควรต้องรู้จักการปรับจังหวะร่างกายตัวเองให้เข้ากับจังหวะร่างกายลูก

สมัยก่อนคนรู้จักทำอะไรตามจังหวะพอถึงสมัยนี้เพราะความอลวนคนจึงลืมเรื่องนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องฝึกสอน

จบจากนั้นอาจารย์นักค้นคว้าจะทำให้คุณแม่ผู้อาสาตื่นตะลึงอีก ด้วยการเปิดเทปให้ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจผู้เป็นแม่กับเสียงการไหลเวียนของโลหิตที่ดังไปถึงลูกน้อย ที่กำลังนอนอยู่ในครรภ์ เพื่อให้ทราบกันว่าเสียงเป็นอย่างไรจะได้นำความรู้สึกไปใช้ในการปรับจังหวะ
แล้วจึงมาถึงภาคปฏิบัติจริง เมื่อคุณแม่ได้รับคำสั่งให้เหยียดขาออกไปข้างหน้ารวมทั้งนิ้วเท้าแล้ว ร่วมกันร้องเพลงกล่อมเด็ก ดังที่กล่าวแล้วฟินแลนด์เคยเป็นประเทศที่แม่ชอบร้องเพลงกล่อมลูก ดังนั้นจึงมีเพลงพวกนี้มากมายซึ่งอาจารย์ Pantsu ก็ได้คัดเอาเพลงที่มีการเน้นจังหวะหนักๆ มาใช้ในการฝึกคุณแม่

คุณแม่จะร้องเพลงกล่อมไปเรื่อยๆ จนทุกคนร้องเข้าจังหวะกันดี จากนั้นจะเป็นการฝึกให้รู้จักถ่ายทอดเพลงไปยังลูกในท้องจบลงด้วยการนั่งขัดสมาธิ แล้วคุณแม่โยกตัวซ้ายขวาขณะร้องเพลงใจนึกไปที่ลูก
ลีลาการร้องในตอนนี้และเพลงที่ร้องมีความสำคัญเพราะจะเป็นลีลา และเพลงที่คุณแม่จะต้องร้องเป็นประจำทำนองเป็นเพลงประจำตัวโดยหวังว่า เมื่อลูกน้อยเกิดจะจำเพลงที่ร้องให้ฟังได้

  • ขยายโปรแกรมฝึก

โรงเรียน Music Playschool for Babies มีโครงการที่ขยายการฝึกคุณแม่ออกไปเรื่อยๆ และตอนนี้ได้ขยายไปถึงแม่ที่ลูกอายุ 3 เดือน
พอถึงตอนนี้การฝึกจะทำโดยนักศึกษาปีที่ 3 มีการแบ่งจำนวนคุณแม่ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ละกลุ่มไม่เกิน 6 คนและครู 2 คน
การฝึกทำโดยการให้เด็กนอนหงายและคุณแม่แต่ละคนเล่นกับลูกโดยการร้องเพลงให้ฟัง เพลงมีหลายทำนองและหลายจังหวะ การร้องในระยะแรกๆ จะร้องเฉยๆ ต่อๆ ไปจะมีการเพิ่มการให้จังหวะ ด้วยการใช้เครื่องเคาะเล็กๆ และเครื่องดีดที่คล้ายกับจระเข้เรียกว่า Zither ที่เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมือง ของประเทศยุโรปเขตเหนือ

การร้องและเคาะจะไม่ทำแบบธรรมดาแต่คุณแม่จะถูกฝึกให้สังเกตความเคลื่อนไหวของเด็ก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของแขนขา เพื่อเพลงจะได้เข้ากับจังหวะการเคลื่อนไหวและแขนขา ได้รับการพัฒนาให้มีการเคลื่อนไหวที่ดี
ร้องและเล่นกับลูกพักใหญ่ แน่นอนคุณลูกก็ย่อมจะเริ่มตาปรือ การฝึกจะจบด้วยการให้คุณแม่กล่อมลูก ด้วยเพลงประจำตัวจนลูกหลับ

โรงเรียน Music Playschool for Babies เปิดมาแล้ว 3 ปี การประเมินผลและการวิจัยยังอยู่ในขั้นแรก อย่างไรก็ตาม Leena Pantsu กล่าวว่า จากการพูดคุยกับแม่ที่เข้ามาเป็นอาสาสมัคร ลูกของคุณแม่เหล่านี้มักมีอารมณ์ที่เยือกเย็นกว่าลูกของคุณแม่ทั่วไปไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องจู้จี้งอแง โดยเฉพาะการตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก
นอกจากนี้แล้วยังมักเป็นเด็กที่แคล่วคล่องว่องไวมีประสาทรับรู้ที่ดีทำให้การฝึกเด็กให้ทำสิ่งต่างๆ เป็นไปได้โดยง่าย

สุดท้ายอาจารย์ Pantsu อยากจะกล่าวกับผู้สนใจว่าหลักสูตรที่เธอและโรงเรียนจัดทำขึ้นมานั้น ไม่ได้ทำเพื่อสร้างเด็กอัจฉะริยะตามความเข้าใจของคนทั้งหลาย แต่ทำเพื่อหาทางที่จะทำให้เด็กทุกคน ที่จะเกิดมาในอนาคตเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี และได้รับความรักเต็มอิ่มจากพ่อแม่ โดยมีดนตรีเป็นตัวประสาน และเพื่อให้ครูดนตรีไม่ใช่มีบทบาทเพียงสอนดนตรีอย่างเดียว แต่ยังช่วยเหลือเด็กและแม่ของเด็กให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

(update วันที่ 29 สิงหาคม 2543)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับ 342 สิงหาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600