ความพยายามของมนุษย์ที่จะช่วยเหลือให้ชายที่เป็นหมันมีลูกได้นั้นมีมานานแล้ว
ค.ศ.1984 (พ.ศ 2527) PRYOR และคณะ ได้จุดประกายความหวังโดยก่อให้เกิดการตั้งครรภ์สำเร็จ
เป็นครั้งแรกในการทำ "เด็กหลอดแก้ว" ด้วยการใช้ "ตัวอสุจิ" ที่เจาะดูดออกมาจากท่อนำน้ำเชื้อ
ของผู้ชายเป็นหมันคนหนึ่ง โดยมีชื่อเรียกวิธีนี้ในเชิงวิชาการว่า "MESA" (มีซ่า ย่อมาจาก Microsurgical
Epididymal Sperm Aspiration) โชคไม่ดี ที่การตั้งครรภ์ครั้งนี้สิ้นสุดลงด้วยการแท้งเพียงแค่อายุครรภ์ 9 สัปดาห์
จนกระทั่งปี ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) Silber และคณะ ได้ใช้วิธีการเดียวกันประสบความสำเร็จ
ได้ทารกรายแรกของโลกจากคู่สมรสที่สามีไม่มี "ตัวอสุจิ" ในน้ำเชื้อ แต่
พบว่าการทำ เด็กหลอดแก้ว
วิธีมาตรฐานโดยใช้ "อสุจิ" ที่เจาะดูดออกมาจากอัณฑะส่วน Epididymis ได้ผลสำเร็จค่อนข้างน้อย
จึงมีการค้นหาวิธีการอื่นมาช่วยเหลือต่อไป
ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535) Palermo และคณะทำ อิ๊กซี่ สำเร็จได้หนูน้อย อิ๊กซี่ เป็นรายแรกของโลก
หลังจากนั้นจึงมีการนำเอาวิธี อิ๊กซี่ มารักษาร่วมด้วยในคู่สมรสที่สามีเป็นหมันโดย
หากใช้ ตัวอสุจิ ที่ได้จากการเจาะดูดออกมาจากท่อนำน้ำเชื้อเพื่อมาทำ อิ๊กซี่
ก็เรียกว่า MESA/ICSI (มีซ่า/อิ๊กซี่)
หากใช้ ตัวอสุจิ ที่ได้จากการบดชิ้นเนื้อเล็กๆ ของอัณฑะที่ตัดออกมาก็เรียกว่า TESE/ICSI (เทเซ่/อิ๊กซี่)
ย่อมาจาก Testicular Sperm Extraction/Intracytoplasmic Sperm Injection
มีซ่า/อิ๊กซี่ และ เทเซ่/อิ๊กซี่ เป็นกรรมวิธีที่ใช้ได้ผลอย่างดียิ่งในกรณีสามีเป็นหมัน
ประสบความสำเร็จใกล้เคียงกัน แนวทางการรักษาคล้ายๆ กัน แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย
คือ มีซ่า/อิ๊กซี่ จะเลือกใช้ในกรณีที่คาดว่ามี ตัวอสุจิที่บริเวณส่วนท่อนำน้ำเชื้อของอัณฑะส่วน
เทเซ่/อิ๊กซี่ ใช้ได้กับทุกกรณี
การศึกษาค้นคว้างานวิจัยจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน พบว่า
- การฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก (IUI) โดยใช้ อสุจิ ที่เจาะดูดได้จากอัณฑะด้วยวิธี MESA
ให้ผลสำเร็จร้อยละ 0-4 เท่านั้น
- การทำ เด็กหลอดแก้ว วิธีมาตรฐาน (IVF-ET) โดยใช้ อสุจิ จากวิธี MESA ประสบความสำเร็จ
มีอัตราการตั้งครรภ์พียงร้อยละ 5-10 เท่านั้น
- การทำ อิ๊กซี่ ด้วย อสุจิจากวิธี MESA ประสบความสำเร็จมีอัตราการตั้งครรภ์เพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้น
- การทำ อิ๊กซี่ ด้วย อสุจิจากวิธี MESA หรือ TESE ให้ผลสำเร็จสูงกว่ามาก
- ทารกรายแรกของโลกทั้งจากวิธี มีซ่า/อิ๊กซี่ และ เทเซ่/อิ๊กซี่ เกิดในปีเดียวกันคือปี ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537)
ที่ประเทศเดียวกันคือ เบลเยี่ยม
- สำหรับประเทศไทยมีการทำ เทเซ่/อิ๊กซี่ สำเร็จเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลตำรวจโดย
พ.ต.อ.นายแพทย์จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2539
ทารกที่ได้เป็นทารกคู่แฝด แข็งแรง สมบูรณ์ดี
ขั้นตอนการทำ มีซ่า/อิ๊กซี่ และ เทเซ่/อิ๊กซี่ คล้ายคลึงกันมาก มีแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
ตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ โดยตรวจดูลักษณะและขนาดของอัณฑะ
รวมทั้งพยาธิสภาพบริเวณนั้นด้วยว่าผิดปกติหรือไม่
กรณีที่อยู่ในเกณฑ์ปกติแนะนำให้ทำการตัดชิ้นเนื้อตรวจพยาธิสภาพชิ้นเล็กๆ เสียก่อน
ว่ายังมีการสร้าง ตัวอสุจิ หรือไม่แล้วจึงทำขั้นตอนต่อไป
กรณีที่ผิดปกติซึ่งส่วนใหญ่ที่พบคือ อัณฑะฝ่อลีบเล็ก แนะนำว่า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
ในการรักษามีน้อยมาก คู่สมรสมีทางเลือกที่จะใช้
เชื้ออสุจิของชายอื่นแทนหรือจะเสี่ยงรักษาต่อ ซึ่งต้องทำการตัดชิ้นเนื้ออัณฑะ
เพื่อตรวจพยาธิสภาพก่อนเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 2
การตรวจทางพยาธิสภาพ เป็นการตรวจทางพยาธิสภาพของชิ้นเนื้ออัณฑะ
ก่อนให้การรักษา โดยการตัดชิ้นเนื้ออัณฑะเล็กๆ ขนาดประมาณ 7-10 มม.
โดยศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจพิสูจน์ว่าอัณฑะยังมีการสร้าง อสุจิ อยู่หรือไม่
กรณีที่ภายในอัณฑะไม่มีการสร้าง อสุจิ แล้วแนะนำให้ยุติการรักษาหรือใช้ เชื้ออสุจิ ของชายอื่นแทน
กรณีที่อัณฑะยังสร้างตัวอสุจิอยู่จะนัดให้ฝ่ายชายมาตัดชิ้นเนื้ออัณฑะ
อีกครั้งหนึ่งในวันที่เจาะ ไข่ของฝ่ายหญิงเพื่อทำ อิ๊กซี่
ในบางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อของอัณฑะมาตรวจหาพยาธิสภาพก่อน เช่น เคยทำหมันชายแล้ว
แก้หมันไม่สำเร็จ เพราะเชื่อว่ายังมีการสร้าง อสุจิ อยู่อย่างแน่นอนเพียงแต่ถูกขัดขวางไม่ให้ออกมา
สู่ภายนอกได้เท่านั้น
ส่วนกรรมวิธีนำเอา ตัวอสุจิ ออกมาจากอัณฑะ จะเลือกใช้วิธี มีซ่า หรือ เทเซ่ นั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
ขั้นตอนที่ 3
กรรมวิธีนำเอา ตัวอสุจิ ออกมาจากอัณฑะในขณะที่ฝ่ายภรรยาเข้าห้องผ่าตัดเจาะดูดไข่
ฝ่ายสามีก็ต้องเข้าห้องผ่าตัดเช่นกันเพื่อดำเนินกรรมวิธีนำเอา ตัวอสุจิ ออกมา
กรรมวิธี มีซ่า จะเป็นการใช้เข็มที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ (Micropuncture Pipet) เจาะลงบริเวณ
Epididymis ของอัณฑะแล้วดูดเอา อสุจิ ออกมา
กรรมวิธี เทเซ่ จะเป็นการกรีดตัดเนื้อของอัณฑะเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 7-10 มม.
แล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการไปบดและเขี่ยหา ตัวอสุจิ ออกมาเมื่อพบ ตัวอสุจิ
แล้วจะนำไปล้างในน้ำยาจากนั้นจึงนำไปทำ อิ๊กซี่ ต่อไป
ในส่วนของภรรยา มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1
กระตุ้น ไข่ และเจาะเก็บ ไข่ โดยใช้ยาหรือฮอร์โมนฉีดกระตุ้นเพื่อให้ได้ ไข่หลายๆ ใบ เมื่อ ไข่
เหล่านั้นโตได้ขนาดที่เหมาะสมจึงเจาะเก็บออกมา
ขั้นตอนที่ 2
ทำ อิ๊กซี่ เมื่อได้ ไข่ ออกมาแล้วจะนำมาคัดเลือกเอาเฉพาะ ไข่ ที่สุกเต็มที่เท่านั้น
ขณะเดียวกันจะให้สามีเข้าห้องผ่าตัดเพื่อทำการเจาะดูด ตัวอสุจิ ที่บริเวณ Epididymis (วิธี MESA)
หรือกรีดตัดเอาชิ้นเนื้ออัณฑะชิ้นเล็กๆ ไปบดและเขี่ยหา ตัวอสุจิ (วิธี TESE) เมื่อพบ ตัวอสุจิ
แล้วก็จะนำเอามาเจาะใส่ ไข่ เพียงตัวเดียวโดยใช้เครื่องมือพิเศษ (Micromanipulator)
ขั้นตอนที่ 3
การประเมินสภาพการปฏิสนธิของ "ตัวอ่อน" "ไข่" ที่ทำ อิ๊กซี่ แล้วจะถูกนำมาเลี้ยงไว้
ในน้ำยาเลี้ยง ตัวอ่อน ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซนติเกรด ภายใต้บรรยากาศที่เหมาะสม ทิ้งไว้ประมาณ 16-18 ชั่วโมง
จึงมาตรวจดูว่า มีการปฏิสนธิเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีการปฏิสนธิจึงจะพิจารณานำ ตัวอ่อน
กลับเข้าสู่ร่างกายคนไข้สตรีต่อไป
ขั้นตอนที่ 4
การนำ ตัวอ่อน กลับเข้าสู่ร่างกายคนไข้สตรี โดยอาจจะดำเนินการนำกลับเข้าทางปากมด
หรือปีกมดลูก ก็แล้วแต่ความเหมาะสม
ความพิการแต่กำเนิดของทารกที่เกิดจากการทำ อิ๊กซี่
ทารกที่คลอดออกมาแล้วจำนวนกว่า 800 คน พบเพียง 21 คน (2.6%) เท่านั้นที่มีความพิการ
แต่กำเนิดชนิดรุนแรงและอีก 8 ราย (1%) มีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อเทียบกับทารก
ที่คลอดออกมาตามธรรมชาติจะเห็นว่า ไม่มีความแตกต่างกันเลย
นอกจากนี้ได้มีการตรวจหาโครโมโซมของทารกในขณะตั้งครรภ์จาก 9 ศูนย์รักษามีบุตรยาก
จำนวน 361 คน พบว่า 354 (ร้อยละ 98) ทารกมีโครโมโซมผิดปกติ
ภาวะตั้งครรภ์แฝด
พบร้อยละ 17.6 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฝดสอง มีส่วนน้อยประมาณร้อยละ 1 เป็นแฝดสาม
ความพิการแต่กำเนิดในเด็กแฝด ก็พบเพียงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 2.5 ซึ่งไม่ต่างจากทารกทั่วๆ ไป
ความสำเร็จของการตั้งครรภ์เท่าที่มีรายงาน จะอยู่ในราวร้อยละ 20-40 ขึ้นอยู่กับสถาบันที่ทำการรักษา
สำหรับในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นประเทศผู้นำในการทำ อิ๊กซี่ จะพบว่ามีอัตราการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยร้อยละ 30
ผลสำเร็จของการทำ อิ๊กซี่
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหรือสภาพของ ตัวอสุจิ
แต่ขึ้นอยู่กับอายุของสตรีที่มารักษาเป็นสำคัญ โดยพบว่า
- สตรีที่อายุต่ำกว่า 34 ปี มีอัตราการตั้งครรภ์ร้อยละ 38
- สตรีมีอายุระหว่าง 35-39 ปี มีอัตราการตั้งครรภ์ร้อยละ 23
- สตรีอายุมากกว่า 40 ปี มีอัตราการตั้งครรภ์ร้อยละ 6
ผลสำเร็จจากวิธี อิ๊กซี่ นี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของทีมแพทย์ผู้รักษา, เครื่องมือที่ทันสมัย
และห้องปฏิบัติการเลี้ยง ตัวอ่อน ที่มีคุณภาพอย่างยิ่ง
สำหรับค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับสถานที่รักษา หากทำในสถาบันของรัฐคาดว่า คงอยู่ในระหว่าง 3-5 หมื่นบาท
ต่อ 1 ครั้งดำเนินการ แต่ในสถาบันเอกชนจะแพงขึ้นไปอีก 2-3 เท่า
การเป็นหมันชายตามความเข้าใจสมัยก่อนที่ว่าไม่มี ตัวอสุจิในน้ำเชื้อที่หลั่งออกมา
ไม่เป็นจริงเสียแล้วในปัจจุบัน
ขอเพียงแต่ให้มี ตัวอสุจิ หลงเหลืออยู่ในอัณฑะท่านจะสามารถสร้างฝันมีลูกสมบูรณ์เองได้
โดยไม่ต้องไปยังต่างประเทศ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ
พ.ต.ท.นพ.เสรี ธีรพงษ์
|