|
|
ไข้ คือ การที่อุณหภูมิของร่างกายสูงเกินปกติ ซึ่งร่างกายคนปกติ
จะมีอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส เมื่อวัดทางปาก อุณหภูมิร่างกายคนปกติ |
จะเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อม เวลา เช่น เวลาเช้าอุณหภูมิของร่างกายจะ
ต่ำกว่าอุณหภูมิตอนบ่ายหรือเย็น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหว
ของกล้ามเนื้อหรือการออกกำลังกายและขึ้นกับฮอร์โมนในร่างกายด้วย
อุณหภูมิร่างกายคนปกติจะถูกควบคุมให้อยู่คงที่โดยศูนย์ควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่สมอง
ส่วน Hypothalamus ไข้จะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมินี้ โดยสารที่ทำให้เกิดไข้
อาจมาจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดปฏิกิริยาภายในและเกิดสารที่ออกฤทธิ์บริเวณสมอง
ส่วนที่ควบคุมอุณหภูมินี้ และส่งสัญญาณมาทางระบบประสามทอัตโนมัติ ทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว
ทำให้ความร้อนในร่างกายระบายออกทางผิวหนังลดลง จึงพบว่าเวลามีไข้ มือ เท้าจะเย็น แต่ศีรษะจะร้อน
บาครั้งมือเท้าซีดและเขียว เนื่องจากผิวหนังขาดออกซิเจน ถ้าอุณหภูมิที่ผิวหนังต่ำมาก
ก็จะเกิดการสั่นของกล้ามเนื้อ ดังที่เห็นว่าเวลามีไข้แล้วหนาวสั่น การสั่นของกล้ามเนื้อทำให้มี
การสร้างความร้อนมากขึ้น ถ้าความร้อนในร่างกายถูกสร้างขึ้นมาก อุณหภูมิในร่างกายก็จะสูงขึ้นมาก
จะทำให้ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิเสียการทำงานไปและไม่ตอบสนองต่อยาลดไข้
ลักษณะของไข้
ก.ไข้สูงลอยอยู่ตลอด คือ อุณหภูมิจะสูงอยู่ระดับหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ้างก็เพียงเล็กน้อย
ไม่ลดถึงระดับปกติ
ข. ไข้ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างอุณหภูมิสูงกับอุณหภูมิระดับปกติ
ค. ไข้ขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ลงถึงระดับปกติ
ง. ไข้ขึ้นหลายๆ วัน แล้วลดเป็นวัน แล้วกลับขึ้นอีก
จ. ไข้ต่ำๆ ตลอด ไม่ลดลงระดับปกติ
สาเหตุของไข้
1. การติดเชื้อที่มีการอักเสบเฉพาะที่ เช่น คออักเสบ ลำไส้อักเสบ ข้ออักเสบ
2. การติดเชื้อซึ่งไม่มีอาการเฉพาะที่ เช่น ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไทฟอยด์ เป็นต้น
3. การมีไข้ร่วมกับอาการอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต ตัวเหลือง มะเร็งต่างๆ
โรคติดเชื้อบางชนิด อาจไม่มีไข้ เช่น โรคเรื้อน กลากเกลื้อน พุพองตามผิวหนัง เป็นต้น
มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นไข้แล้วหาสาเหตุโดยตรวจร่างกายไม่ได้ ประวัติจากลักษณะการมีไข้
จำนวนวันที่เป็นมา จะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ดีขึ้น เช่น ไข้ในระยะ 2-3 วันแรกนั้นจะมีหลายโรคที่คล้ายกัน
เช่น ไข้เลือดออก ซึ่งจะบอกได้แน่นอนเมื่อไข้ประมาณ 4-5 วันไปแล้ว ไข้ไทฟอยด์ก็จะบอกได้เมื่อไข้ประมาณ 7 วัน
หรือลักษณะการเป็นไข้ 1 วัน เว้นไป 2-3 วัน แล้วเป็นใหม่ก็ให้นึกถึงไข้มาลาเรีย หรือไข้สูงติดต่อกันตลอด
ก็ทำให้นึกถึงโรคปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ในการที่จะช่วยวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง
ก็อาจต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการช่วย เช่นการตรวจเลือด ปัสสาวะ และเอกซเรย์ เป็นต้น
การรักษา
รักษาต้นเหตุของการเกิดไข้
ลดไข้
- ให้ยาลดไข้ อาจเป็นพวกแอสไพริน พาราเซตามอล
- เช็ดตัวให้ผู้ป่วย ควรใช้น้ำประปาเช็ดไม่ควรใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็งเช็ดตัว เพราะทำให้หลอดเลือดหดตัว
ระบายความร้อนออกยากและยังทำให้เกิดอาการหนาวสั่น ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นได้ ควรเช็ดที่ศีรษะ
และลำตัวส่วนที่ร้อนไม่ควรเช็ดส่วนมือและเท้าที่เย็น
- ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหนาเพราะความร้อนจะระบายออกยาก
- เด็กที่มีไข้จากภาวะขาดน้ำควรแก้โดยการให้ดื่มน้ำมากๆ หรือให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ถ้าเด็กมีไข้สูงมาก การให้ยาลดไข้จะไม่ค่อยได้ผลควรเช็ดตัวให้ไข้ลด สำหรับเด็กที่เคยชักมาก่อน
ไม่ควรปล่อยให้ไข้สูง ควรมียาลดไข้และยากันชักไว้ประจำบ้านมิฉะนั้นอาจชักอีกได้
พญ.กิ่งแก้ว ตันติพลาผล
|