การเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟ
(UPS)
UPS
มีอยู่ด้วยกันสองแบบหลักๆคือ Off-Line UPS และ On-Line
UPS แบบที่เป็น Off-Line นั้นจะสำรองไฟอย่างเดียวเมื่อไฟดับ
ซึ่งจะไม่ช่วยปรับสภาพไฟฟ้า เช่น ไฟตก ไฟเกิน แต่ในเมืองไทย
UPS ที่มีขายเกือบทั้งหมดก็จะเป็นแบบ On-Line ซึ่งจะมีส่วนประกอบสำคัญคือ
Stabilizer ที่ช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสม
ความจุของ
UPS นั้นจะบอกเป็น VA ซึ่งทำให้เราๆท่านๆสับสนเพราะไม่สามารถคำนวนได้ว่ามันจุเท่าไหร่
ผมจะแนะนำวิธีการที่จะใช้ดูความสามารถของ UPS โดยการดูที่
Power Factor ซึ่งแทบทุกยี่ห้อจะบอกไว้ เมื่อเราได้ค่า
Power Factor ของ UPS ตัวนั้นแล้วให้นำมาคูณกับค่า VA
จะทำให้ได้หน่วยเป็น Watt ที่ UPS ตัวนั้นๆสามารถรองรับได้
ตัวอย่างที่
1 UPS ยี่ห้อหนึ่งขนาด 500 VA มี Power Factor
0.6
UPS ตัวนี้จะสามารถรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 500 x 0.6
= 300 Watt
ตัวอย่างที่
2 UPS ยี่ห้อหนึ่งขนาด 500 VA มี Power Factor
0.8
UPS ตัวนี้จะสามารถรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 500 x 0.8
= 400 Watt
ในการเลือกที่
Watt นั้นจะทำให้เราทราบความสามารถของ UPS แต่จะต้องคำนึงถึงรายละเอียดอื่นๆด้วย
เช่น ความสามารถในการปรับแรงดันไฟฟ้า ความสามารถในการสำรองไฟฟ้า
ความถี่ของไฟฟ้า ฯลฯ
ความสามารถในการปรับแรงดันไฟฟ้า
จะต้องดูในส่วนของ
Protection ว่าจะสามารถปรับแรงดันไฟฟ้า (Volt) ให้เราได้ในระดับไหน
เมื่อไฟตกหรือไฟเกิน จะบอกเป็นค่า ? เช่น ? 20% ซึ่งหากไฟตกหรือไฟเกินในช่วง
? 20% นี้ UPS จะปรับแรงดันไฟฟ้าให้เราที่ 220 Volt โดยใช้
Stabilizer ซึ่งความสามารถของ Stabilizer จะต้องดูที่
Output ในส่วนของ Voltage Stabilizer ว่าจะปรับ Volt ให้คงที่ในระดับไหน
เช่น ? 10%
ความสามารถในการสำรองไฟฟ้า
หากเกิดไฟดับหรือเกินความสามารถที่ UPS จะทำการปรับแรงดันไฟฟ้า
UPS จะทำการจ่ายไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งความสามารถในการจ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่นั้นจะต้องดูที่
Output ในส่วนของ Voltage Backup จะบอกไว้เป็นค่า ? เช่นเดียวกับ
Voltage Stabilizer แต่อาจจะมีค่า ? ไม่เท่ากับของ Voltage
Stabilizer
ความถี่ของไฟฟ้า
ในบ้านเรานั้นใช้ไฟฟ้าความถี่ 50 Hz ซึ่ง UPS
จะต้องสร้างความถี่นี้ขึ้นมาเพื่อให้เหมือนไฟฟ้าจริงๆ
โดยจะบอกไว้เป็นค่า ? อีกเช่นกัน ที่สำคัญอีกอย่างเกี่ยวกับความถี่นั้นคือรูปคลื่น
(Wave form) ในเครื่อง UPS ระดับทั่วไปนั้นจะใช้ Simulate
Sinewave แต่ในระดับสูงๆจะสร้างรูปคลื่นแบบ Pure Sinewave
ข้อแนะนำ
ในการพิจารณาค่า ? ต่างๆนั้นในส่วนของ Output
ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งดี เพราะจะสามารถปรับไฟฟ้าขาออกให้เหมือนไฟฟ้าจริงๆมากที่สุด
ค่า Voltage ในส่วนของ Protection ยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดี
เพราะจะช่วยปรับแรงดันอันเกิดจากไฟตกหรือไฟเกินโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่
ส่วน Wave form นั้นใน UPS ระดับทั่วไปจะเป็น Simulate
Sinewave ซึ่ง Pure Sinewave จะมีราคาแพงกว่า ค่า Power
Factor นั้นยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะทำให้เราได้ Watt มาก
ค่าต่างๆที่บอกไปแล้วยิ่งดีมากยิ่งทำให้ UPS แพงมากตามไปด้วย
UPS ที่ดีๆขนาดแค่ 500 VA อาจจะมีราคาเป็นหมื่น
|