น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
ผลการสำรวจพฤติกรรมทางเพศของคนทั่วโลก ที่จัดทำโดยสำนักดูเร็กซ์โพลล์เจ้าเก่า
ซึ่งสำรวจติดต่อกันมาเป็นปีที่ 5 และเพิ่งแถลงผลการสำรวจ ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
มีผลที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
แต่โดยสรุปแล้ว พบว่า คนทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น
พยายามที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้นและยึดหลักที่จะมีชีวิตคู่
โดยการมีคู่เพียงคนเดียวเพิ่มขึ้น
คงจะเป็นเพราะการรณรงค์ให้ความรู้ทางด้านเพศศึกษาที่ดีขึ้น ทุกคนเข้าใจในเรื่องราวเกี่ยวกับ
พฤติกรรมทางเพศมากขึ้น และหันมาคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้น โดยไม่คำนึงแค่ความสุขเพียงชั่ววูบ
เป็นการเริ่มศักราชใหม่ที่มีนิมิตหมายที่ดี!!
ปีนี้การสำรวจดูเร็กซ์ โกลบัล เซ็กซ์ เซอร์เวย์นั้น เป็นการสำรวจพฤติกรรมทางเพศของคนทั่วโลก
ที่มีจำนวนผู้ได้รับการสำรวจมากที่สุด เท่าที่เคยมีการจัดทำกันมา คือ สำรวจจำนวน 27 ประเทศ
จากเดิม 14 ประเทศ และจำนวนคนที่ได้รับการสำรวจเพิ่มจาก 10,000 เป็น 18,000 คนทีเดียว
แน่นอนว่า ใน 27 ประเทศดังกล่าว มีประเทศไทยอยู่ด้วยประเทศหนึ่ง
การสำรวจครั้งนี้กระทำในกลุ่มคนอายุ 16-55 ปี
มาเริ่มกันที่มีความรู้ด้านเพศศึกษาก่อน
ผลออกมาว่า ร้อยละ 25 ได้ความรู้เรื่องเพศจากเพื่อน ในขณะที่ได้ความรู้ด้านเพศจากหนังสือ
และนิตยสารต่างๆ ร้อยละ 16 สอนในโรงเรียนร้อยละ 15 และได้จากคู่นอนร้อยละ 10 จากมารดาร้อยละ 12
จากโทรทัศน์วิทยุร้อยละ 6 ส่วนแพทย์พยาบาลเป็นแหล่งความรู้ด้านเพศศึกษาเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
นั่นเป็นค่าเฉลี่ย...ที่ได้จากทั่วโลก สำหรับประเทศไทยนั้น ปรากฏว่าได้ความรู้จากเพื่อน
เพียงร้อยละ 19 แต่ได้จากการสอนที่โรงเรียนเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 23 ได้จากหนังสือแม็กกาซีนร้อยละ 11
ในขณะที่ได้จากคู่นอนถึงร้อยละ 15
น่าสนใจตรงที่ว่า เพศศึกษาของคนไทยได้จากแพทย์พยาบาลถึงร้อยละ 14 ทีเดียว ใกล้เคียงกับจีน
(ร้อยละ 15) ฮ่องกง (ร้อยละ 14) เม็กซิโก (ร้อยละ 15) แต่ได้จากพ่อแม่รวมกันแล้ว ร้อยละ 4 เท่านั้น
คุณพ่อคุณแม่ครับ บทบาทการเป็นครูคนแรกของลูกไปอยู่เสียที่ไหนครับ
เดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็ทราบกันดีแล้วว่า แท้จริงแล้ว เพศศึกษา หรือ SEXUALITY EDUCATION นั้น
เป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเป็นเพศชาย-เพศหญิง ไม่ได้เป็นการสอน
การมีเพศสัมพันธ์สักหน่อย และเป็นการสอนในแนวป้องกันมากกว่าการยั่วยุให้เกิดความอยากลอง
เหมือนที่เคยคิดกันมาก่อน
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก... แล้วจะให้ลูกเลียนแบบใครเล่าครับ
เริ่มเกิดความรัก...และกามารมณ์
แน่นอนว่า ความรักและกามารมณ์เป็นของคู่กัน และเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก...
การยับยั้งชั่งใจจึงมีความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้
ทำอย่างไร จึงจะเสียสาวให้มีคุณค่า เพราะเสียสาวก่อนเวลา คุณค่าย่อมหายไป
ซ้ำถ้าเสียสาวไปแล้วโดนรักจาง เขาคนนั้นจากไป จะทำอย่างไรดี
เสียหนุ่มอย่างไร จึงจะไม่ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็เป็นคำถามคาใจที่หนุ่มๆ หลายราย
ที่คำนึงถึงความปลอดภัยรอคำตอบอยู่
ปี ค.ศ.2000 นี้ เฉลี่ยทั่วโลก คนเราเริ่มมีเซ็กซ์ครั้งแรกเมื่ออายุ 18.1 ปี โดยผู้ชายมีก่อนที่อายุ 17.5 ปีโดยเฉลี่ย
ในขณะที่สาวๆ จะเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกไปประมาณ 18.6 ปี โดยชาวอเมริกันมีเซ็กซ์เร็วที่สุด คือ
เมื่ออายุ 16.4 ปี และประเทศจีนช้าที่สุด คือ 21.9 ปี ส่วนไทยเราเฉลี่ยเซ็กซ์ครั้งแรกจากการสำรวจครั้งนี้
เมื่ออายุ 19.5 ปี
คิดเอาเองก็แล้วกันครับ...ว่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างไร
เขามีเซ็กซ์กันบ่อยครั้งแค่ไหน
ทั่วโลกในปี ค.ศ.2000 นี้ เขามีเซ็กซ์...ที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยกันประมาณ 96 ครั้งต่อปี
หรือประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
นับเป็นค่ามาตรฐานในการมีเซ็กซ์เพื่อการมีบุตรไว้เป็นโซ่ทองคล้องชีวิตคู่ทีเดียว!!
เพราะคนที่จะมีบุตรได้ง่ายๆ โดยไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่จะมาทำให้มีบุตรยากนั้น ตามสถิติ พบว่า
ถ้ามีอะไรกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สม่ำเสมอ ภายใน 1 ปี มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว...
ถ้าไม่ได้คุมกำเนิดอยู่นะครับ
ปีนี้ชาวอเมริกันครองแชมป์การมีเซ็กซ์กันครับ คือ ทำสถิติได้ 132 ครั้งต่อปี รัสเซียรองลงไปทำได้ 122 ครั้ง
ในขณะที่นักรักชาวฝรั่งเศสแชมป์เก่าทำได้เพียง 121 ครั้งต่อปีเท่านั้น
คนไทยเราได้อันดับ 4 ครับ...แต่นับจากบ๊วยนะครับ คือเป็นอันดับที่ 24 ในจำนวน 27 ประเทศ
โดยทำได้ 70 ครั้งต่อปี และหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นทำสถิติได้เพียง 37 ครั้งต่อปี หรือเดือนละ 3 ครั้งเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็นผลจากพิษเศรษฐกิจหรือเปล่า
ประเทศที่มีเซ็กซ์กันน้อยกว่าคนไทย คือ จีน (69 ครั้ง) มาเลเซีย (62 ครั้ง) และญี่ปุ่น (37 ครั้ง)
ส่วน 10 อันดับของประเทศที่นิยมการมีเซ็กซ์จนเป็นสถิตินั้น นอกจาก 3 ประเทศข้างต้นแล้ว ก็ได้แก่
กรีซ (115 ครั้ง) บราซิล (113 ครั้ง) ฮังการี (110 ครั้ง) สหราชอาณาจักร (109 ครั้ง) อัฟริกาใต้ (107 ครั้ง)
อิสราเอล (105 ครั้ง) แคนาดา (99 ครั้ง)
ในความเห็นของผมนะครับ คุณผู้อ่านไม่จำเป็นจะต้องทำสถิติให้ได้เท่านั้นหรอกครับ
เพราะใครๆ ก็รู้ว่า "คุณภาพ" สำคัญกว่า "ปริมาณ" ยิ่งในยุคนี้ ที่ผู้ชายมักจะ "หมดแรงทำรัก" และผู้หญิง
"หมดอารมณ์รักใคร่" ด้วยแล้ว พยายามที่จะมีสัมผัสรักกันให้พอประมาณ แต่ซาบซึ้งใจน่าจะดีกว่า...
จริงไหมครับ
ความปลอดภัยเป็นหัวใจของความรัก (ใคร่)
เมื่อถามว่าในยุคนี้ที่โรคเอดส์ระบาดกันชนิดควบคุมได้ยาก ตราบใดที่มนุษย์ยังคงมีความต้องการ
ตามธรรมชาติอยู่นั้น คนเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศกันไปมากน้อยเท่าใด เริ่มที่จำนวนคู่นอนกันก่อนว่า
เฉลี่ยทั่วโลกนั้น คนเรามีคู่นอนกันเท่าใด...คำตอบอยู่ที่ 8.2 คน โดยเฉลี่ย และเมื่อสอบถามให้ลึกซึ้งลงไปแล้ว
ก็พบว่า มากกว่า 1 ใน 4 คือ ร้อยละ 27 มีคู่นอนคนเดียว ในขณะที่พบว่า ร้อยละ 22 มีพฤติกรรมทางเพศที่สำส่อน
คือมีคู่นอนมากกว่า 10 คน ขึ้นไป ผู้ชายมีคู่นอนมากกว่าผู้หญิง เป็นที่แน่อยู่แล้ว คือมีถึง 11.7 คนโดยเฉลี่ย
ในขณะที่ผู้หญิงมีเพียง 4.6 คน กว่าที่จะพบรักแท้
คนไทยเรามีคู่นอนเฉลี่ย 6.2 คน ครับท่าน...ตามผลการสำรวจ
แปลผลกันเอาเองก็แล้วกันนะครับ...ผมไม่กล้าแปล
แต่แน่นอนที่ว่า ข่าวดีสำหรับคนไทย จากการสำรวจพฤติกรรมทางเพศในครั้งนี้ก็คือ...เมื่อถามว่า
คุณคิดจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงๆ ของคุณไหม ในยุคที่เอดส์กำลังระบาดอยู่อย่างนี้
โดยเฉลี่ยทั่วโลกร้อยละ 58 บอกว่า จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่ โดยการมีคู่นอนแค่คนเดียว เลิกเป็นประเภท
"รักเดียวใจเดียว โรเนียวได้หลายครั้ง" เหมือนเมื่อก่อน ที่เหลือบอกว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่ปลอดภัย
และจะเลือกคู่นอนให้มากขึ้น
ในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่นี้ หนุ่มสาวชาวไทยมาอันดับ 4 ครับ คือ ร้อยละ 73
บอกว่า จะเปลี่ยนพฤติกรรมแน่นอน โดยจะซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง และถ้าเป็นโสดอยู่แล้ว คิดจะมีเพศสัมพันธ์ละก็
จะมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน โดยยึดสโลแกนที่ว่า NO CONDOM NO SEX
เพื่อที่จะได้มี "รักนี้ที่ปลอดภัย"
เป็นการต้อนรับสหัสวรรษใหม่..เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
|