มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 ต่อมธัยรอยด์เป็นพิษในเด็ก


โรคต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ (Thyrotropicosis) คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากร่างกายมีธัยรอยด์ฮอร์โมน มากกว่าปกติ การที่ธัยรอยด์ฮอร์โมนมากกว่าปกติเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ คือ
1. ต่อมธัยรอยด์ทำงานมากเกินไป
2. ได้รับธัยรอยด์ฮอร์โมนจากแหล่งอื่น เช่น กินยาธัยรอยด์ฮอร์โมนมาเกินไป

โรคธัยรอยด์เป็นพิษในเด็กพบได้ตั้งแต่วัยก่อนเรียนเป็นต้นไป อุบัติการมากขึ้นเรื่อยๆ ในเด็กที่โตกว่านี้จนถึงวัยรุ่นไม่ค่อยพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และมักพบในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย

โรคนี้ต่อมธัยรอยด์จะสร้างธัยรอยด์ฮอร์โมนมากผิดปกติ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย คือ
1. การเผาผลาญอาหารจะสูงขึ้น
2. หัวใจเต้นเร็วขึ้น ชีพจรจะเร็วแม้ขณะนอนหลับ ความดันเลือดสูงขึ้น
3. สลายโปรตีนทำให้น้ำหนักตัวลดลง ทำให้การดูดซึมคาร์โบไฮเดรตเร็วขึ้น
4. ระบบทางเดินอาหารทำงานมากขึ้นทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อย บางรายมีอาการท้องร่วง

สาเหตุ

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของโรคนี้ แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติ ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Autoimmune Defect) และเชื่อว่าอาจมีกรรมพันธุ์มาเกี่ยวข้อง

อาการ

เริ่มแรกจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการกระวนกระวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยากรับประทานอาหาร รับประทานได้มากแต่น้ำหนักตัวลดลง
ความประพฤติเปลี่ยนไป ขาดสมาธิ การเรียนด้อยลง อารมณ์แปรปรวนบ่อยอาจมีตัวสั่น เหงื่อออกมาก ท้องเสีย ประจำเดือนผิดปกติ กล้ามเนื้อไม่มีแรง เหนื่อยง่ายเมื่อให้เหยียดแขนและกางมือขณะหลับตา จะเห็นมือสั่นเล็กน้อย บางทีอยู่เฉยๆ ก็ตัวสั่นเป็นครั้งคราว การตรวจร่างกายจะพบว่าชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ขึ้น ต่อมธัยรอยด์โตขึ้น

บางรายมีอาการทางตา คือ
1.เปลือกตาเบิ่งขึ้น ทำให้เห็นตาขาวรอบตาดำและตาจะดูเหมือนกำลังจ้องมองดูสิ่งต่างๆ เปลือกตาบนปิดช้ากว่าลูกตาเวลามองลงและกระพริบตาน้อยลง เวลาเหลือบมองข้างบนหน้าผากไม่ย่น อาการมีมากน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เมื่อได้รับการรักษาจนปกติแล้วอาการจะหายไป
2.มีอาการตาโปน บางคนรักษาหายแล้วอาจมีตาโปนเหลืออยู่

การรักษา

1. ให้ยากดการทำงานของต่อมธัยรอยด์
2. ผ่าตัด
3. รักษาด้วยการกินรังสี (Radioachiveodive)
ส่วนใหญ่หมอเด็กมักให้รับประทานยาดูก่อนซึ่งจะมีอาการดีขึ้นภายในเวลา 2-3 อาทิตย์ และผลเลือดจะเป็นปกติภายใน 1-3 เดือน
ระหว่างรักษาการตรวจเลือดเป็นระยะเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับยามากเกินไป
ขณะกำลังได้รับยาในช่วงแรกไม่ควรให้มีความเครียดทางร่างกายและจิตใจ และควรควบคุมไม่ให้ทำงานหรือเล่นมากเกินไป
ฤทธิ์ข้างเคียงของยารักษาธัยรอยด์คือ มีผื่นคัน และทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำผิดปกติได้ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นถ้าเด็กเป็นไข้เจ็บคอหรือมีแผลในปากให้รีบมาพบแพทย์เพื่อเช็กดูว่าเกิดจากเม็ดเลือดขาวน้อยเกินไปหรือไม่

จะต้องรักษานานแค่ไหน

หลังจากที่อาการธัยรอยด์เป็นพิษหายหมดแล้ว ถ้าหยุดรักษาธัยรอยด์โดยที่ยังมีต่อมธัยรอยด์โตอยู่ อาจเกิดอาการขึ้นมาอีกได้
โดยทั่วไปมักให้ยานาน 1.5-2 ปี แต่มีบ่อยที่ต้องให้ยา 3-6 ปี
ผู้ที่เป็นซ้ำมักมีอาการหลังหยุดยา 3-6 เดือน

การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

ต้องเอาก้อนธัยรอยด์ออก 2 ใน 3 ส่วน ก่อนผ่าตัดต้องให้ยาจนมีอาการปกติก่อน
อาการแทรกซ้อนที่เกิดหลังผ่าตัดได้แก่ อัมพาตของสายเสียงทำให้เสียงแหบและถ้าตัดัยรอยด์ออกมาเกินไป อาจเกิดภาวะธัยรอยด์ต่ำเกินไป หรือถ้าผ่าธัยรอยด์ ออกน้อยเกินไปก็อาจเกิดภาวะธัยรอยด์เป็นพิษขึ้นใหม่ได้

ภาวะพร่องธัยรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidisn)

หมายถึงสภาวะที่มีการขาดธัยรอยด์ฮอร์โมนอาจขาดตั้งแต่เกิดหรือเป็นทีหลังก็ได้
ภาวะขาดธัยรอยด์ฮอร์โมนตั้งแต่กำเนิด (Congenital Hypothroidisn) สาเหตุอาจเกิดจาก
1. ความผิดปกติในการสร้างต่อมธัยรอยด์ เช่น ไม่มีต่อมธัยรอยด์
2. เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของต่อมธัยรอยด์
3. เกิดจากแม่กินสารบางอย่าง
ธัยรอยด์ฮอร์โมนมีบทบาทในการเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ในเด็กที่ไม่มีต่อมธัยรอยด์ เมื่อแรกเกิดจะตรวจไม่พบอาการผิดปกติ เนื่องจากธัยรอยด์ฮอร์โมนของแม่ผ่านไปสู่ทารกได้บ้าง

อาการที่น่าสงสัยว่าทารกมีการขาดธัยรอยด์ฮอร์โมนจะพบได้ตั้งแต่อายุ 2-3 สัปดาห์เป็นต้นไป เช่น กินนมน้อย ไม่อยากกินนม หลับมาก มีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจบ่อยๆ ร้องไห้น้อย เสียงแหบ ท้องผูก ท้องป่อง ตัวเหลือง อัตราเติบโตช้ากว่าที่ควร เลี้ยงไม่โตมีการพัฒนาทางสมองล่าช้า ระบบประสาทาเจริญช้ากว่าเด็กปกติ

ต่อมาจะมีอาการมากขึ้นคือ ซีด ท่าทางเชื่องช้า ซึม เฉย ผมบาง ผมเส้นหยาบ กระหม่อมหลังอาจมีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือช้ากว่ากำหนด ลิ้นโต เสียงแหบ ชีพจรช้า ผิวแห้ง กล้ามเนื้ออ่อนแอ อาจมีสะดือจุ่น

เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีอาการพร่องธัยรอยด์ฮอร์โมนชัดเจน ดังนี้คือ
1. อาการของการเผาผลาญอาหารต่ำ
- ผิวหนังซีดและเย็นเนื่องจากการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี แขนขาเป็นลายๆ
- ลำไส้ทำงานน้อยลง ทำให้ท้องผูก
- มีโทนกล้ามเนื้อไม่ดี ท้องป่อง อาจมีสะดือจุ่น
- เชื่องช้า ซึม ง่วงบ่อยๆ
2. การเจริญเติบโตและการพัฒนาช้า ตัวเตี้ย
- การเติบโตของกระดูกช้า ตัวเตี้ยไม่สมส่วนคือ ช่วงบนตัวยาว ช่วงล่างขาสั้น
- กระดูกโตช้า
- สติปัญญาต่ำ พัฒนาการทางสมองช้า เช่น พูดเดินช้ากว่าปกติ
- ฟันขึ้นช้าและฟันที่ขึ้นแล้วผุเร็วและหักง่าย
สรุปลักษณะของโรคธัยรอยด์ต่ำที่มีอาการครบ คือค่อนข้างซึมไม่ว่องไว ตัวเตี้ยแคระ ไม่สมส่วน ซีดบางทีตัวเหลืองด้วย ตัวเย็น ผิวหนังหนาและแห้ง หนังตาบนบวม คอสั้น หลังมืออูม ท้องป่อง สะดือจุ่น ตัวอ่อน ชีพจรช้า ฟันขึ้นช้า ผมน้อย ผมเปราะและร่วงง่าย มีลิ้นโตจุกปาก
ต้องวินิจฉัยโรคนี้ให้ได้เร็วเพื่อจะได้ให้การรักษาเร็วที่สุดก่อนที่จะมีการทำลายของสมองอย่างถาวร เมื่อวินิจฉัยโรคได้ต้องรีบรักษาทันทีโดยให้กินธัยรอยด์ฮอร์โมนชดเชยอย่างเพียงพอ เนื่องจากเป็นระยะที่สำคัญที่สุดที่สมองกำลังมีการเจริญและพัฒนาการ

การพยากรณ์โรค

หลังจากรักษาแล้วจะมีความสูงดีขึ้นแต่ระดับสติปัญญาขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง สมองของเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เป็นระยะที่กำลังเจริญเติบโตต้องมีธัยรอยด์ฮอร์โมนปกติจึงจะเจริญเป็นปกติ เด็กที่ได้รับการรักษาเมื่ออายุ 3-6 เดือนมักมีสติปัญญาไม่ปกติเพราะรักษาช้าเกินไป

ดังนั้นถ้าท่านพบว่าบุตรหลานของท่านมีอาการดังกล่าว ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อจะได้เจาะเลือด ตรวจหาระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนหากพบว่าผิดปกติจะได้รีบรักษาให้ทันท่วงทีนะคะ

พ.ญ.ลำดวน นำศิริกุล กุมารแพทย์

(update วันที่ 4 กันยายน 2543)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับ 342 สิงหาคม 2543 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600