ผลสำรวจพบคนไทยยังผวา เพราะเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังแย่ เนื่องจากมีปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ฟังแล้ว ถ้าไม่ทำให้ กลุ้มใจ ก็อยากทำตัวให้เป็นคนไม่ รู้เรื่องรู้ราว ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ตัวเองประสบอยู่ไปซะเลย
จะได้ไม่สะทกสะท้านต่อสภาพรอบข้างให้ร้อนรุ่ม
ถ้าใครยังมีงานทำอยู่ หากราคาสินค้าจะขึ้นไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ คงไม่กระทบมากนัก แม้จะมีรายจ่ายสูงขึ้น
แต่หากรู้จักใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เชื่อว่าสามารถเอาตัวรอดแน่ ตรงข้ามกับผู้ถูกเลย์ออฟ หรือยังหางานทำไม่ได้
คงมีสภาพที่น่าเห็นใจกว่า แต่หวังว่า ท่านผู้ถูกปลดระวางจากงาน น่าจะตั้งหลักใหม่ได้แล้ว ส่วนผู้ที่ยังหางานทำอยู่
แม้เศรษฐกิจจะทรงๆ ทรุดๆ อย่างนี้ก็เถอะ เห็นหน้ากระดาษเปิดรับสมัครงาน มีหลายบริษัทเริ่มทยอยรับคนมากขึ้นแล้ว
ใครรู้ตัวว่ามีคุณสมบัติตรงเป้า ก็อย่าปล่อยให้อนาคตหลุดลอยไป
ตอนเศรษฐกิจถดถอยเนี่ย ก็ดีไปอย่าง ทำให้คนทั้งหลายตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตว่า ผู้ป่วยด้วยโรคทางใจ
ก็ถือเสมือนเป็นผู้ป่วยด้วยโรคทางกายนั่นแหละ เผลอๆ คนที่ป่วยทางใจ
อาการอาจสาหัสกว่าเจ็บป่วยทางกายด้วยโรคบางอย่างด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้คนบ้านเรา
จึงไม่ค่อยให้ความสนใจกับสุขภาพจิต ขืนใครเดินเข้าไปหาจิตแพทย์มักถูกล้อเป็นคนบ้า
ทั้งๆ ที่การไปพบจิตแพทย์ถือเป็นเรื่องปรกติจะตายไม่ใช่เรื่องน่าละอาย หรือน่ารังเกียจแต่อย่างใด
เพราะมนุษย์ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งกายและใจพอๆ กัน หากสุขภาพจิตดีจะไปพยุง
ให้สุขภาพกายแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
จากการเปิดอินเตอร์เน็ต ไปเจอเว็บไซต์ของ ดร.ล็อคฮาร์ท (Dr.Lockhart's Psychology Site) ทำให้ทราบว่า
- เฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยด้วยปัญหาทางใจขั้นหนักหนาเอาการถึง 28 ล้านคน
- และร้อยละ 60 ของพนักงานลาป่วย เนื่องจากมีปัญหามากระทบใจมากที่สุด
เหตุนี้ ทุกท่านจึงควรดูแลขวัญและกำลังใจ ของตัวเองให้ดีๆ ด้วยการ
1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพย์ติดระงับความตรอมใจ ใครจะโฆษณาสรรพคุณว่า ยาตัวนี้เสพแล้วทำให้ครึกครื้น
มันก็เพียงสยบความเศร้าแค่ชั่วคราว ตรงข้าม ถ้าเสพแล้วติดใจจะยุ่งกว่านะ
2. อย่าคิดมากกับเรื่องที่ยังไม่เกิด แต่เรากลับไปตระหนกเสียก่อน เพราะไม่ทำ ให้อะไรดีขึ้น
3. รู้จักพูดเล่น หยอกล้อกับเพื่อนฝูง, ญาติมิตร หรือถ้ากุ๊กกิ๊กกับแฟนได้ยิ่งดี.
คนสมถะ
|