กามตายด้านของผู้หญิง หมายถึง การที่ร่างกายของผู้หญิงไม่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นทางเพศ
ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นทางร่างกายหรือจิตใจ กระตุ้นด้วยตนเองหรือโดยบุคคลอื่น หรือแม้แต่การร่วมประเวณีกัน
โดยจะไม่มีการคั่งของโลหิตที่บริเวณอวัยวะเพศและไม่มีน้ำหล่อลื่น ทำให้ช่องคลอดฝืด และไม่มีความสุขสุดยอดทางเพศ
แบ่งเป็น 2 แบบคือ
แบบปฐมภูมิ คือ การที่ผู้หญิงนั้นไม่เคยมีการตอบสนองทางเพศเลย
ไม่ว่ากับชายใดหรือในสถานการณ์ใด
แบบทุติยภูมิ คือ การที่ผู้หญิงเคยมีการตอบสนองทางเพศ จากการถูกกระตุ้นมาก่อน
แต่มาหมดไปภายหลัง
ประกอบด้วยสาเหตุทางร่างกายและจิตใจ ได้แก่
1. สาเหตุทางร่างกาย มีน้อยมาก เช่น มะเร็งที่อวัยวะเพศ โรคของต่อมใต้สมอง
ซึ่งมีผลต่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน โรคบางชนิดซึ่งทำลายประสาทที่ควบคุมการตอบสนองทางเพศ
เช่น โรคมัลติเพิลสเคลอโรสิส โรคที่ทำให้การตึงตัวและการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อเสียไป
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อฝีเย็บ และยาบางอย่าง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิด ยาเสพติดที่กดประสาทส่วนกลาง
เช่น เฮโรอีน มอร์ฟีน และเมทาโลน
2. สาเหตุทางจิตใจ ความขัดแย้งภายในจิตใจตั้งแต่วัยเด็ก ได้แก่ ความขัดแย้ง
เกี่ยวกับความรู้สึกทางเพศของตนที่มีต่อบิดาหรือมารดาที่เป็นเพศตรงกันข้าม (oedipal complex)
และการอิจฉาชายที่มีองคชาต (penis envy) มีความกลัว ความละอาย และความรู้สึกผิดเกี่ยวกับการร่วมเพศ
เนื่องจากถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดกวดขันในเรื่องเพศหรืออยู่ในวัฒนธรรมและศาสนาซึ่งเก็บกดเรื่องนี้
รวมทั้งมีความขัดแย้งเกี่ยวกับบทบาททางเพศของผู้หญิง หรือมีความกลัวจะถูกทอดทิ้งและไม่เป็นที่ต้องการ
ปัญหาเหล่านี้มักทำให้เกิดกามตายด้านแบบปฐมภูมิ
ปัญหาทางจิตใจในระยะใกล้ๆ ได้แก่ ความวิตกกังวลขณะหรือก่อนจะร่วมเพศ
โดยเกรงว่าตนจะไม่สามารถปฏิบัติกิจทางเพศได้ดี กังวลว่าตนเองจะไม่ถึงจุดสุดยอด จะตั้งครรภ์
จะติดเชื้อกามโรค หรือลูกๆ จะตื่นขึ้นมาเห็นการร่วมเพศ ทำให้ไม่สามารถปล่อยตัวตามสบาย
ต่อความรู้สึกทางเพศที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นเพศหรือการร่วมเพศ จึงเกิดอาการกามตายด้านตามมา
ความขัดแย้งกันบ่อยๆ ระหว่างสามีภรรยาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง การที่ภรรยาคิดว่าสามีเป็นคนโง่
หยาบคาย หรือไม่น่าไว้วางใจ ก็สามารถทำลายการตอบสนองทางเพศของภรรยาได้
นอกจากนั้น สภาพอารมณ์ เช่น อารมณ์เครียดหรือเศร้าอาจทำให้แรงกระตุ้นทางเพศ
และการตอบสนองทางเพศลดลง
3. วิธีการร่วมเพศ ฝ่ายหญิงอาจไม่ได้รับการกระตุ้นอย่างเพียงพอหรือได้รับการกระตุ้นไม่ถูกที่
เพราะบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกของหญิงแต่ละคนต่างกัน หรือฝ่ายชายคำนึงถึงความสุขของตนฝ่ายเดียว
จึงรีบหลั่งให้เสร็จๆ ไป ทำให้ฝ่ายหญิงไม่มีความสุข เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อยๆ เข้าก็อาจทำให้ฝ่ายหญิงเบื่อหน่าย
เรื่องเพศและเกิดอาการกามตายด้านตามมา
ปฏิกิริยาของคู่สมรสต่ออาการกามตายด้านของฝ่ายชาย
|
---|
ผู้หญิงบางคนอาจไม่รู้สึกอะไร แต่บางคนมีปฏิกิริยาต่อต้านเรื่องเพศหรือก้าวร้าวสามีอย่างรุนแรง
ที่ไม่สามารถให้ความสุขทางเพศแก่ตนได้ และบางคนจะเกลียดตัวเอง เศร้า แต่ไม่กล้าปฏิเสธเรื่องเพศ
อย่างเปิดเผยกับสามี จึงหลีกเลี่ยงโดยเกิดความเจ็บป่วยหรืออาการอ่อนเพลียเมื่อจะมีการร่วมเพศ
ชายผู้เป็นสามีส่วนมากเห็นเป็นของธรรมดา เนื่องจากเกือบทุกวัฒนธรรมมักไม่สนับสนุน
ให้ผู้หญิงแสดงการตอบสนองทางเพศมาก หญิงที่มีการตอบสนองทางเพศดีอาจถูกเข้าใจว่าเป็นคนเลว
สามีส่วนน้อยเห็นใจ และพยายามให้ความช่วยเหลือโดยวิธีต่างๆ เพื่อให้ภรรยามีความสุขทางเพศ
แต่สามีบางคนโดยเฉพาะคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองอาจนึกว่าภรรยารังเกียจหรือไม่ต้องการตน
ทำให้เกิดความขัดแย้งกับภรรยาในเวลาต่อมา
การรักษามีหลายวิธี ได้แก่
1. การฝึกปฏิบัติทางเพศ ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนคือ
ขั้นแรก ผลัดกันกระตุ้นอารมณ์เพศของอีกฝ่ายโดยการ กอด จูบ ลูบและเลียส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ยกเว้นอวัยวะเพศ
ขั้นต่อไป ผลัดกันกระตุ้นอวัยวะเพศของอีกฝ่ายโดยผู้ถูกกระทำเป็นผู้แนะทางให้
ถ้ารู้สึกระคายเคืองที่บริเวณดังกล่าวจากการสัมผัสอาจใช้ครีมหรือเยลลี่ช่วย
การทำเช่นนี้อาจทำให้ผู้หญิงบางคนเกิดความรู้สึกตึงเครียดหรือจั๊กจี้
เพราะไม่สามารถปล่อยอารมณ์ ให้มีความสุขจากการถูกกระตุ้นด้วยมือหรือปากตามร่างกาย
หรือที่อวัยวะเพศ หรือบางคนคิดว่าการกระทำดังกล่าวน่ารังเกียจ ในกรณีเช่นนี้
ต้องพูดคุยกันเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความรู้สึกเช่นที่กล่าวและหาทางแก้ไข
จนกว่าจะทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความรู้สึกพอใจจากการกระทำดังกล่าวได้
ขั้นสุดท้าย เมื่อฝ่ายหญิงสามารถตอบสนองทางเพศได้ดีจากการกระตุ้นตามร่างกาย
และที่อวัยวะเพศ ก็ให้ร่วมเพศได้โดยใช้ท่าผู้หญิงอยู่บน ขณะร่วมเพศให้หญิงขยับสะโพกช้าๆ
และพุ่งความสนใจไปที่ความรู้สึกในช่องคลอด พร้อมทั้งให้พยายามบังคับการหดรัดตัว
ของกล้ามเนื้อฝีเย็บไปด้วยขณะขยับสะโพก ถ้าฝ่ายชายมีความต้องการจะหลั่งน้ำกาม
ขณะที่ฝ่ายหญิงขยับสะโพก ก็ให้ทั้งคู่แยกจากกันและขณะที่ชายพักก็ให้ชายกระตุ้นอารมณ์เพศ
ฝ่ายหญิงด้วยมือ ทำเช่นนี้หลายๆ ครั้งจนกว่าฝ่ายหญิงจะสามารถมีความสุขสุดยอด
จากการร่วมเพศได้
2. แก้ไขปัญหาที่เกิดในระยะใกล้ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการไม่รู้จักวิธีร่วมเพศที่ถูกต้อง
และการไม่กล้าพูดถึงความรู้สึกและความต้องการทางเพศของตนให้อีกฝ่ายฟัง
3. ถ้าวิธีที่ 1 และ 2 ไม่ได้ผล ควรศึกษาความขัดแย้งภายในจิตใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ
ซึ่งอยู่ในจิตไร้สำนึกของผู้ป่วย และแก้ไขเสีย
ผู้ป่วยหญิง สมรสแล้ว อายุ 45 ปี ไม่ได้รับการศึกษา อาชีพค้าขาย มาพบแพทย์ด้วยอาการสำคัญ
ว่าไม่มีความต้องการทางเพศ ไม่มีความสุขสุดยอดทางเพศ และช่องคลอดแห้งทำให้รู้สึกเจ็บเวลาร่วมเพศ
ผู้ป่วยเป็นลูกคนโตของครอบครัวจีน มารดาเป็นภรรยาคนแรกของบิดา แต่บิดาเจ้าชู้ชอบด่า
และทุบตีภรรยาเสมอ ทำให้ผู้ป่วยสงสารแม่มาก และเกลียดพ่อตลอดจนผู้ชายทุกคน
มีความรู้สึกอยากทำให้ผู้ชายเจ็บทั้งกายและใจ และตั้งใจว่าจะไม่แต่งงาน ชีวิตในวัยเด็กลำบาก
เพราะฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี เมื่ออายุ 16 ปี ได้แต่งงานกับชายที่เป็นสามี ซึ่งอายุมากกว่าผู้ป่วย 8 ปี
โดยไม่มีความรักต่อชายที่แต่งงานด้วยเลย แต่เป็นความต้องการของมารดาซึ่งผู้ป่วยปฏิเสธไม่ได้
เพราะถ้าไม่ยอมแต่งงานมารดาจะฆ่าตัวตาย
ในคืนแรกของการแต่งงาน ผู้ป่วยร้องเอะอะโวยวายเมื่อสามีจะถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วย
สามีต้องปลอบและอธิบายอยู่นานกว่าจะยอมให้สามีร่วมเพศด้วย เมื่อร่วมเพศกันผู้ป่วยรู้สึกเจ็บ
บริเวณช่องคลอดและไม่มีความสุขเลย ผู้ป่วยอยู่กินกับสามีนานถึง 28 ปี โดยไม่เคยทราบว่า
ความสุขสุดยอดเป็นอย่างไร ปกติผู้ป่วยและสามีร่วมเพศกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยผู้ป่วยจะนอนนิ่ง
ไม่กอดจูบสามี ปล่อยให้สามีเป็นฝ่ายปฏิบัติแต่ผู้เดียว ผู้ป่วยไม่รู้สึกว่าตนมีความตื่นเต้นทางเพศ
ไม่มีความต้องการทางเพศ และในบางครั้งช่องคลอดจะแห้งทำให้เจ็บปวดเวลาร่วมเพศด้วย 1 เดือน
ก่อนมาโรงพยาบาลได้มีโอกาสปรึกษากับเพื่อนสนิทถึงอาการของตน เพื่อนจึงแนะนำให้มาปรึกษาแพทย์
ปกติผู้ป่วยไม่เคยสนใจเรื่องเพศ ไม่เคยได้รับเพศศึกษา ไม่เคยสำรวจอวัยวะเพศของตน
ทั้งยังรังเกียจและขยะแขยงอวัยวะเพศตลอดจนการร่วมเพศด้วย อย่างไรก็ดีผู้ป่วยก็มีความสุขในชีวิตสมรส
และชีวิตครอบครัว แม้ว่าจะยังไม่เคยนึกรักสามีเลย มีอาชีพและฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง
และไม่มีปัญหาทางอารมณ์อย่างอื่น
ปัญหากามตายด้านของผู้ป่วยรายนี้ เกิดจากความขัดแย้งภายในจิตใจตั้งแต่วันเด็ก
เกี่ยวกับชีวิตสมรส ขาดความรู้และประสบการณ์ทางเพศ รวมทั้งมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเรื่องนี้ด้วย
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค
ศาสตราจารย์นายแพทย์เอนก อารีพรรค
|