รอยลิขิต ชีวิตคำโบก
(โดย... คำโบก)
1
ผมชื่อคำโบกครับ
ชื่อจริง นายประดิษฐ์ ชัยสอน
ตั้งแต่ผมจำความได้เริ่มเข้าโรงเรียนปีพุทธศักราช 2513
โดยก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีโรงเรียน ยังไม่มีวัด ยังไม่มีชื่อบ้าน
ชาวบ้านแถวนี้จะมาทำไร่ปลูกปอ ถางป่าจับจองที่
ใครอยากได้ตรงใหนก็ถางป่าเอา ใช้จอบขุดดินปลูกฝ้ายปลูกแตง
โดยยังไม่มีรถไถ พืชที่ขึ้นชื่อก็คือแตงไทย
ใครอยากกินก็ให้ไปหาบเอา
สมัยนั้นยังไม่ค่อยใช้เงินยังไม่ค่อยมีการซื้อการขาย
เพราะถนนหนทางไม่สะดวกจะใช้
ทางเกวียนเป็นหลัก
พ่อมีเกวียนมีวัวอยู่คู่หนึ่งเป็นพาหนะเวลามีบุญประจำปีหรือบุญเดือนสามพ่อจะพาครอบครัว
กลับมาบ้านของตา-ยาย ชื่อจริงคือผู้ใหญ่บาล
อายุปัจจุบันประมาณ 97 ปี แล้วซึ่งเป็นพ่อของแม่ บ้านที่ตาบาล
อยู่ชื่อบ้านกุดน้ำไส มีไฟฟ้าใช้แล้วห่างจากไร่ทีพ่อไปทำ 16 กิโลเมตร
ต่อมาแต่ละครอบครัวมีลูกมีเต้า เช่น
นายอรุณ ชายศรี
มีลูก 4 คน, นายสุวรรณ ชัยสอน มี 5 คน, นายอู้ ลาบเกิด มี 4 คน ฯลฯ
โดยลูกแต่ละคนยัง
ไม่ได้เรียนหนังสือเลยหากไปเรียนต่างบ้านก็ไกลหลายกิโล
ดังนั้นพ่อและเพื่อนบ้านได้ปรึกษาหารือกันและได้เข้าไปหาญาติที่เป็นปลัดสิทธิ์
และลงมติกันให้ตั้งชื่อบ้านว่า
บ้านท่าแตง
หมู่ที่ 7 ต.กุดน้ำไส อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ
เริ่มแรกได้ชื่อบ้านแล้วแต่ยังไม่มีผู้ใหญ่บ้าน พวกชาวบ้าน
ทั้ง 30 หลังคาเรือนก็ลงมติให้นายอรุณ ชายศรี
เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของบ้านท่าแตง
เป้าหมายตอนนี้ก็คือโรงเรียนยังไม่มีให้ลูกได้เรียนหนังสือ
ผู้ใหญ่จึงประชุมลูกบ้านช่วยกันคนละไม้ละมือ
ไม้เสาโรงเรียนก็หาง่ายหน่อยตัดตามไร่ละแวกบ้านก็พอแล้ว
ส่วนฝาและพื้นใช้ฟากซึ่งได้จากไม้ไผ่นั่นเอง หลังคา
ก็ใช้สังกะสีอย่างดี ดังนั้นปี พ.ศ.2513 คำโบกจึงได้เรียนหนังสือชั้น
ป.1 โดยมีกระดานหินชนวนอย่างดีติดตัวไป
เรียนหนังสือ ถือได้ว่าเป็นรุ่นสิงห์ดำรุ่นแรกก็ว่าได้ ครูคนแรกคือ
ครูโพธิ์ สุริยะ คำโบกไปโรงเรียนสมัยนั้นไม่เคย
มีรองเท้าใส่ไปเรียนเดินเท้าเปล่าไปเรียนตลอด
ความไร้เดียงสาของเด็กยังไม่รู้จักคำว่าลำบากเลย
-2-
ไม่ใส่รองเท้าไปโรงเรียน
โรงเรียนบ้านท่าแตง
ที่ตั่งหากเดินทางจากอำเภอจัตุรัสไปจะผ่าน บ้านคงคาล้อม บ้านวังเสมา บ้านตลาด
บ้านดอนเกษตร เลยบ้านดอนเกษตรไปประมาณ 2 กิโลเมตร
ก็จะมีทางลูกรังเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร
แล้วข้ามห้วยส้มป่อยไปจะเห็นโรงเรียนตั้งเด่นเป็นสง่ามีต้นมะขามเก่าแก่ราว ๆ 6 7
ต้น พอได้เป็นร่มเงา และ แก้หิว
เวลาพักเที่ยงถนนหนทางหากเข้าหน้าฝนเมื่อไหร่ไม่ต้องพูดถึงเพาะยังไม่มีลูกรังเทถนนหน้านี้
เหมาะที่สุดในการเดินทางก็คือเกวียน
แม้จะเป็นเลนขนาดไหนก็ไม่มีติดหล่มไปได้สบายมากสมัยเรียนชั้น
ประถมปีที่1คำโบกจะตัวเล็ก
และผอมเวลาเดินขาจะเป๋เดินเหมือนเป็ด
เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนมักจะล้อเลียนเสมอ
ว่าไอ้เป็ดและได้ฉายาอีกว่าไอ้เป็ดก็ตามประสาเด็กนั่นแหละก็สนุกดีเวลาเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติพวกเราจะ
พากันหาเม็ดมะขามมาเล่นกัน
โดยทำหลุมไว้หลุมหนึ่งกับดินก็ไต้ต้นมะขามนั่นแหละ หลุมลึกประมาณ
4 5 เซนติเมตร
หลักการเล่นก็แล้วแต่ใครจะเล่นกับใครจับเป็นคู่ๆ หลุมหนึ่งก็ 2
คนเอาเม็ดมะขามมานับว่า
จะเล่นกันเท่าไหร่ หากว่าตกลงกันได้ว่าฝ่ายละ 20
เม็ดก็จะเอามารวมกันเสร็จแล้วก็จะหาวิธีว่าใคร
จะได้เล่นก่อนก็คือใช้มือโอส้มกัน
(เป่ายิงชุบ) ถ้าใครชนะก็จะได้ดีดมะขามลงหลุมก่อนหากว่าดีดไม่ลง
เมื่อไหร่ก็จะเปลียนฝ่ายของเล่นสมัยนั้นไม่ค่อยได้ซื้อหากเป็นรถก็ใช้หัวผงหรือหัวปรงใช้มีดแต่งให้เหมือนล้อรถ
แล้วแต่ใครจะเอาดอกลายใหน ใช้ 2
ล้อ
และใช้ไม้รวกทำเป็นเพลารถแบบนี้วิงดีไม่ต้องเติมน้ำมันไม่ต้องเปลือง
อะหลั่ย วัสดุหาได้ตามธรรมชาติ
ความเร็วขึ้นอยู่กับว่าคนขับจะวิ่งเร็วขนาดใหนรถก็สามารถวิ่งซิ่ง
ได้ขนาดนั้นพอโรงเรียนเลิกคำโบก
และเพื่อนๆต่างมีรถแทบทุกคนยกเว้นพวกผู้หญิง
จะไม่ค่อยเล่นขับรถขากลับบ้านขับรถวิ่งตามกันเป็นขบวนเหมือนรถรัฐมนตรีทุกวันนี้แหละ
คำโบกใช้ปากทำเสียงรถ และ เสียงแตร วันใหนฝนตกใหม่
ๆยิ่งวิ่งรถได้สนุกสนานออกรสออกชาติดีน้ำขังพอเหมาะล้อรถวิ่งผ่านทำให้น้ำกระจาย
บ้างก็ลื่นก้นจ้ำเบ้าต่างหัวร่องอหายปีผ่านไปสอบเลื่อนชั้นมาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่
2 ปีนี้ พุทธศักราช 2514 โรงเรียนบ้านท่าแตงมี 2 ชั้น คือป 1 - ป 2 หัวหน้าชั้น ป 2
คือ น้อย คณะขาม มันเป็นคนบ้านวังแหว่ แต่พอ่มันเป็นเสียวหรือเพื่อนผู้ใหญ่ อรุณ
พ่อมันเอามาฝากให้เรียนหนังสิอชีวิต ของ น้อยค่อนข้างลำบากเพาะนาน
ๆพ่อมันถึงจะมาหาทีหนึงหน้าที่ของหัวหน้าชั้นก็คือเวลาเข้าชั้นเรียนจะพูดว่า
..นักเรียนเตียมตัวเคารพ ครู มหาโพธิ์ เดินเข้ามาพวกเราทุกคนก็จะยืนขึ้นพร้อมกัน
และโค้งคำนับ พร้อมกับกล่าวคำว่าสวัสดี แล้วก็นั่งลงในห้องเรียน
อากาศเย็นสบายไม่มีพัดลมไม่มีแอร์ เพาะยังไม่รู้จักไฟฟ้ากันเลย
ระยะช่วงนี้เรี่มมีผู้ช่วยครู คือ ครู เฉลียว เป็นคนบ้านตลาด สอนได้พักหนึ่ง
ก็เปลียนกันมาเป็นครู หัวโลน ไม่มี ขนตั้งแต่คิ้วขึ้นไป
ผู้ช่วยคนที่ 3มาใหม่อีก ชื่อครู โท
สุริยะแกเป็นนักพากหนังกลางแปลงตัวยงเหมือนกันเวลามีงานมีหนังกลางแปลงแกจะพากหนังได้สนุกสนานไม่เบาปีพุทธศักราช
2515 สอบเลื่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3มีครูใหม่มาสอน ชื่อ ครู วีระ ภิรมย์กิจ
และครู มหาโพธิ์ ย้ายไปประจำที่อำเภอครูแต่ละคนจะมีเพลงร้องประจำไม่เหมือนกัน
เช่น
***ท่าแตงยามมื้อแลงแดดอ่อน
เป็นตาออนซอนเสียงน้ำไหลลง
ส้มป่อยบ่แม่นน้ำโขง เสียงน้ำไหลลงแก้ผ้าอาบเย็นดี
วันเสาร์เราจะไปขุดแย้
ไล่กระแตแหหว่านปลากิน
ส้มป่อยกะบ่ถวิล ทำมาหากินอยู่ในถินของเรา****
-3-
กินเหล้าโท
" ไชโยๆ
กินเหล้าโทแล้วไปหาเมียใหม่ เมียเก่าเถ้าแก่เกินไปๆ
ไปหาเมียใหม่ทอ้งใหญ่ท้องโต"
อันว่าเหล้าโทนั้นก็คือ ส.ร.ถ. หรือ
สุราเถื่อนดีๆนี้เองพ่อมักจะหมักแล้วกลั่นขายถ้าแกลลอน 5 ลิตร
ราคาก็ประมาณ 60
บาท
ตอนเย็นเลิกเรียนแล้วกลับบ้านส่วนพี่ชายชื่อว่ารัตนา
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ชุมพล
ชื่อเล่น่วาตู้ไปเลียงวัวไทขี้แก่นฝูงหนึ่งก็ราวๆ 80ตัว กลับมา
ส่วนพ่อแม่ก็กลับมาจากทำไร่ วันนั้นสังเกตุดูว่าพ่อกับแม่ทำใมพูดกันค่อยผิดสังเกตุ
ประมาณว่าขอบตะวันแดงพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าเห็นพ่อหาบตะกล้าแล้วก็เอามุ้งเขียวให้พี่ชายสำหรับ
ไปช้อนปลา และกุ้งได้ ตาข่ายด้วย
คำโบกเลยถามพี่ชายว่าจะไปใหนไปด้วยพี่ตู้บอกว่าจะไปอาบน้ำ
ถ้าไปก็อย่าเสียงดังผมรู้สึกว่าแปลกดีวันนี้มาอาบน้ำไกลร่วม 800 เมตร จากบ้าน
ลัดเลาะเข้าไปในป่าลวกน้อยใหญ่ลกทึบเป็นบางเห่งเสียงยุงบินเสียงจักจั่นเสียงนกเค้าแมวส่งเสียงร้องก้องไพรกว้าง
มาถึงริมห้วยนาพ่อใหญ่ปาน พ่อ
จัดแจงก่อไฟใช้หินสามก้อนตั้งหม้อนึ่งมีกะทะวางบนปากหม้อนึ้ง
อีกทีส่วนพี่ตู้ลงวางกางข่ายในน้ำใกล้ๆ
คำโบกเองลงน้ำลึกไม่ได้ก็ได้แต่อาบน้ำริมตะหลิ่งเสร็จก็ขึ้นมา
สักครู๋พี่ตู้ก็ขันตามมาดูพ่อทำอะไรคำโบกเองยังสงสัยเป็นหนักหนาพ่อเอาขวดแม่โขงมารองน้ำสีเหมือนแม่โขง
เปลี๊ยบเลยพ่อรองได้ประมาณครึ่งขวดพ่อชิมดูเทออกจากขวดใส่ขันเล็กๆ
พี่ตู้ก็ขอชิมบ้างแม่เจ้าโว๊ยฤทธิ์แอลกอฮอร์ออกจมูกว๊าบลงถึงท้องร้อนวู้บยังคิดนะว่าขนาดเล่นแค่อึกเดียวแท้ๆ
นะยังขนาดนี้ส่วนพี่ตู้เล่นไปกี่อึกไม่รู้เหมือนกันพ่อให้เอาขี้เหล้าไปหว่านลงน้ำตรงที่วางตาข่ายดักไว้นั้นแหละ
สักครู่ต่อมาพ่อก็ลงลากมุ้งเขียวกับพี่ตู้ก็ได้ปลาซิวอ้าว ก็คือปลาซิวตัวใหญ่ๆ
ประมาณ 4-5 เซนติเมตร พี่ตู้และคำโบกกลับบ้านก่อนเอาปลา
กุ้งมาให้แม่แกงใส่หน่อไม้ส้มหรือหน่อไม้ดองกินกับข้าวร้อนๆ
แซบเป็นตาหน่ายอร่อยอีหลีซดน้ำแกงร้อนๆ เข้าปากตักข้าวคำเหงื่อหยดหน้าผากติ๋งๆ
-4-
ตีกัน
ในวงพาข้าวนั่งล้อมวงใช้ตะเกียงเติมน้ำมันก๊าด
เมนูที่ขาดไม่ได้ก็คือพริกปลาร้า และ
น้ำปลาร้าหั่นพริกขี้หนูลงบีบมะนาวใส่หั่นต้นหอมใส่แค่นี้ก็เพิ่มรสให้เด็ดสะระตี่ยิงขึ้น
อิ่มทอ้งแล้วจะมานั่งฟังย่าสีคือแม่ของพ่อเล่านิทานให้ฟังถ้าไม่ใช่นิทานก็จะเป็นเรื่องเก่าๆ
โบราณกาลมาแล้ว
บางทีก็เอาการบ้านมาทำถ้าลมไม่แรงถ้าตะเกียงดับก็จะไม่ทำการบ้านและอ่านหนังสือไม่ได้มีอย่างเดียวก็นั่งฟังนิทาน
ย่าจะเล่าเหมือนพากหนังยังไงยังงั้นแหละนานๆ
ย่าจะมาหาทีหนึ่งมาดูวัวซึ่งวัวนี้คงจะเป็นสมบัติติดตัวพ่อก็ว่าได้ที่เห็นมาดูวัวมีอาวแก้ว
อาวไบ และย่า แสดงว่าวัวฝูงนี้พี่ตู้เลี้ยงมีของย่าและของอาด้วย
ส่วนพ่อจะนั่งดูดยาใบตองเหลาตอกไว้สานตะกร้า กระด้ง
จ่อ(สำหรับให้ตัวใหมทำรัง) หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแม่จะทำอาหารหวานต่อเช่นบวชกล้วย
ขนมครก ขนมฝักบัว หรืออาจจะต้มข้าวโพดไว้รอพวกตำข้าวตำข้าวส่วนมากจะมีพี่สาวพี่ชาย
และเพื่อนๆ บ้านหาบข้าวมาตำหมุนเวียนกันเอาแรงกันแถวๆ
บ้านเขาเรียกว่าครกมองภาษากลางเขาเรียกว่าครกกระเดื่อง
โรงสีก็มีเหมือนกันแต่ห่างจากบ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตรต้องหาบไกล
ฉะนั้นบ้านท่าแตงยังไม่มีโรงสีจึงมักจะมีครกกระเดื่องไว้ตำข้าวและตำแป้งทำขนมต่างๆ
คนวัยหนุ่มสาวจะถือโอกาสจีบกันช่วงตำข้าวนี้แหละบ้านใหนมีลูกสาวจะได้งานช่วงเย็นนี้มากกว่าบ้านอื่นๆ
ที่ไม่มีลูกสาวจำได้ว่าหนุ่มๆสมัยนั้นจะมีพิณเป็นสัญญาณดีดไปเดินไปพอถึงบ้านสาวๆ
บ้านใหนหมาดุสาวๆ ทั้งหลายได้ยินเสียงพิณมาแต่ไกลก็ลงมาไล่หมาให้แล้วชวนเชิญหนุ่มๆ
ขึ้นเรือนเยือนบ้านปูเสื่อให้นั่งพร้อมกับตักน้ำใส่ขันใบใหญ่และพานยาสูบมาต้อนรับฝ่ายสาวๆ
จะนั่งแคะเล็บอยู่ก็กะไรอยู่
ก็หางานมาทำบางวันก็เอาถั่วดินหรือถั่วลิสงมาแกะเอาเมล็ด
บ้างก็คั่วมากินกันหลังจากถั่วหมดถ้ามีข้าวโพดก็เอาข้าวโพดมาแกะและตำข้าวหมุนเวียนไป
ปีพุทธศักราช 2516 สอบเลื่อนชั้นขึ้นประถมศึกษาปีที่ 3
วันนั้นยังจำได้ว่า ไอ้ พร ไอ้ สาคร และ อีกหลายๆ คนได้ไล่ตีไอ้เดช
เพราะมันปากจัดชอบด่าท้าทายพวกๆคำโบกก็สนุกไปกับเขาด้วยปรากฎว่า
ไอ้เดชโดนก้อนหินหรืออะไรปากะบาลไม่ทราบได้รับบาดเจ็บหัวแตกวันต่อมาผู้ปกครองมาฟ้องครู
ครูได้เรียกตัวคำโบกและพักพวกออกมาคำโบกเองก็กลัวโดนตีเหมือนกันคิดว่าเราวิ่งตามเขาไปดูเฉยๆ
ทำไมเราต้องโดนตีดว้ยตกลงวันนั้นก็โดนคนละ 3
ทีครูตีเต็มแรงคิดดูเอาก็แล้วกันว่าจะเจ็บขนาดใหนแต่คำโบก
ดีหน่อยอยู่ท้ายๆ แถว
ยังไม่เข้าใจเลยว่าตามเขาไปดูเขาก็ผิดด้วย
วันต่อมาไอ้เมฆหมั่นใส้กับไอ้ถ้ำชื่อจริงมันชื่อสัญญา
ไอ้ถ้ำมันมีหมัด 1-2 ดีชกไอ้เมฆนับไม่ถ้วน
หมัดไอ้ถ้ำมันใช้ได้แม่นยำต่อย 1-2
เข้าปากไอ้เมฆเลือดกลบปากไอ้เมฆโบกมือลา
ไอ้ยุทธไอ้น้อยเข้าห้ามสงสัยว่าไอ้ถ้ำยังมันเขี้ยวอยู่เลยปล่อยหมัด
1-2 เข้าปากไอ้ยุทธกับไอ้นอ้ยคนละทีเป็นของแถม
วันต่อมาไอ้ถ้ำหมั่นใส้กับไอ้นันไอ้นันอึดตัวใหญ่ไอ้ถ้ำผอมสูงประกบคู่เสร็จยังไม่ถึงนาทีเลยไอ้ถ้ำใช้หมัด
1-2 เข้าปากและใบหน้าไอ้นันเลือดกลบปากจอดคาที่
เช้าวันต่อมาพี่นงค์แกมาเลี้ยงวัวซึ่งแกเป็นหลานแม่ใหญ่ตันพ่อใหญ่วันเข้ามาตอนเช้าในโรงเรียนมาท้าพวกเรา
คำโบกและเพื่อนๆ ไม่กลัวเพราะพวกมากเดินปรี่ล้อมวงเข้าหาพี่นงค์แกเรียนจบชั้น ป.4
แล้ว จากบ้านกุดน้ำใสตัวใหญ่ผิดกับพวกเรามาก
ยืนกอดอกอยู่คำโบกเจ็บแกเข้ามาขอโทษยังคิดในใจว่าการที่ขอโทษนั้น
มันหายเจ็บหรือเปล่าวะ
-5-
สู้กับงูจงอาง
วันนี้ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเป็นวันเสาร์กับพี่ตู้มีหมาไทยพันธุ์ดี
หรือแถวบ้านเรียกว่าหมาพาลหมายถึงว่าหมารู้หมาเก่งแสนรู้ ณ
ที่นั้นเป็นนาของลุงสิม เป็นลูกพ่อใหญ่กา ติดริมตะหลิ่งห้วยส้มป่อยเป็นป่าอ้อลกทึบ
หมาเห่าเสียงดังถี่ๆ
เสียงเร่งถี่ผิดปรกติพี่ตู้วิ่งไปตามเสียงหมาเห่าคำโบกเตรียมหนังสะติกพร้อมลูกกระสุนประจันบาน
เจองูจงอางหัวแตกตาบักเขียบตัวเท่าด้ามมีดส่วนหัวผึ่งเหมือนงูเห่า
แผ่แม่เบี้ย อีแดงไอ้ด่างเข้ากัดหาง อีแดงเข้าประจันหน้า
ส่วนพี่ตู้ใช้มีดโต้ตัดต้นไม้เท่าด้ามมีดตัดยาวขนาดพอเหมาะยาวประมาณ 50
เซนติเมตรดึกไปหรือข้วางไปช่วยหมาโดนจงอางบ้างโดนหัวหมาบ้าง
สุดท้ายจงอางสู้ไม่ไหวมันหนีลงห้วยส้มป่อยไปคำโบกขยับหนังสะติกไว้ในมือมั่นวิ่งตามลงไปในป่าอ้อห้วยส้มป่อย
ยิงกราดกระสุนหนังสะติกไปไม่ยั้งมือพี่ตู้แกสั่งว่าอย่าตามมันไปเพราะตกเย็นแล้วมันหนีไปแล้วก็ต้อนวัวควาย
กลับบ้าน
-6-
ไปเลี้ยงควาย
หลังจากปิดเทอม จาก เดือนมีนาคม
ถึงเดือน พฤษภาคม ประมาณ สองเดือนครึ่ง
ปี พุทธศักราช 2517 เปิดเทอมใหม่
ครูวีระ เป็นครูใหญ่ การศึกษา ด้านนั้นประมาณ ปกศ. สูง
ช่วงนี้เริ่มมีข้อสงสัยหลายอย่าง เช่น ตัวอย่างมีหลายคำถาม ยุงร้ายกว่าเสือไม่จริง
เพราะ ยุงตัวเล็ก หรือ เหล็กมีน้ำหนัก
1 กิโลกรัม กับนุ่นมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
อันใหนหนักกว่ากันคำโบกยังเคยเถียงเพื่อนนะว่าอย่างไรก็แล้วแต่คิดว่าเหล็กย่อมหนักกว่าอยู่แล้ว
ส่วนนุ่นอย่างไงก็เบาแน่นอนเพราะ เวลาแม่เก็บนุ่นนำมาดีด
เพื่อแยกเมล็ดนำมาเข็นฝ้ายใส่ใน และใช้เครือใส้ตันนำมาตัดเป็นท่อนยาวขนาด 3 ข้อมือ
โดยนำฝ้ายที่ดีดแล้วมาเข็นใส่เครือใส้ตันซึ่งตากแดดแห้งแล้วจะได้กล้อด้ายจำนวนมากแม่ก็จะนำไปทอเป็นผืนผ้า
แม่ทอได้ทั้งใหม และ ฝ้าย ผ้าฝ้ายนำไปตัดเสื้อทนทานอย่างดี
ไอ้น้อยลูกแม่ใหญ่มีไปโรงเรียนด้วยกัน กับไอ้ ตุ้ย และน้องมัน
ซึ่งทั้งสองมาอยู่กับตา ซึ่งตามันพูดออกสำเนียงไทยโคราช
เช้าวันนั้นคำโบกซื้อขนมทอปฟี่ 50 สตางค์ เป็นถุงยางยาวเกือบ 50 เซนติเมตร
สองถุงเต็มไอ้ตุ้ยและน้องมันขอก็ให้มันกินดว้ยจนหมด
วันต่อมาไอ้ตุ้ยและน้องมันซื้อขนมแต่มันไม่ยอมให้คำโบกกินด้วยหยิ่งยะโส
พอเลิกเรียนคำโบกได้โอกาสไล่ตีเลยเพราะทางกลับบ้านทางเดียวกันวิ่งร้องกลับบ้านทั้งคู่เย็นวันนั้นเจอน้าสาวไอ้ตุ้ย
มาฟ้องพี่สาวคำโบก เขาฟ้องว่าคำโบก .รบกับไอ้ตุ้ย"
คำโบกได้ยินดังนั้นเลยปล่อยก๊ากไปยกใหญ่ เพราะคำว่ารบคำโบกไม่เคยได้ยิน
ปีนี้ปีพุทธศักราชที่แห้งแล้งทำนาได้ข้าวน้อยไม่พอจุนเจือครอบครัว
แม่จะนำหน่อไม้ดอง หน่อไม้แห้ง ที่ทำไว้ตั้งกะปีที่แล้วพร้อมกับเห็ดกระด้าง
ไปแลกเปลี่ยนข้าวสารต่างบ้าน
มันเป็นเวรกรรมอะไรคำโบกและแม่เดินตามทางเกวียนไปท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผากับดินทรายซึ่งร้อนระอุ
แม่ก็ได้แต่คอยปลอบใจคำโบกว่าเดียวรถประจำทางเข้าบ้านหนองสิมก็เข้ามา
แต่รถมันก็ไม่ยอมโผล่เข้ามาสักทีร้อนตีนก็ร้อนหิวน้ำก็หิวสุดแสนจะทรมานชีวิตเป็นหนักหนา
ตกกลางคืนกลับมาค้างคืนที่จัตุรัสบ้านท อาวชัย ตัดรองเท้ายางรถ หรือรองเท้า
ร.พ.ช. เพื่อรอรถเข้าบ้าน
ตกกลางคืนหนาวก็หนาวมีผ้าขนหนูผืนเดียวขากรรไกรสั่นสะท้านนอนไม่หลับทั้งคืนได้แต่ถามแม่เมื่อไหร่จะสว่าง
-7-
ปิ้งแย้
คำโบกไปเลี้ยงควายที่นาโคก
คือห้วยศาลาซึ่งเป็นด้านทิศเหนือของบ้านท่าแตง ห่อข้าวเปล่ากับข้าวไม่มี
มีแต่พริกป่น เกลือ ปลาร้า
ต้อนควายออกจากคอกส่วนพี่ตู้ก็ไล่วัวออกจากคอกระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 1 .5
กิโลเมตรได้ยินเสียงหมาอีแดงเห่าเสียงก้องเร็วถี่
ในย่ามมีกระสุนและที่มือมีอาวุธถือกระชับมั่นวิ่งไปตามเสียงเห่าพี่ตู้ก็วิ่งไปเช่นกัน
เจออีแดงกำลังสู้กับงูเห่าตัวเท่าด้ามมีด ส่วนหัวแผ่แม่เบี้ยทั้งเสียงขู่
และน้ำลายพ่นใส่อีแดง อีแดงหลบและกัดหางงูเห่าเป็นพัลวัน
คำโบกเลงหนังสติ๊กไปที่หัวงูเห่าผิดคาดกระสุนวืดไปโดนต้นรังที่อยู่ใกลั
ๆพี่ตู้ตัดไม้ขนาดเท่าด้ามมีดยาวประมาณ 3 เมตร
ฟาดไปยังงูเห่าซึ่งกำลังชูคอแผ่แม่เบี้ย
ขู่อยู่พับคาที่อีแดงได้จังหวะกระโดดเข้ากัดหางเหวี่ยงอย่างสะใจ
ไล่อีแดงให้ปล่อยงูแต่หางมันยังดี้นได้อยู่พี่ตู้ก็เลยตีซ้ำไปอีกหลายที
แล้วเอาซากไปหย่อนลงในรูจอมปลวกขนาดใหญ่
คำโบกและพี่ตู้หันมาดูตาหมาอีแดงบวมซึ่งเกิดจากโดนน้ำลายงูเห่าเป่าตามันใช้ขาหน้าปัดตาของมันอยู่อย่างน่าเวทนา
พี่ตู้ขุดหัวอีตูบหมูบลักษณะเหมือนใบบัวแต่มีหัว
ใช้หัวเคี้ยวแล้วพ่นตาหมาอีแดงหากยังไม่ยุบก็ต้องพ่นทั้งวัน เป็นระยะ
แดดแก่ๆใกล้เที่ยงแย้เริ่มออกจากรูหาอาหารกินเสียงวิ่งเหยียบใบไม้แห้ง
มองไปตามเสียงเจอรูพอดีเลยเรียกหมาอีแดงมาดมรูดูหากมีตัวแย้อยู่มันก็จะตะกุยรูทันที
คำโบกก็จะใช้ไม้ยาวๆ แหย่ เช่น ต้นขี้ตุ่น
ต้นมะขามป้อมเล็กๆยาวประมาณเมตรแหย่เข้าไปไม่ถึงนาทีแย้ก็จะเปิดแปวออกมา
หมาอีแดงก็กระโดดงับทันทีมื้อเที่ยงได้ประมาณ 20
ตัวใส่เกลือปิ้ง
วิธีทำก็คือ
นำแย้ไปหมกใส่ขี้เถ้าร้อนๆ
แล้วลอกหนังเอาใส้ออกล้างน้ำให้สะอาดแล้วเอาเกลือมาคลุกพอประมาณใช้ไม้ลวกทำไม้หีบปิ้งกับถ่านไฟร้อนๆ
เสียงมันหยดลงถ่านไฟดังฉุ่ฉี่แดดก็ร้อนควันโขมงพอสุกตัดใบไม้ใบตองกุงมาปูนั่งล้อมวงทุกคนต้องรีบกินเพราะ
มดง่ามมดแดงไฟยกขบวนมา อาหารมื้อเที่ยงแซบสุดจะบรรยาย
แต่ละคำที่เขียนมาจากชีวิตจริงผิดถูกขอคำติชม
-8-
หมกแลน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์หยุดเรียนอีกหนึ่งวันงานประจำก็คือเลี้ยงควายเช้าห่อข้าวใส่ย่ามเก่าๆ
พร้อมเสียมไว้ขุดแย้ วัวควายทั้งหมด 4-5 บ้าน ก็ 4-5 ฝูง
ไล่ต้อนไปโคกคึมห่างจากบ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตร
โคกคึมนี้ป่าดงดิบอย่างไงก็เป็นเช่นนั้นมีต้นเพ็กรกทึบป่าตองกุง ต้นแดง ป่าเต็ง
ป่ารัง ต้นคร้อ ดินเป็นดินทรายมีหินเป็นช่วง
ๆเดินต้อนควายเหนือยล้าพวกเราก็จะมานั่งลานหินขีดเส้นเป็นตาหมากฮอร์ส
หมากหาบเล่นกันผ่อนคลายไปในตัว ได้แย้มามาก
ๆก็ใช้เชือกจากต้นอด(ต้นอดมีลักษณะเหมือนต้นนุ่นแต่อยู่ตามป่า)
มามัดช่วงเอวของแย้มัดเทินกันขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นพวง ๆ ละ 10 ตัว
ตัวใหญ่หน่อยก็พวงละ 6-7 ตัว แน่นอนละเหลือกินก็ให้แม่ไปขายตลาดจัตุรัส
โคกคึมนี้พ่อใหญ่บาน พ่อของแม่จับจองไว้ประมาณ 300 ไร่
แต่โดนนายทุนโกงไปซึ่งสมัยก่อนไม่มีเอกสารใด ๆ ยืนยันว่าเป็นเจ้าของ
อาศัยใช้ประโยชน์ไว้เลี้ยงสัตว์
พอถนน ร.พ.ช.
ผ่านจากบ้านท่ากูบไปบ้านท่าช้างนายทุนก็ถือโอกาสนี้ให้คนมาตัดไม้เผาถ่านจนราบเรียบยึดครอง
และทำเป็น นส. ๓
ขายต่อไปอีกทอดหนึ่งในบรรดาลูกของตาไม่มีใครเป็นเจ้าเป็นนาย
ไม่รู้หลักกฎหมายไปสู้เขาพ่อบอกว่า
เขาท้าว่าพวกมึงมีเงินเป็นปิบหรือเปล่าที่จะมาสู้กับกู
ก็เป็นอันว่าสู้นายทุนจอมโกงไม่ได้
นี่เป็นบทเรียนของคำว่าไม่มีความรู้ไม่ได้เรียนหนังสือจึงรู้ไม่ทันคน
ลูกหลานทุกคนได้แต่อดกลั้นและเฉยต่อเหตุการณ์
โคกคึม มีป่าเพ็กเป็นระยะๆ
สูงท่วมหัวคำโบกมีขวยตุ่นขึ้นเต็มห่างกันเป็นระยะเช่นกัน
รอยขวยใหม่บางทีก็ขุดได้ตัวหน้าตาของตุ่นน่ารักเป็นที่สุดตาเล็กขนสวยขาสั้นอ้วนชอบกินรากเพ็กรากไม้แม่เล่าให้ฟังว่า
ที่ตาตุ่นมันตาเล็กก็เพราะว่ามันหัวเราะคนไปไร่ไปนาต้องหาบข้าวไปกินด้วยแต่ความเข้าใจของตุ่นหาว่าคนหาบขี้
มันจึงหัวเราะจนตาตีบตาเล็กลง
.เวลาบ่ายคล้อยต้อนวัวควายเตรียมหันหน้ากลับบ้านเสียงหมาอีแดงเห่าถี่ๆ
พี่ตู้พี่ตันวิ่งไปตามเสียง
คำโบกก็จ้ำอ้าวตามเห็นแต่มันเห่าต้นไม้เปล่าๆ พี่ตันบอกว่ามันมีโพรงต้นสูงใหญ่
พี่ตู้ขึ้นดูเจอแลนใหญ่ในโพรงซึ่งไม่ลึกเท่าไหร่โผล่หัวให้เห็นพี่ตู้ใช้เชือกคร้องรัดที่คอดึงออกมาตัวบักเอบเลย
เย็นวันนั้นได้แลนไปหมกใบยอใส่หัวปลีใส่หน่อไม้แบ่งไปให้บ้านใกล้เรือนเคียง
3- 4 หลัง รสชาดเนื้อตามสันหางแน่นอร่อยกินกับข้าวสวยร้อนๆ แชบสุดจะพรรณา
-9-
ลาบบ่าง
ยาร้อยยอด
วันนี้ก็หยุดเรียนอีกวันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์
ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายด้านทิศตะวันตกของบ้าน มีบ้านท่ากูบ บ้านวังกุงบ้านวังขอนสัก
กระแต แย้ กระจ้อน บ่าง กิเลน งูเห่า งูสิงห์ ก่น (ตัวเหมือน แย้ ชอบอยู่ตามซอกหิน
ทำรูใต้ก้อนหิน ตัวสีลายขาวดำ ตัวใหญ่กว่าแย้) กิ้งก่า ของชอบคำโบกก็คือ แย้ กระแต
บ่าง
นอกจากนั้นคำโบกมักจะไม่เอาเพียงแต่ไล่ยิงเพื่อความสนุกหรือเพื่อซ้อมมือ
ห่างจากบ้านมาถึงละแวกนาแม่ใหญ่แก่นพี่แผนเจอโพรงไม้ซึ่งเป็นที่อยู่ของนกกระไซ่คำโบกขึ้นไปดูเอามือล้วงไป
โดยไม่ทันระวังเพราะอยากได้ลูกนกไปเลี้ยงโดนกัดนี้วมือขวาเลือดใหลกระฉูด
คำโบกต้องร่นถอยลงมาถึงพื้น
ราว ๆ 4 เมตร
อย่างเร็วเพราะแรงปวดคำโบกน้ำตาซึมพี่ตู้กับพี่ตันไปดูใต้โคนต้นเห็นขี้มันแล้วไอ้ตัวการได้ยินเสียง
วิเคราะห์ว่าบ่างแน่นอนพี่ตู้ตัดไม้ลวกมาทำปลายแหลมทำเป็นเงี่ยงเหมือนลูกดอกขึ้นไปดูโพรงที่คำโบกขึ้นไปล้วง
เอาไม้แหย่กระแทกเข้าไปแล้วก็หมุนขึ้น ดึงขึ้นมา
ได้ไอ้ตัวร้ายติดปลายไม้ขึ้นมาอย่างสะใจ
พี่ตันร้องบอกพี่ตู้ว่าร้องบอกว่าลองแหย่เข้าไปอีก
พี่ตู้แหย่เข้าไปอีกติดขึ้นมาอีกตัวตกลงได้บ่าง 2 ตัว
จัดการก่อไฟนำบ่างไปจุ่มน้ำแล้วนำมาหมกขี้เถ้าไฟร้อน
ๆแล้วถอนขนลนไฟผ่าเอาใส้ทิ้งย่างไฟพอหมาดๆ
กันมันเน่าคำโบกเอาใบตองกุงมาห่อแล้วเอาตอกมัดใส่ย่าม
วันนี้แค้นสุด ๆ
เจอโพรงไม้ไม่ได้คำโบกต้องบอกพี่ตู้กับพี่ตันขึ้นจัดการ
วันนี้ทั้งเฮงทั้งซวยได้บ่างทั้งหมดประมาณ 9-10 ตัวแบ่งคนละครึ่ง
ตกเย็นแต่ละบ้านได้ยินเสียงสับบ่างดังถี่ยิบ
แม่ก็เช่นกันลาบบ่างใส่เพลี้ยบ่างหรือคนแก่โบราณเขาเรียกว่ายาร้อยยอด มีถั่วฝักยาว
ผักสะเดาลวก ผักหนอก ใบสัง ใบอีเลิด (ชะพลู)ใบหูเสือ กินกับลาบบ่างและ
ข้าวสวยร้อน ๆอร่อย อย่าบอกใคร
อิ่มแล้วตามด้วยน้ำฝนรสธรรมชาติดื่มด่ำเป็นไหน ๆ