 |
ถ้าหากมีผู้ชายมาแอบชอบเราสักคนแต่เรามองเขาเป็นแค่เพื่อนที่ดี เราไม่คิดเป็นแฟนกับเขา
เพราะคิดว่าเรายังเด็ก แต่เราไม่กล้าบอกเขา เพราะกลัวเขาเสียใจ แต่ถ้าเราไม่บอก เขาก็ยิ่งจะเสียใจ
ถ้ารู้ทีหลัง แล้วหนูจะทำอย่างไรดีคะ บอกกับเขาเลยตรงๆ ได้ไหมคะ ว่าขอเป็นแค่เพื่อน
แนนนี่
|
|
ขอบคุณสำหรับการเปิดใจถามนะคะ เพราะหากเรามีปัญหาแล้วเราได้มีโอกาสระบายความคับข้องใจ
ได้ปรึกษาใครสักคน จะทำให้เราสบายใจขึ้นและทำให้เราตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างรอบคอบและมั่นใจ
|
คำถามของหนูดูเหมือนจะมีคำตอบอยู่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่นึกหาวิธีและคำพูดไม่ถูกเท่านั้นเอง
การที่หนูมีใครสักคนมาชอบพอ แสดงว่าหนูเป็นคนน่ารัก และมีเสน่ห์ไม่เบาทีเดียว ถือว่าน่าอิจฉามาก
แต่ก็ดีใจนะคะ ที่หนูตัดสินใจแล้วว่าหนูยังเด็กและจะคบกับเขาแค่เพื่อน แสดงว่าความคิดของหนูไม่เด็กแล้วล่ะค่ะ
หนูมีความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว รู้จักหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี
เผอิญหนูไม่ได้บอกมาว่าหนูอายุเท่าไหร่ และเรียนอยู่ในระดับไหน เพราะหากหนูอยู่ชั้นมหาวิทยาลัยสักปี 3 ปี 4
คงไม่ผิดอะไรถ้าหนูจะคบใครเป็นพิเศษสักคน เพราะคู่แต่งงานหลายคู่ที่อยู่กันยืดจนไม้เท้าและกระบอง
กลายเป็นยอดทองยอดเพชรก็รู้จักคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย คือ มีโอกาสรู้จักตัวจริงของกันและกัน
และได้ดูใจกันเนิ่นนาน แต่ข้อสำคัญการ เป็นแฟน นั้น ต้องอยู่ในขอบเขตนะคะ อย่าให้เกินเลยไปมากกว่าแฟน
เพราะผู้หญิงอย่างเรายังไงก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบวันยังค่ำ เก็บถนอมรักษาตัวเองไว้ให้ดีที่สุด
หนูต้องวางตัวเองเป็นเพชรสวยมีราคา ใครๆ ก็สนใจ แล้วเพชรเม็ดงามอย่างหนูจะเลือกอยู่กับเรือนที่เหมาะสมที่สุดเมื่อถึงเวลา
หนูเองคงคิดแล้วว่า "ยังไม่ถึงเวลา" อาจจะด้วยยังเด็กอยู่จริงๆ อาจจะยังเรียนเพียงชั้นมัธยม ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ
ที่จะคบเขาแค่เพื่อน
เรื่องของความรักมันหลอกกันไม่ได้ ทนฝืนใจก็ไม่ได้ เพราะมันทรมานด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ถ้าหนูไม่คิดจะเป็นแฟนกับเขา หนูต้องกล้าหาญที่จะบอกเขาค่ะ อย่ากลัวเขาเสียใจเลย เพราะถ้าหนูเกรงใจเขา
ไม่ยอมพูด ก็เท่ากับว่าหนูหลอกเขา หนูเองก็จะไม่สบายใจทุกครั้งที่เจอะเจอ อึดอัดใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน
นานๆ เข้าก็จะเริ่มหลบหลีกเขาเดินมาทางโน้น หนูก็จะวิ่งหลบที่มุมตึก เขาโทร.มาหา ก็ต้องแอบดัดเสียงเป็นแม่แล้วบอกว่า
หนูไม่อยู่ ชีวิตแบบนี้ไม่สนุกเลยค่ะ และถ้าหากเขารู้ความจริงว่าหนูแกล้งคบเขาเพราะความเกรงใจมีหรือคะที่เขาจะดีใจ
ไม่หรอกค่ะ เขาจะยิ่งเสียใจมากกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า หนูเองก็รู้ดีอยู่ในใจ
เอาละ เมื่อเรามาตัดสินใจกันแล้วว่า "หนูจะต้องบอกเขา" จะเริ่มอย่างไรดี เรื่องวิธีการนี่สำคัญมากนะคะ
ถ้าหนูทำได้สำเร็จ เขาเองก็จะสบายใจหนูเองก็สบายใจ
ดูท่าแล้ว เขาไม่ใช่คนเลวอะไร เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ไม้นวมกับเขาค่ะ ซึ่งจะทำให้เขาเข้าใจและเป็นเพื่อนที่ดีต่อไป
ไม่แนะนำให้ใช้ไม้แข็งเพราะมันอันตราย และอาจย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ในอนาคต
อยากให้หนูตั้งสติให้ดี ต่อจากนี้ไป ทั้งการปฏิบัติตัวและทุกคำพูดของหนู ต้องวางเขาไว้ที่เพื่อนคนหนึ่ง จริงๆ
ทักทายเขา พูดคุยกับเขาเท่ากับที่พูดกับเพื่อนคนอื่น อย่าพูดอะไรเป็นพิเศษ อย่ามีน้ำเสียงหวานหรืออ่อนโยนเป็นพิเศษ
หนูพูดกับเพื่อนชายคนอื่นอย่างไร ขนาดไหน ก็ให้พูดเท่านั้นค่ะ ถ้าเขาโทร.มาหาก็รับสายแต่พูดธรรมดา
สั้นๆ แล้วขอตัวไปทำการบ้าน
การปฏิบัติตัวก็เช่นกัน ถ้าทำอะไรให้เขาก็ต้องให้เพื่อนคนอื่นๆ ด้วย อย่าให้อะไรพิเศษแก่เขาคนเดียว
อย่ายิ้มกับเขาคนเดียว ต้องยิ้มให้คนอื่นด้วย
การทำตัว เท่าๆ กัน จะทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อะไรพิเศษกว่าคนอื่น
เรามองเขาและปฏิบัติต่อเขาเสมอภาคกับเพื่อนทุกคน
เมื่อเราเริ่มปฏิบัติต่อเขา และพูดกับเขาอย่างธรรมดา เท่าๆ กับคนอื่น ต่อไปหนูต้องเริ่มเกาะกลุ่มกับเพื่อนๆ
ทั้งนี้เพื่อไม่เปิดทางให้เขาอยู่กับเราสองคน
จะไปกินข้าว หนูก็ต้องไปกับกลุ่มเพื่อนๆ สัก 4-5 คน จะเดินไปไหนก็มีเพื่อนไปเป็นโขยงเสมอดูๆ
แล้วเหมือนหนูเป็นคนเพื่อนเยอะตลอดเวลา
ถ้าเขาเองเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับเรา ก็ไปกันได้ทั้งกลุ่ม แต่เฉพาะกิจกรรมในโรงเรียนเท่านั้น
พยายามอย่ามีกิจกรรมนอกโรงเรียน เช่นชักชวนกันไปดูหนัง ไปซื้อของที่ศูนย์การค้า
เพราะจะเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้เขาเข้าใกล้ตัวหนูได้
หากเขาพยายามชักชวนหนูไปไหนกับเขาสองคน ตรงนี้หนูต้องปฏิเสธค่ะ แต่ต้องนุ่มนวล เช่น เขาชวนไปดูหนัง
หนูอาจบอกว่า "ขอบใจนะที่ชวนแต่เรื่องนี้ดูแล้ว" หรือ "ขอโทษนะ เผอิญนัดกับพ่อไว้ว่าจะไปดูเรื่องนี่วันเสาร์"
ถ้าเขาชวนไปกินข้าว ก็บอกว่า "ขอบใจนะ เผอิญช่วงนี้ลดความอ้วน" หรือ "ขอโทษนะอาจารย์เรียกพอดี
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร"
อย่าตกลงไปกับเขา แล้วชักชวนเพื่อนคนอื่นๆ ไปเป็นเพื่อนอีก เพราะนั่นเท่ากับว่าเราอยากไปกับเขา
แต่เรากลบเกลื่อนโดยหาพวกไปด้วย
หนูทำตัวเป็นกลางอย่างนี้สักพักหนึ่ง แล้วก็เริ่มบอกเขาเป็นนัยๆ ด้วยคำพูดให้เขารู้ชัดๆ ว่าเรามองเขาแค่เพื่อนจริงๆ
เช่น ถ้าเขาทำอะไรให้เราเป็นพิเศษ หนูก็ขอบใจเขา และตบท้ายด้วยคำพูดว่า "เธอนี่เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เลยนะ"
หรือ "อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าเพื่อนกัน"
ความจริงแค่นี้เขาคงพอรู้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราควรมีบทสรุปที่ชัดเจนให้เขาด้วย หนูต้องรอโอกาสเหมาะๆ
ที่สติและอารมณ์ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย แล้วพูดกับเขาอย่างยิ้มแย้ม และจริงใจว่า "เธอเป็นคนดีนะ แต่วันเวลายังอยู่อีกไกล
วันนี้ขอให้เราตั้งใจเรียนหนังสือ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปก่อน หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ"
ขนาดนี้
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว แต่สิ่งที่หนูปฏิบัติกับเขามาตลอดจะทำให้เขาไม่บาดหมาง
และยอมรับความเป็นจริงได้โดยดุษฎี และคำพูดที่หนูพูดไปก็ไม่ได้ตัดรอนเขามากนัก เพราะเรายังหยอดไว้ว่า
"วันเวลายังอีกยาวไกล" ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่พอ เขาจะเข้าใจได้ว่า เขาอาจจะเป็นแฟนเราได้ในอนาคตเมื่อถึงเวลา
และถ้าเขาสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเขามีรักแท้
ข้อสำคัญ เมื่อหนูได้บอกเขาไปเช่นนั้นแล้ว การปฏิบัติตนของหนูหลังจากนี้ยังคงต้องเหมือนเดิม
คือใส่ใจเขาเช่นเพื่อนคนเดิม พูดคุยกับเขาเหมือนเดิม ทักทายเขา ยิ้มแย้มกับเขา มีกิจกรรมในกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม
อย่ามองเขาเป็นตัวประหลาด อย่าบึ้งตึง หลบหลีก เพราะแม้ว่าหนูจะพูด ตัดสิน ไปแล้ว หนูเองก็ต้องรอดูอาการเขา
และประคับประคองจนแน่ใจว่าเขา เข้าใจเรา จริงๆ
ถ้าเขาเป็นคนดีจริงๆ และสนใจเราจริงจัง เขาจะเป็นเพื่อนของหนูต่อไป เขาจะรอเวลาจนกว่าหนูจะเติบโต
และพร้อมที่จะเปิดรับเขาเป็นแฟน แต่ถ้าเขาแค่ หวือหวา เขาจะหันหลังไปจากหนูได้อย่างง่ายดาย
ผู้ชายบาคนไม่มีความอดทน บางคนก็หยิ่งในศักดิ์ศรี ทำนองว่า "หาใหม่ก็ได้ (วะ)"
วัยนี้ เรื่องความรักคงเป็นเพียง puppy love เป็นเพียงความรู้สึกชื่นชม เท่ หวือหวาตามแฟชั่น
หรือสนุกที่มี คนพิเศษ เท่านั้น ความรักที่แท้จริงต้องอาศัยเวลา ความเข้าใจ การเสียสละ และปัจจัยอื่นๆ
อีกมากมายเหลือเกิน
มั่นใจว่าเมื่อหนูอายุมากขึ้น หนูคงพบความรักที่แท้จริง พบคนที่ดีจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้น
คิดว่าคนอย่างหนูจะสามารถตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ
ผุสชา โทณะวาณิก
|