"หนูเกิดมาจากไหนคะ คุณพ่อ คุณแม่ขา"
คำถามจากปากจิ้มลิ้มของลูกน้อยไร้เดียงสาที่เริ่มหัดพูดได้นี้เป็นคำถามที่พ่อแม่แทบทุกคนจะได้รับ
และยากลำบากใจมากเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จะตอบว่า "ลูกเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่"
ก็เชยไปแล้ว
เป็นคำถามเกี่ยวกับเพศศึกษาง่ายๆ ที่พ่อแม่ในยุคนี้ต้องเตรียมคำตอบไว้แก้ข้อสงสัยของลูกน้อย
คำตอบนี้ง่ายมากจริงๆ นะครับ แต่ตอบว่า "ลูกเกิดจากความรักของพ่อกับแม่" เท่านั้นก็คลายข้อสงสัยของหนูน้อยไปมากแล้ว
ทีนี้ถ้าอยากจะอธิบายต่อให้ยืดยาวออกไปก็อธิบายว่า "คนเรานี้แบ่งเป็นผู้ชายกับผู้หญิง แล้วผู้ชายคือ พ่อ ก็เกิดความรักในผู้หญิง
คือแม่ของลูก เมื่อเรารักกันแล้วเราก็แต่งงานกันเป็นคู่ชีวิต แล้วก็กำเนิดลูกออกมาเป็นของขวัญแห่งความรักของพ่อกับแม่"
ลูกก็จะรู้ได้ว่า คนเรามี 2 เพศ คือ ชายกับหญิงและตามธรรมชาติแล้วชายกับหญิงจะต้องเกิดความรักกัน
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ชายรักชาย และหญิงรักหญิงก็เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและสมาคมจิตแพทย์ทั่วโลก
ก็ให้การยอมรับแล้วว่าเป็นไปได้แต่อย่างไรก็ตามเพื่อการเจริญเผ่าพันธ์ตามธรรมชาติแล้ว
ผู้ชายก็ควรจะรักผู้หญิง และผู้หญิงก็ควรจะรักผู้ชาย การปลูกฝังให้เกิดความรักของชาย หญิง
จึงต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่นั่นแหละเป็นครูคนแรกในการสอนเพศศึกษาแก่ลูก
เห็นไหมครับว่า แค่ลูกถามว่า "หนูเกิดจากไหน" คุณก็อธิบายได้แล้วว่ามีผู้ชายก็ต้องมีผู้หญิง
และผู้ชายกับผู้หญิงก็จะต้องรักกัน จึงจะกำเนิดลูกน้อยออกมาเป็นของขวัญแห่งความรักของเขาและเธอ
ทำให้ลูกของคุณเข้าใจว่า "เกิดมาจากความรักของพ่อแม่" นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ความผูกพันในครอบครัว
ซ้ำคุณยังสามารถปลูกฝังให้ลูกเข้าใจว่า เมื่อรักกันแล้วต้องแต่งงานกันจึงจะสามารถกำเนิดลูกที่เกิดจากความรักออกมา
ลูกๆ ในยุคต่อไปจะได้ไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนวัยอันควรจนเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน
และไม่พึงประสงค์ออกมาอันเป็นผลพวงมาจากกามารมณ์มากกว่าความรักแท้ นอกจากนี้
ยังเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นที่ปรารถนาแล้ว นำไปสู่การทำแท้งอันเป็นบาปเบื้องต้น
ของการเป็นมนุษย์อีกด้วย
ให้ลูกๆ ที่จะเกิดมา เป็นผลพวงจากความรักกันเถิด เด็กๆ ที่เกิดมาในยุคต่อไปจะได้กลายเป็นผู้ใหญ่
ที่มีจิตใจดีงามเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา เผื่อแผ่ความรักแก่ผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัวและเกลียดชังกัน
แล้วโลกของเราคงจะน่าอยู่มากกว่าวันนี้แน่นอน
เราจะเริ่มกันอย่างไร
เริ่มให้ลูกเกิดมาจากความรักความผูกพัน
เมื่อ 12 ปีที่ล้ว ผมได้มีโอกาสไปทำการวิจัยเกี่ยวกับการเจริญพันธ์ที่มหาวิทยาลัยอ็อตตาว่า ประเทศแคนาดา
ตอนนั้นเป็นยุคแรกๆ ที่มีการจัดตั้งหน่วยเทคโนโลยีช่วยหลังการเจริญพันธ์ พูดง่ายๆ ก็คือ หน่วยงานที่รักษาผู้มีบุตรยาก
โดยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่จำพวก กิฟท์ เด็กหลอดแก้ว ฯลฯ หน่วยงานดังกล่าวตั้งชื่อได้น่ารักว่า GOAL
ซึ่งย่อมาจาก GIFT OF A LIFE โดยมีความเห็นตรงกันว่า
ลูกนั้นเป็นของขวัญแห่งชีวิตรัก เป็นโซ่ทองแห่งความรักที่จะคล้องดวงใจพ่อแม่ไว้ด้วยกัน
เพื่อที่จะได้เป็นครอบครัวสมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้นการดูแล ผู้มารับบริการเพื่อการมีบุตร หรือเรียกว่า คนอยากมีลูกนั้น ทั้งทีมงานจึงดูแลแบบเข้าอกเข้าใจ
และเห็นอกเห็นใจ เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า ผู้ที่จะมารักษาให้มีบุตรนั้นตกอยู่ในภาวะ เครียดเรื้อรัง โดยไม่รู้ตัว
และบางคนก็ไม่ยอมรับด้วยว่าตนเอง เครียด นอกจากเครียดแล้ว ในระหว่างการดูแลรักษาเพื่อให้มีบุตรยังตั้งความหวังไว้สูงว่า
เมื่อใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธ์สมัยใหม่แล้ว จะต้องตั้งท้องแน่นอน ทำให้จิตใจเคร่งเครียดไปด้วย
ยิ่งใกล้เวลาที่รอบเดือนควรจะมาแล้วไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่ มายิ่งวิตกกังวลมากขึ้น
ผลก็คือ สภาพร่างกายที่เคร่งเครียดวิตกกังวลดังกล่าว อยู่ในภาวะแห่งความเป็นกรด ในขณะที่เวลาแพทย์
และนักวิทยาศาสตร์ผสมตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการนั้น สภาวะสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการปฏิสนธิของไข่และตัวอสุจิเป็นด่างอ่อนๆ
พอเอาตัวอ่อนใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วเจอสภาวะความเป็นกรดในร่างกายตัวอ่อนก็ย่อมฝ่อไป
หรือฝังตัวไม่ได้เป็นธรรมดา
ธรรมชาตินั้นมักจะก่อให้เกิดการเจริญพันธ์ในขณะที่สัตว์โลกทั้งหลายมีความสุขเสมอ !!
ดังนั้น ยาวิเศษที่จะช่วยให้คู่สมรสทั้งหลายมีบุตรได้ก็คือ อะไรก็ได้ที่ทำให้ผ่อนคลายไม่กังวล และมีความสุข
มีคนกล่าวว่า LAUGH IS THE BEST MEDICINE การหัวเราะเป็นยาที่วิเศษที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้อายุยืนยาว
สุขภาพดีแล้ว อานิสงค์ยังแผ่ไปทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้นด้วย ว่าแต่ว่าวันนี้คุณหัวเราะแล้วหรือยัง
แต่จะหัวเราะอย่างมีความสุขได้ หนุ่มสาวที่อยากมีบุตรต้องมี "ความรัก" ก่อน มีความรักแท้ที่มอบให้แก่กันอย่างจริงใจ
ปราศจากความระแวงสงสัยหรือกังวลในความรัก
รวมแรงร่วมใจในการแสดงความรักด้วยภาพกายให้ไปถึงดวงดาวอย่างมีความสุข
เชื่อไหมครับว่า การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างมีความสุข โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความผูกพันนั้น
ทำให้โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นสูงมากทีเดียว เพราะในการมีความสุขดังกล่าวนั้น ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า
"เอ็นโคฟิน" ออกมาทำให้เกิดการผ่อนคลาย นอนหลับ ฝันดี ระบบการเจริญพันธ์จะดี และคุณก็จะได้ลูกเหมือนฝัน
และถ้าคุณไม่สามารถที่จะมีลูกได้แม้ว่าจะพยายามทำการบ้านเป็นประจำสม่ำเสมอ
จนเวลาล่วงเลยไปเป็นปีแล้วลูกน้อยก็ยังไม่มาเกิดสักที คุณคงจะต้องไปปรึกษาแพทย์แล้ว
เมื่อรักษาไปสักระยะเวลาหนึ่งคุณหมอก็อาจจะต้องใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือการเจริญพันธ์สมัยใหม่
เริ่มจากการฉีดเชื้อในวันที่มีการตกไข่ เวลาที่แพทย์ฉีดเชื้อให้คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ แทนที่จะทำใจสบายๆ
ก็มักจะเกร็งไปหมด กลับไปบ้านก็ยังนอนนิ่งๆ ไม่ค่อยกระดุกกระดิกไปไหน กลัวไปหมด...ไม่รู้กลัวอะไร
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ กลัวว่าไม่ตั้งครรภ์
ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่าฉีดเชื้อนั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เพียงแต่โอกาสการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น
กว่ามีอะไรกันเองมากและในระหว่างการฉีดเชื้อนั้นก็ไม่ได้มีกระบวนการทำให้เกิดการมีความสุข
ตามธรรมชาติแต่อย่างใด
เลยมีงานวิจัยบางรายงานที่พยายามแนะนำให้คู่สมรสกลับบ้านไปมีความสัมพันธ์ทางเพศตามธรรมชาติ
อย่างมีความสุขกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับการจัดเชื้อไปแล้ว และผู้วิจัยก็บอกว่า ได้ผลแฮะ โอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นอย่างชัดเจน
ใครจะทำตามก็คงจะไม่หวงห้ามแต่ประการใด ไม่ได้ลูก ก็ยังได้รับความรักความอบอุ่นจริงไหม ที่ผมแนะนำก็คือ
หลังจากฉีดเชื้อหรือใส่ตัวอ่อนไปแล้ว ในกรณีที่คุณไม่ทำเด็กหลอดแก้ว หรือทำอิ๊คซี่ เลี้ยงจนเป็นพลาสโตซิสท์อะไรก็ตาม
กลับไปถึงบ้านแล้วให้สามีแสดงความรัก ความห่วงใยภรรยาผู้แสนดีทุกวันทุกคืน ให้บรรยากาศเปี่ยมไปด้วยความรักความอบอุ่น
ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจแล้ว ไม่นานคุณก็จะได้บุตรเชยชมสมใจ จริงๆ นะครับ หลายรายสำเร็จไปแล้ว
ว่าแต่คุณจะเชื่อผมไหมเท่านั้น...สำหรับผมแล้วเชื่อเสมอว่า ความรักเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้
ขอให้รักจริงเท่านั้นเป็นพอ ไม่เชื่อคุณลองไปหาเพลง LOVE CHANGE EVERYTHING มาฟังดูซิครับ
จะเห็นด้วยเหมือนผม จะฟัง ไมเคิล ครอฟอร์ด หรือ ซาราห์ ไบรท์แมน ตัวเอกที่แสดงในละครเพลงยอดฮิตของ
เซอร์แอนดรู ลอยด์ เวบเนอร์ ที่มีชื่อว่า PHANTOM OF THE OPERA เพลงกล่าวว่า LOVE,
LOVE CHANGE EVERYTHING LOVE BRING GLORY... แปลง่ายๆ ก็คือ ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
เมื่อลูกเกิดมาแล้ว
อย่าลืมให้ความรักความอบอุ่นแก่เขาต่อไปตั้งแต่เล็กๆ ให้เขาเห็นในความรัก และความห่วงใยของพ่อแม่อย่างสม่ำเสมอ
ลูกไมใช่ของที่ไปซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า ไม่พอใจก็วางทิ้งหรือไปซื้อหาใหม่
ลูกเกิดจากความรักความผูกพันของพ่อแม่
ลูกต้องการความรัก ต้องการเวลา...ไม่ได้ต้องการเงินตรา หรือของขวัญ
อยากให้ลูกเป็นอย่างไร ต้องเป็นตัวอย่างให้เขา...พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ได้และคนแรกของลูกทุกคน
ถ้าคุณฟังแต่ทำงานไม่มีเวลาให้เขา...รอมาสอนเมื่อเขาโตนั้นสายเสียแล้ว เพราะเขาไม่เชื่อคุณหรอกครับ
ในยุคปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารต่างๆ แพร่หลายไม่ได้รวดเร็วกว่าแต่ก่อนมากนัก ข่าวสารดังกล่าวมีทั้งข่าวที่ดีและข่าวที่ชักนำเด็กๆ
ลูกหลานเราไปในการที่ผิด
เด็กที่เป็นลูกๆ ของเราเกิดมาเพื่อที่จะเป็นคนดี..ขอย้ำนะครับว่า คนทุกคนที่เกิดในโลกนี้อยากจะเป็นคนดีทั้งนั้น
ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดีหรอก ขอแต่ให้มีแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาเลียนแบบเท่านั้น เราก็จะได้คนดีเป็นศรีสังคมต่อไป
เด็กเกิดมานั้นเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ สุดแต่ผู้ใหญ่จะแต่งแต้มสิให้เป็นอย่างไร
ทำไมไม่หันมาแต่งแต้มสีสันแห่งความรัก ให้เขาเหล่านั้นเจริญเติบโตด้วยความรัก
ความอบอุ่น ความเข้าใจและคอยดูผลผลิตที่เราฟูมฟักด้วยความรักอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
เนื่องเพราะลูกเกิดมาจากความรักของพ่อแม่...เป็นของขวัญแห่งความรัก พ่อแม่จึงต้องเริ่มสอนลูกให้รู้จัก "ความรัก" ที่ดี
ที่ถูกต้องที่ปลอดภัย
เพศศึกษานั้นอันดับแรกที่จะสอนจึงเป็น "ความรัก" นั่นเอง !!
นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
|
