มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ออกเดทระวังเสียความบริสุทธิ์ ผลวิจัยชี้กลุ่มหอพักอันตรายสุด


ใครมีลูกสาวอยู่ในวัยเรียนระวัง ผลงานวิจัย อ.เอแบคระบุอันตรายสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาสาวต่างจังหวัดที่มาเช่า 'หอพัก' อยู่ในกรุง เวลาออกเดทมีสิทธิ์ถูกแฟนหนุ่ม ใช้กำลังบังคับให้เสียสาวสูงเพราะสถานที่เอื้ออำนวย ขณะเดียวกันงานวิชัยยังชี้ว่า วัยรุ่นชายไทยทุกคนเมื่อมีแฟนแต่ละคนต่างมุ่งที่จะล่วงล้ำความบริสุทธิ์ของฝ่ายหญิงแทบทั้งสิ้น

สภาพสังคมที่วัฒนธรรมตะวันตกเข้าครอบงำนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือค่านิยมในเรื่องเพศที่เปลี่ยนแปลงไป การปล่อยเนื้อปล่อยตัว และไม่หวงแหนในเยื่อพรหมจารีย์ของตนเองคือสิ่งที่สามารถพบเห็นได้เกลื่อนกลาดในเวลานี้

ล่าสุดมีงานวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ยืนยันออกมาว่า บรรดาหญิงสาวที่มีแฟนนั้นมีความจำเป็นต้องระมัดระวังเนื้อตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ 'ออกเดท' หรือมีนัดกับชายหนุ่มที่ตนเองมอบความรักให้ เพราะมีสิทธิ์เสียตัวค่อนข้างมาก

ที่สำคัญก็คือ ไม่ใช่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจเท่านั้น หากยังมีสภาพของการใช้กำลังบังคับ ในลักษณะของ 'การข่มขืน' อีกด้วย

นอกจากนั้น ผลงานวิจัยยังระบุอีกว่ากลุ่มคนที่มีถิ่นพำนักพักอาศัยอยู่ตาม 'หอพัก' ยังมีเปอร์เซ็นต์ที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทั้งระดับนักศึกษา และนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

ดร.นันทพันธ์ ชิ้นล้ำประเสริฐ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ผู้ซึ่งทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเปิดเผยที่มาที่ไปอันเป็นที่มาของงานวิจัยว่า เกิดขึ้นมาจากการสังเกตุพฤติกรรมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงค่านิยม ทางด้านพฤติกรรมทางเพศออกไปจากในอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก โดยมีเสรีภาพแทบจะไม่ต่างอะไร ไปกับฝรั่งตะวันตกเลยแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเมื่อได้มีโอกาสไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์แห่งชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงมีความคิดที่จะศึกษาเกี่ยวกับปัญหาถูกข่มขืนระหว่างออกเดทในเมืองไทย พร้อมทั้งเริ่มเก็บข้อมูลทั้งในกลุ่มนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เรียนอยู่ในประเทศ และนักศึกษาระดับปริญญาโท ที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ปี 2542 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ปัญหาเรื่องถูกแฟนข่มขืนตอนออกเดทมีมานานแล้วในต่างประเทศ แต่ในสังคมไทยไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน ขณะเดียวกันปัจจุบันการออกเดทระหว่างชายหญิงมีแนวโน้มที่เด่นชัดมาก ปัญหาการทำแท้งก็มีอัตราสูงขึ้น จึงตั้งข้อสังเกตและตัดสินใจทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้

ในที่สุด เมื่อผลการวิจัยจบสิ้น บทสรุปที่ได้ก็พบว่า การเสียตัวระหว่างการออกเดทโดยใช้กำลังบังคับ ของฝ่ายชายนั้นมีอยู่จริงและนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งเอื้อต่อการถูกข่มขืนก็คือ 'สถานที่' และ 'เวลา' ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชายและผู้หญิงอยู่กันตามลำพัง

ยิ่งในกลุ่มของเด็กที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด และพ่อแม่ผู้ปกครองส่งให้มาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ พร้อมกับเช่า 'หอพัก' เป็นสถานที่อยู่อาศัย ยิ่งเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างสูง เพราะบรรดาชายหนุ่มไทยนั้นมีทัศนคติทางเพศที่พร้อมจะกดขี่ฝ่ายหญิงเสมอ เรียกว่า มีโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้อง 'ฟัน' เสมอ

อย่างเบาที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ฝ่ายหญิงยินยอมพร้อมใจหรือฝ่ายชายมีความรับผิดชอบ เรื่องราวก็จะยุติลงด้วยดี กลายเป็นคู่ผัวตัวเมียระหว่างวัยเรียนที่สามารถพบเห็นกันเกลื่อนกลาด ในสังคมนักศึกษาไทยอยู่ในเวลานี้

แต่ที่รุนแรงไปกว่านั้น คือในกรณีที่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม ฝ่ายชายก็พร้อมที่จะใช้กำลังรุนแรงเข้าจัดการ โดยไม่รอช้า และไม่ฟังคำอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจหรือน้ำตาที่พร่างพรูจากแฟนของตนเองแต่อย่างใด

คำว่า 'ไม่' ที่ฝ่ายหญิงเอื้อนเอ่ยออกมา กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ฝ่ายชายฮึกเหิมมากขึ้น พร้อมทั้งตีความไปว่าไม่ปฏิเสธ เพียงแต่ที่พูดออกมาเป็นเพียงลีลาหรือชั้นเชิงตามมารยาหญิงเท่านั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วในจิตใจก็มีความต้องการอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญคือไม่มีถุงยาง ไม่มีการป้องกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าฝ่ายหญิงมีสิทธิ์ที่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นเอดส์ได้ทุกเมื่อเช่นกัน

"การที่เขาอยู่กัน 2 ต่อสองในหอพักของแฟนหรือตัวเอง มีส่วนสำคัญที่เปิดโอกาสให้เกิดการเสียตัวได้ง่าย เพราะสถานที่และเวลาอำนวย แรกๆ อาจจะยอมให้มีการกอดจูบธรรมดาได้ แต่เมื่อจะเกินเลยไปกว่านั้น ผู้หญิงจะขอหยุดไม่ต้องการมีเซ็กซ์ต่อ อาจเป็นเพราะกลัวท้อง กลัวพ่อแม่ทราบ กลัวติดโรค แต่ว่าผู้ชายไม่ยอมหยุดและให้เหตุผลว่าถ้าหยุดก็ไม่ต่างอะไรไปจากควายสิ เพราะเมื่อยอมขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงจะต้องหยุด"

"ถามว่ามีสักกี่เปอร์เซ็นต์ จำนวนมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ แต่จากการเก็บข้อมูลทำให้รู้ว่า มันแพร่หลายมากและเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเรื่องในนิยายหรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น เฉพาะต่างประเทศ"

นอกจากนั้น ก่อนที่จะไปจบลงที่หอพัก จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงมักเกิด ที่แหล่งเที่ยวกลางคืนก่อนเป็นลำดับแรก ไม่ว่าจะเป็นผับหรือเธค เพราะหลังจากเหล้าเข้าปากไป สิ่งแรกที่ผู้ชายนึกถึงร้อยทั้งร้อยก็คือพรหมจรรย์ของฝ่ายหญิงที่ตนเองพาไปด้วย และพยายามหาโอกาส ที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยตลอดเวลา

ขณะเดียวกันผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ในช่วงระหว่างที่ดื่มเหล้าอย่างสนุกสนานเฮฮาในดิสโก้เธคนั้น หญิงสาวที่ออกเที่ยวกลางคืนยังมีความเสี่ยงที่จะถูก 'วางยา' จากทั้งชายหนุ่มที่ไปด้วยและชายหนุ่มที่รู้จักกัน ชั่วข้ามคืนเช่นกัน

โดยยากล่อมประสาทที่มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกันคือ Rohypnol ยาเลิฟและยาอี

ยิ่ง Rohypnol ด้วยแล้ว ยิ่งอันตรายหนักเพราะเป็นยาที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ เป็นยาที่เมื่อใช้แล้วผู้หญิงจะหลับยาวเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง และเมื่อตื่นขึ้นมาจะไม่สามารถ จดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยว่าตนเองไปกับใคร ที่ไหน อย่างไร และเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อะไรบ้าง

" ตอนนี้วัยรุ่นไทยมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการข่มขืนว่าจะต้องเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จักกัน หรือคนแปลกหน้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เวลาที่ถามเรื่องถูกแฟนใช้กำลังบังคับตอนออกเดท แทบทุกคนเห็นว่าไม่น่าจะใช้คำว่าข่มขืน น่าจะใช้คำว่าสมยอมมากว่า ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องเดียวกัน มีคนทักท้วงเหมือนกันตอนที่คิดจะทำว่าในสังคมไทยมีจริงหรือ แต่เมื่อศึกษาเสร็จก็พบว่ามีจริง เพียงแต่ไม่ได้มีความสนใจมากนัก "

" แล้วระดับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรีหรือปริญญาโทไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อยเพราะจากกลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัยเก็บตัวอย่าง ในกลุ่มปริญญาตรีจากสถานศึกษาภายในประเทศ 2 แห่งและในกลุ่มปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ พบว่า มีเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกข่มขืนในช่วงระหว่างที่ออกเดทค่อนข้างใกล้เคียงกัน "

ดร.นันทพันธ์อธิบายเพิ่มเติมว่า การใช้กำลังบังคับข่มขืนหญิงสาวที่เป็นแฟนในระหว่างการออกเดท เป็นปัญหาที่สังคมไทยยังคงมีความไม่เข้าใจอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ มูลเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นจากสภาพวัฒนธรรมและการเลี้ยงดูของคนไทยที่แตกต่างกันระหว่างเพศชายและเพศหญิงค่อนข้างมา โดยเพศชายจะมีสิทธิในการแสดงออกทางด้านเพศสัมพันธ์มากกว่า ขณะที่ผู้หญิงจะถูกกดเอาไว้ตลอด

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อฝ่ายหญิงพลาดท่าเสียทีลงไป ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องดัง กล่าวกับใคร แม้กระทั่งพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะสังคมมักจะโทษฝ่ายหญิงเสมอว่าไปเปิดโอกาสให้เอง โดยยินยอมให้ผู้ชายใกล้ชิด 2 ต่อสอง

" สังคมจะไม่มองว่า ทำไมผู้ชายไปทำอย่างนั้น แต่จะบอกว่าทำไมผู้หญิงถึงไปเปิดโอกาส ทำไมผู้หญิงถึงยอม ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เราจำเป็นที่จะต้องอบรมคนรุ่นใหม่ ให้มีความเข้าใจใหม่ว่า ผู้ชายไม่ได้มีสิทธิพิเศษที่จะล่วงล้ำร่างกายผู้หญิงได้ ถ้าต่างคนต่างรู้สิทธิของตนเอง มันก็จะดีกว่าสภาพปัจจุบัน ปัญหานี้อาจจะน้อยลง "

"ในต่างประเทศนั้น แม้ตอนแรกฝ่ายหญิงจะยินยอมให้มีการกอดจูบได้ แต่เมื่อไหร่ที่ฝ่ายชาย จะทำเกินเลยไปกว่านั้น และฝ่ายหญิงไม่ต้องการ บอกว่าไม่ก็คือไม่ ทั้งสองฝ่ายจะเคารพสิทธิในเรื่องนี้ร่วมกัน ถ้าเกินเลยไปกว่านั้นฝ่ายหญิงมีสิทธิฟ้องร้องถึงโรงถึงศาลได้ "

สำหรับทางออกในเรื่องนี้นั้น ดร.นันทพันธ์แสดงความคิดว่า ควรจะต้องมีการแก้กฎหมาย เพื่อที่จะลงโทษฝ่ายชายหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยเชื่อมโยงให้เป็นเรื่องเดียวกับกรณีข่มขืน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่จะควบคุม พฤติกรรมทางเพศ

ขณะเดียวกันในส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรที่จะดูแลเอาใจใส่และติดตามพฤติกรรมบุตรหลาน ของตนเองอย่างใกล้ชิดด้วย ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยให้มาดำรงชีวิตตามลำพังเหมือนดังเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

(update 10 พฤศจิกายน 2000)


[ ที่มา... หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน   วันอังคาร ที่ 7 พฤศจิกายน 2543

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600