มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ http://i.am/thaidoc หรือ http://hey.to/yimyam



วัคซีนเพื่อลูกน้อย


"ป้องกันไว้ดีกว่าแก้" เป็นประโยคที่ใช้ได้ดีเสมอกับทารกทุกคน คุณพ่อ-คุณแม่ "มือใหม่" ทราบหรือไม่ว่าลูกน้อยของท่านควรได้รับการป้องกันโรคภัยจากวัคซีนชนิดใดบ้างและเมื่อใดบ้าง นอกจากนี้ท่านยังควรทราบว่า ในแต่ละครั้งที่ได้รับวัคซีนจะเกิดอาการใดขึ้นบ้างท่านจะดูแลลูกน้อย อย่างถูกต้องได้อย่างไร ฉบับนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องนี้ค่ะ

ก่อนอื่นขอทบทวนวัคซีนป้องกันโรคควรให้แก่ทารกตั้งแต่แรกเกิด เป็นตารางสรุปดังนี้


อายุของทารก วัคซีนที่ควรให้
แรกเกิด

1. วัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค
2. วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ครั้งที่ 1
2 เดือน



1. วัคซีนคอตีบ/ไอกรน/บาดทะยัก ครั้งที่ 1
2. วัคซีน OPV ป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 1
3. วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ครั้งที่ 2
4.วัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
4 เดือน

1. วัคซีน คอตีบ/ไอกรน/บาดทะยัก ครั้งที่ 2
2. วัคซีน OPV ป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2
8 เดือน


1. คอตีบ/บาดทะยัก/ไอกรน ครั้งที่ 3
2. วัคซีนโปลิโอ ครั้งที่ 3
3. วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ครั้งที่ 3
9-12 เดือน
1. วัคซีนป้องกันหัด/คางทูม/หัดเยอรมัน ครั้งที่ 1 (MMR)
18 เดือน




1. คอตีบ/บาดทะยัก/ไอกรน ครั้งที่ 4
2. วัคซีนโปลิโอ ครั้งที่ 4
3. วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ ครั้งที่ 1 (Encephalitiq Vaccine)
4. วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ ครั้งที่ 2 (ห่างจากครั้งแรก 1-2 สัปดาห์)
2-5 ปี
1. วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ ครั้งที่ 3
4-6 ปี


1. คอตีบ/บาดทะยัก/ไอกรน ครั้งที่ 5
2. วัคซีนป้องกันโปลิโอ ครั้งที่ 5
3. วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG)


นอกจากนี้ยังมีวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟูเอนซ่า ชนิดบี (Haemophilus Influenza type B) เรียกย่อๆ ว่า HIB (ฮิบ) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงในทารกได้ โดยเฉพาะจะเกิดอาการรุนแรงในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเชื้อจะเริ่มแพร่กระจายจากจมูก, ลำคอ ไปสู่ส่วนต่างๆ ได้แก่ผิวหนัง, หู, ปอด, ข้อ และเยื่อหุ้มสมองกับไขสันหลัง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ถึง 5% ส่วนเด็กที่รอดชีวิตมีโอกาสเป็นปัญญาอ่อน ได้ถึง 35% ส่วนในเด็กที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนทางสมองที่รุนแรง ก็จะพบความผิดปกติในด้านสมาธิสั้น มีปัญหาในการบอกเวลาและสถานที่ ความสามารถในการเรียนรู้และการอ่านจะด้อยกว่าเด็กปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม เด็กทารกแรกเกิดส่วนใหญ่จะได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านมาทางรก แต่ภูมิคุ้มกันนี้จะสามารถป้องกันทารกได้เพียงไม่กี่เดือนก็หมดไป จึงควรให้วัคซีนตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน วัคซีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโดยเร็ว สำหรับอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ เป็นไข้, ปวด, บวมบริเวณที่ฉีดยา ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง

สำหรับโรคตับอักเสบไวรัสชนิดบีจะทำให้มีอาการอ่อนเพลีย หมดแรง เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ ตัวเหลือง-ตาเหลือง ตับและม้ามโต พบว่าประมาณ 50% ของทารกที่เกิดจากแม่ที่เป็นพาหะของโรค จะกลายเป็นพาหะของโรคต่อไปด้วยและ 25% ของเด็กเหล่านี้จะเสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับตับ ในช่วงชีวิตเมื่อโตขึ้น แต่สิ่งสำคัญก็คือมีการถ่ายทอดเชื้อจากแม่ที่เป็นพาหะของโรค หรือแม่ที่ป่วยเป็นตับอักเสบอยู่ไปยังลูกทางสายสะดือหรือระหว่างคลอด ดังนั้นถ้าแม่เป็นพาหะ หรือกำลังป่วยเป็นโรคตับอักเสบบีอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ทารกต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีเข็มแรก ภายใน 24 ชั่วโมง เข็มต่อไปฉีดเมื่ออายุ 1 เดือน และอายุ 6 เดือนตามลำดับ

พึงระลึกเสมอว่า โรคนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสกับเลือด น้ำคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้เป็นพาหะ ดังนั้นกรณีที่เด็กเล่นกันแรงๆ จะมีเลือดออกก็สามารถถ่ายทอดโรคนี้ต่อกันได้ การให้วัคซีนป้องกันจะช่วยท่านได้

โรคหัด โรคคางทูม และโรคหัดเยอรมัน เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของทารก เพราะทั้ง 3 โรคล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่อันตรายทั้งสิ้น ได้แก่ โรคหัด อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ปวดบวม, หูน้ำหนวก, ท้องเสีย, สมองอักเสบ, ชัก บางรายมีอาการรุนแรงถึงตายได้

โรคคางทูม อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ในเพศชาย ทำให้เกิดการอักเสบของลูกอัณฑะ อัณฑะบวม บางรายถึงกันเป็นหมันเมื่อโตเป็นหนุ่ม และยังพบอาการตับอ่อนอักเสบ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือหูหนวก

โรคหัดเยอรมัน อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน สมองอักเสบ เกล็ดเลือดต่ำ โดยเฉพาะถ้าเด็กทารกติดเชื้อนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทารกที่เกิดมาจะมีความพิการต่างๆ ได้แก่ ตาเป็นต้อกระจก ต้อหิน, หูหนวก, หัวใจพิการ, ปัญญาอ่อน, สมองเสื่อม และยังมีข้อแนะนำ เกี่ยวกับการให้วัคซีนที่ท่านผู้อ่านควรทราบ ดังนี้
1. การฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค บีซีจี ทารกทุกคนควรจะได้รับเมื่อแรกเกิด โดยฉีดที่ต้นแขนข้างซ้าย หลังฉีดจะไม่มีแผล ต่อมาประมาณ 3-4 สัปดาห์จะเห็นเป็นตุ่มแดงๆ บริเวณที่ฉีด ถ้าตุ่มนี้บวมแดงและแตก อาจมีหนองหรือไม่มีหนองก็ได้ ให้คุณแม่เช็ดผิวหนังบริเวณนั้นให้สะอาด และแห้งเสมอด้วยแอลกอฮอล์ 70% จนตุ่มนี้ค่อยๆ แห้งลงจนมีรอยบุ๋มตรงกลางภายใน 3-6 สัปดาห์ นอกจากนี้วัคซีนนี้ให้ทารก ในรายที่ไม่มีแผลเป็น แต่ห้ามให้ในเด็กที่มีอาการของโรคเอดส์

2. หลังการฉีดวัคซีนต่างๆ จะทำให้ทารกมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน อยู่ประมาณ 1-2 วัน เป็นเพราะทารกมีปฏิกิริยาต่อต้านต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น และให้ยาลดไข้พาราเซตามอล

3. วัคซีนบางชนิดต้องให้มากกว่า 1 ครั้ง หรือต้องฉีดอีกเป็นครั้งคราว จึงจะป้องกันได้ผลดีเต็มที่ ท่านจึงควรพาทารกมาฉีดยาตามกำหนดนัดทุกครั้ง
4. ถ้าในวันที่นัดฉีดวัคซีน ทารกมีอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ควรเลื่อนไปจนกว่าทารกจะหายไข้

5. ถ้าท่านไม่สามารถพาทารกมาตามวันที่นัดได้ ไม่ควรเลิกฉีดไปเลย ให้พาทารกมาฉีดให้ครบ ไม่ว่าท่าจะเว้นไปนานเท่าใด ก็ยังคงต่อเนื่องได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่
6. ถ้าทารกของท่านมีอาการรุนแรงหลังฉีดวัคซีน เช่น ไข้สูงมาก ชัก ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ ก่อนที่จะฉีดครั้งต่อไป

7. วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบจำเป็นต้องฉีดในท้องถิ่นที่มีโรคนี้ชุกชุม โดยฉีดครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 1 นาน 1-2 สัปดาห์ และให้เข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) ห่างจากเข็มแรก 1 ปี
8. วัคซีนทุกชนิด ถ้าทารกไม่ได้เริ่มฉีดตามที่กำหนด สามารถเริ่มฉีดทันทีที่ทราบ
9. กรณีที่ไม่มีวัคซีนรวม หัด/คางทูม/หัดเยอรมัน (MMR) ให้ใช้วัคซีนหัดเยอรมันแทน
นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นวัคซีนชนิดใหม่ๆ ขึ้นมาใช้อยู่สม่ำเสมอ ล่าสุดมีการนำเข้าวัคซีน ป้องกันโรคอีสุกอีใส ซึ่งปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ราคาค่อนข้างสูง

กล่าวโดยสรุปก็คือ ท่านสามารถป้องกันทารกน้อยของท่านจากโรคร้ายแรงด้วยการฉีดวัคซีน ควรศึกษาให้เข้าใจถึงโรคต่างๆ และผลกระทบหรือโรคแทรกซ้อนจากโรคเหล่านั้น จะทำให้ท่านเล็งเห็นความสำคัญของ "การป้องกัน" โดยการให้วัคซีนแก่ลูกน้อย รีบป้องกันเสียแต่วันนี้นะคะ

ภญ.ยุวดี หงส์รัตนาวรกิจ

(update วันที่ 26 กันยายน 2543)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 332 ตุลาคม 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600