ท้องฟ้าสีหม่นเหมือนทะเลและชายหาดพัทยายามนี้ มีใครบ้างที่มองดูแล้วไม่รู้สึกหงาเศร้า
ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอกสีเทาดำ ฝนที่กำลังโปรยปรายมองดูคล้ายหยดน้ำตา
เสียงลมที่พัดผ่านก็ฟังดูแปลกหู แสงอาทิตย์ที่ส่องทะลุลอดหมู่เมฆพียงเล็กน้อย
ไม่อาจช่วยให้บรรยากาศที่ชายหาดลดความสลัวและอึมครึมลงได้
ข้าพเจ้าแม้เป็นคนร่าเริง ยังรู้สึกหดหู่ ไม่ค่อยสบายใจ ใครที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ
จะมิยิ่งจมดิ่งลงไปสู่ก้นทะเลแห่งความทุกข์หรือ โชคดี
ที่ข้าพเจ้ามาพร้อมกับบุตรภรรยา
ความรู้สึกหดหู่ดังว่าจึงไม่เป็นที่หนักใจ เพราะสามารถถ่ายเทระบายออกไปได้
วันที่ 14 เมษายน 2543 ในช่วงบ่ายๆ ข้าพเจ้านอนเอนกายบนเตียงผ้าใบที่ชายหาดพัทยาพร้อมกับภรรยา
ในขณะที่ลูกชายกำลังเล่นน้ำทะเล ดวงตาของข้าพเจ้าจับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้า ปากก็พร่ำบ่นว่า
"ทำไมท้องฟ้าจึงมีลักษณะเป็นอย่างนี้ มองดูแล้วเศร้าจังมันทำให้นึกถึงเรื่องราวของคุณดารณี"
ข้าพเจ้าและครอบครัวเดินทางมาพัทยาครั้งนี้ เพื่อต้องการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
เพราะข้าพเจ้าทำงานหนักมาตลอดไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัว จนกลัวว่า จะมีช่องว่างแห่งความเข้าใจเกิดขึ้น
การที่ได้ออกมาเที่ยวด้วยกันบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ทำให้ครอบคัวเราไม่เคยเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกัน
นอกจากนั้น การมาพัทยาครั้งนี้ เรายังได้รับความเอื้ออนุเคราะห์เกี่ยวกับโรงแรมที่พักจากคนไข้รายหนึ่งที่ชื่อ
คุณดารณี อีกด้วย การมาท่องเที่ยวครั้งนี้ก็น่าจะมีความสุขดี
สำหรับคุณดารณีคนไข้รายนี้มีเรื่องราวมากมายที่น่าศึกษา เธอเพิ่งถูกโชคชะตาพลิกผันเล่นงาน
จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด นอกจากต้องสูญเสียลูกชายคนแรกที่กำลังจะคลอดในปีมังกรทองแล้ว
ตัวเธอเองยังต้องบอบช้ำจากการผ่าตัดต่อลำไส้ที่อุดตันในเวลาเพียงข้ามวันหลังจากแท้งบุตรอีก
วันที่ 5 พฤษภาคม 2542 คุณดารณีและสามีซึ่งเป็นชาวฮ่องกง ได้เดินทางมาพบกับข้าพเจ้า
ที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อปรึกษาปัญหาการมีบุตรยาก เธออยู่กินกับสามีมา 4 ปีก่อนที่จะมาหาข้าพเจ้า
3 ปีก่อน เธอได้ไปปรึกษาเรื่องนี้ที่โรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง หมอตรวจพบเนื้องอกถุงน้ำรังไข่
(Chocolate cyst) ที่อุ้งเชิงกรานด้านซ้ายและแนะนำให้ผ่าตัดลอกเอาถุงน้ำรังไข่ (Cystectomy) ออก
เธอตอบตกลง โดยขอให้หมอช่วยผ่าตัดไส้ติ่งแถมด้วย ผลที่ตามมาคือ หลังผ่าตัดตำแหน่งที่ตัดไส้ติ่งออก
เกิดการอักเสบติดเชื้อเป็นผลให้หมอต้องทำการผ่าตัดซ้ำเพื่อไปล้างเอาหนองออกและเย็บซ่อมแซมส่วนนั้น
เธอต้องนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานถึง 1 เดือนแทนที่จะเป็น 1 สัปดาห์ ด้วยผลพวงจากของแถมครั้งนี้
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดให้คุณดารณี ปรากฏว่า พบเนื้องอกถุงน้ำรังไข่
ชนิดเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีกทางด้านขวา โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของถุงน้ำรังไข่กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร
ข้าพเจ้าได้แนะนำให้เจาะดูดของเหลวภายในถุงน้ำรังไข่ทิ้งในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีรอบเดือนถัดไป
แม้ไม่ใช่การรักษาถาวร แต่ถือเป็นการเตรียมคนไข้เพื่อการทำ "กิ๊ฟ" หรือ "เด็กหลอดแก้ว"
วันที่ 14 มิถุนายน 2542 ข้าพเจ้าได้ทำการเจาะ "ไข่" ภายหลังจากกระตุ้นไข่ 7 วัน ปรากฏว่า
ได้ไข่ทั้งหมด 13 ใบ จึงทำให้ "เด็กหลอดแก้ว" ทั้งหมด วันรุ่งขึ้นปรากฏว่า มีการปฏิสนธิได้ "ตัวอ่อน" 10 ตัว
สองวันถัดมาข้าพเจ้าได้พยายามทำการย้าย "ตัวอ่อน" 3 ตัว เข้าไปทางท่อนำไข้ด้านขวา
โดยการเจาะท้องส่องกล้องเขาไปหยอดแต่
ภายในอุ้งเชิงกรานของเธอมีพังผืดมาก
เกินกว่าที่จะหยอดตามปกติได้ โชคดีที่ข้าพเจ้าสามารถทำการผ่าตัดเลาะพังผืดได้ด้วยกรรไกร
ที่มีแกนยาวผ่านกล้องทางหน้าท้อง ข้าพเจ้าจึงสามารถหยิบจับปีกมดลูกทางด้านขวาขึ้นมาและ
หยอด "ตัวอ่อน" ได้ในที่สุด
วันที่ 30 มิถุนายน 2542 หลังจากได้ทำการเจาะเลือดทดสอบการตั้งครรภ์ผลคือ ค่า BhCG
ขึ้นสูงถึง 400 หน่วยต่อมิลลิลิตร (ค่าที่มากกว่า 25 หน่วยถือว่าตั้งครรภ์) ทุกคนที่ทราบผลต่างดีใจที่เธอท้อง
เธอเองถึงกับอุทานออกมาว่า "ฉันเป็นแม่คนแล้วนะ!"
การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดปัญหา ข้าพเจ้าได้ตรวจดูอัลตราซาวนด์
ติดตามการเจริญเติบโตของทารกเป็นระยะๆ เดือนละครั้ง ตอนที่ตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์
เธอและสามีต่างรู้สึกดีใจมากที่ทราบว่า บุตรในครรภ์เป็นเพศชาย ทั้งสองเชื่อว่ามังกรน้อยคนนี้
คงจะถือกำเนิดมาดูโลกในอีกไม่ช้าแต่
ใครจะคาดเดาถึงอนาคตได้
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2542 ขณะที่คุณดารณีตั้งครรภ์ได้ 26 สัปดาห์ วันนั้นเธอเดินทางมาพัทยา
และเกิดอาการจุกเสียดปวดท้องน้อยขึ้นตอน 5 โมงเย็น เธอได้โทรศัพท์มาจากพัทยาเล่าว่า
"ดา รู้สึกปวดมวนๆ ท้องน้อย เนื่องจากท้องว่ามาตั้งแต่เช้าเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง คือ
ดาเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตอนเที่ยง มาถึงพัทยาตอนบ่ายโมง ดารอจะร่วมรับประทานพร้อมสามี
แต่สามีดาติดธุระยุ่งๆ ตลอดช่วงบ่าย พอพบสามีตอนสี่โมงเย็นและไปกินข้าวด้วยกัน ด้วยความหิว
ดาเลยรับประทานอาหารค่อนข้างมาก ตอนนี้รู้สึกปวดท้องขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นอะไรจึงตัดสินใจ
แวะเข้ามาพักที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน หมอที่นี่บอกว่าเป็นโรคกระเพาะ ดากะว่าพรุ่งนี้เช้า
จะกลับเข้ากรุงเทพฯ ไปตรวจกับหมอได้ไหม"
"ได้
ได้ ไม่มีปัญหา" ข้าพเจ้าตอบไปทางโทรศัพท์ โดยไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ตอนเช้าวันที่ 25 พ.ย. 2542 ขณะที่กำลังผ่าตัดคลอดบุตรให้สตรีรายหนึ่งอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้อง
จากวิทยุติดตามตัวให้โทรกลับไปหาคุณดารณี ข้าพเจ้ากะว่ารอให้เสร็จสินจากการผ่าตัดก่อนแล้วจะโทรกลับไป
ที่ไหนได้ ในระยะเวลาเพียง 15 นาทีถัดจากนั้น ก็มีเสียงวิทยุติดตามตัวเรียกมาอีกติดๆ กันถึง 2 ครั้ง
ขณะที่กำลังโทรกลับไป ยังมีการเรียกวิทยุติดตามตัวเข้ามาอีก คราวนี้ปรากฏข้อความที่น่าตกใจว่า
"หนูแท้งบุตรแล้ว เช้านี้โทรกลับหาดารณีด่วน"
ข้าพเจ้าแทบช็อคกับข่าวที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้กับคุณดารณี
เธอบอกว่า "ตอนเช้า ดาปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงและรู้สึกมีอะไรมาตุงๆ แถวช่องคลอด
สักพักหนึ่งดาปวดท้องมากจนต้องเบ่งคลอด แล้วก็แท้งบุตรออกมา เด็กน่ารักมากเลยเป็นผู้ชายด้วย
หนักตั้ง 1 กิโลกรัม ทารกดิ้นเหมือนกับต้องการจะหนีให้พ้นเงื้อมือมัจจุราช แต่ไม่มีใครช่วยเหลือได้
หมอบอกว่า โรงพยาบาลต่างจังหวัดมักเป็นเช่นนี้ คือมีปัญหาเรื่องเครื่องมือในการดูแลเด็กเล็กมากๆ
ทารกที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 1 กิโลกรัมลงมาจึงไม่ค่อยมีโอกาสรอดชีวิตช่างน่าเสียดายจริงๆ "
หลังจากแท้งบุตร เธอท้องอืดขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่กว่าที่ตั้งครรภ์ 26 สัปดาห์เดิมซะอีก
คุณหมอที่ดูแลได้ส่งคุณดารณีไปตรวจดูอัลตราซาวนด์ทางหน้าท้อง ผลปรากฏว่า "ลำไส้โป่งพองตัว
และมีน้ำอยู่ในช่องท้องจำนวนมาก"
คุณดารณีโทรทางไกลมาบอกในตอนบ่ายว่า "หมอที่นี่เขาจะใช้เข็มยาวๆ เจาะผ่านหน้าท้องเข้าไปดูดน้ำออกมา
คุณหมอคิดว่าอย่างไร"
ข้าพเจ้า แนะนำไปทางโทรศัพท์ว่า "อย่าเด็ดขาด คุณดารณี ตอนนี้ลักษณะที่ปรากฏ
น่าจะเป็นผลพวงมาจากภาวะลำไส้ใหญ่ถูกอุดตันเนื่องจากในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อน เคยมีประวัติติดเชื้อในช่องท้อง
ผมว่ารีบเข้ามากรุงเทพฯจะดีกว่า"
การที่ข้าพเจ้าแนะนำเช่นนั้น เพราะเชื่อมั่นว่า หมอที่พัทยาไม่รู้ประวัติการติดเชื้อในช่องท้อง
ที่เกิดขึ้นในอดีต จึงวินิจฉัยผิดพลาด หากเจาะด้วยเข็มผ่านทางหน้าท้องคนไข้เข้าไป มีหวังลำไส้ทะลุ
เนื่องจากลำไส้ส่วนใหญ่ถูกยึดติดด้วยพังพืดแล้วผลที่ตามมาจะวุ่นวายไม่รู้จบ
3 ทุ่มของวันเดียวกัน คุณดารณีเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าได้ไปตรวจสภาพของคนไข้
และให้เอกซเรย์ พร้อมทั้งปรึกษาศัลยแพทย์ผลการวินิจฉัยของศัลยแพทย์ "น่าจะเข้าได้กับภาวะลำไส้อุดตัน
แต่น่าแปลกใจทิ่ฟิล์มเอกซเรย์ไม่แสดงภาวะนี้อย่างชัดเจนประกอบกับเธอมีอาการปวดท้องน้อยลง"
หมอวิชัย ซึ่งเป็นศัลยแพทย์เวรในวันนั้น บอกกับเธอ สามี และข้าพเจ้าว่า "ขอดูอาการสัก 2-3 ชั่วโมง
ถ้าปวดท้องมากขึ้นหรือมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดบอกเหตุว่า ลำไส้อุดตันผมจะผ่าตัดทันที"
2 นาฬิกาของเช้าวันใหม่ คุณดารณีมีไข้สูง ท้องอืดมากขึ้น และปวดท้องอย่างรุนแรง
หมอวิชัยจึงได้ทำการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเข้าไป ผลเป็นดังคาด คือ ลำไส้เล็กอุดตันและมีลำไส้บางส่วน
ขาดเลือดจนคล้ำ หมอวิชัยได้ทำการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนที่ขาดเลือดมาเลี้ยงทิ้ง ซึ่งยาวประมาณ 2 ฟุต
และทำการเย็บต่อลำไส้ส่วนที่เหลือเข้าหากันด้วย พร้อมทั้งเลาะพังผืดทิ้งเท่าที่จะเลาะได้
ข้าพเจ้าได้เข้าไปดูการผ่าตัดครั้งนี้ รู้สึกเห็นใจคุณดารณีเป็นอย่างมาก ตอนเช้าหลังจากฟื้นจากการผ่าตัด
ข้าพเจ้าได้เข้าไปเยี่ยมคุณดารณี และบอกกับเธอว่า "คุณเป็นลำไส้อุดตันและขาดเลือด ซึ่งเป็นผลพวง
จากการตัดไส้ติ่งออกครั้งนั้น ภาวะลำไส้อุดตันนั้นรุนแรงมากจนทำให้แท้งบุตร ซึ่งมีอายุครรภ์ถึง 26 สัปดาห์ได้
น่าเสียดายที่ทารกคลอดในต่างจังหวัด หากคลอดในกรุงเทพฯ ทารกน้ำหนักขนาด 1,000 กรัม
อย่างนี้น่าจะเลี้ยงรอด อย่างไรก็ตามตอนนี้ถือว่า คุณปลอดภัยแล้วอย่าไปคิดมากเลย คุณยังมี "ตัวอ่อน"
เหลืออยู่อีก 7 ตัว การรักษาภาวะมีบุตรยากในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก ผมจะพยายามช่วยให้คุณมีลูกได้อีกครั้ง"
คุณดารณี นอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลนาน 10 วัน ก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านพัทยา เวลาผ่านไปได้ 2 สัปดาห์
เธอได้โทรศัพท์มาปรึกษาว่า
"อยากมีลูกปีมังกรทองจะทำยังไงดี"
"ตอนนี้ สภาพร่างกายของคุณคงไม่ไหว หากอยากมีลูกจริงๆ คงต้องหาผู้หญิงอื่นมาอุ้มบุญแทน"
ข้าพเจ้าบอกไปทางโทรศัพท์
"ไม่มีปัญหา พี่สาวของดา ซึ่งเคยมีลูกมาแล้ว 2 คน ยินยอมจะตั้งครรภ์ให้ ตอนนี้เธออายุ 38 ปี
หมอคิดว่าจะมีปัญหาไหม?" คุณดารณีถาม
"ดีเลย ผู้หญิงที่เคยตั้งครรภ์มาแล้ว คงตั้งครรภ์ใหม่ได้ไม่ยาก" ข้าพเจ้าชี้แจงไปสั้นๆ
และนัดแนะให้พี่สาวคุณดารณีมาตรวจร่างกาย ผลการตรวจร่างกายปกติ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเตรียมมดลูก
ให้ในรอบเดือนถัดมา โชคไม่ดี การเตรียมมดลูกครั้งแรกโดยการรับประทานฮอร์โมน ปรากฏว่า
เยื่อบุโพรงมดลูกบางเกินไป คือมีความหนาน้อยกว่า 7 มิลลิเมตร
ข้าพเจ้าจึงยกเลิกการหยอด "ตัวอ่อน" และปล่อยพี่สาวคุณดารณีมีประจำเดือนตามปกติ
จากนั้นได้ติดตามตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอดในรอบเดือนถัดมา ผลปรากฏว่า
"เยื่อบุโพรงมดลูกหนา 8.8 มิลลิเมตร ในช่วงใกล้ไข่ตก"
ข้าพเจ้าได้อธิบายให้คุณดารณีทราบถึงว่า "ร่างกายของพี่สาวคุณดารณีมี "ไข่" เจริญตามปกติ
ไข่สร้างฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนเพศทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว ตอนนี้พี่สาวของคุณพร้อมแล้ว
เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาถึง 8 มิลลิเมตร ผมจะละลาย "ตัวอ่อน" ออกมาและหยอดให้ในอีก 2 วันถัดไป"
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543 ข้าพเจ้าได้ให้เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการละลาย "ตัวอ่อน" ของคุณดารณี
ออกมา 4 ตัว และเจาะท้องส่องกล้องหยอด "ตัวอ่อน" เข้าไปในปีกมดลูกด้านขวา
2 สัปดาห์ถัดมา ได้เจาะเลือดทดสอบการตั้งครรภ์ปรากฏว่า ให้ผลบวก (Serum BhCG = 2316 หน่วยต่อมิลลิลิตร)
เมื่อติดตามดูด้วยอัลตราซาวนด์ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าได้ทารกครรภ์เดี่ยว (Singleton) นับถึงบัดนี้ได้ 13 สัปดาห์
ทารกแข็งแรงดี คาดว่าจะคลอดราวปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2543
"ดีใจจัง ที่ลูกจะได้เกิดปีมังกรทอง" คุณดารณีกล่าวขึ้นหลังจากทราบว่า พี่สาวของเธอตั้งครรภ์
ข้าพเจ้าได้แนะนำให้พี่สาวคุณดารณีพักผ่อนมากๆ และไม่ทำงานหนัก หวังว่าคุณดารณีและสามี
จะประสบสุขสมใจไม่ผิดหวังซ้ำอีก
ที่พัทยา คุณดารณีและสามีได้ให้การต้อนรับครอบครัวข้าพเจ้าเป็นอย่างดี แม้ว่า ท้องฟ้าเหนือเมืองพัทยา
จะหมองเป็นสีหม่น และฝนตกบ่อยๆ ในช่วงนี้ แต่คุณดารณีและสามีไม่มีสีหน้าหม่นหมองเลย สนุกสนาน
ยิ้มแย้มแจ่มใส วันเวลายังคงดำเนินต่อไป อดีตจะเป็นอย่างไรอย่าไปคิดถึงมันเลย อนาคตข้างหน้ายังมีหวัง
เป็นธรรมดา คนเราทุกคน ย่อมมีโอกาสพบกับช่วงเวลาที่เลวร้าย คงต้องมีสักวันหนึ่ง
ที่เมฆหมอกแห่งความโชคร้ายจะหมดไป ดุจฟ้าหลังฝน ที่เหลือไว้แต่ท้องฟ้าที่สดใสและไอแห่งความสดชื่น
พ.ต.ท.นพ.เสรี ธีรพงษ์
|