คนไทยโบราณ
รู้จัก ว่านหางจระเข้ ในคุณสมบัติที่เป็นสมุนไพรที่วิเศษสุด
เป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย
เช่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลทั่วๆ ไป
|
ตามข้อเท็จจริงนั้น
หลายพันปีจากเอกสารทางประวัติศาสตร์ของคนโรมัน อินเดีย จีน
มีรายงานพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้ว่านหางจระเข้เป็นทั้งยารักษาโรคและเป็นเครื่องสำอาง
ก่อนสมัยพุทธกาล ถึง 975 ปี ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด
ในรายงานของชาวกรีกเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 1 รายงานไว้อย่างละเอียดเกี่ยวกับการใช้ว่างหางจระเข้รักษาโรคกระเพาะอาหาร
รักษาบาดแผล โรคนอนไม่หลับ ท้องผูก โรคไต ริดสีดวงทวาร อาการคันที่ผิวหนัง
ปวดหัว ผมร่วง โรคเหงือกและฟัน ฯลฯ
|
ต้นกำเนิด
ว่านหางจระเข้เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา แพร่เข้ามาในประเทศไทยเมื่อไรไม่ปรากฏ
จนบางคนคิดว่าเป็นพืชพื้นเมืองของไทยแล้ว
|
ลักษณะ
ว่านหางจระเข้ เป็นพืชขนาดเล็กใบหนา อุ้มน้ำ ภายในใบมีลักษณะเป็นวุ้นขาวๆ
ใส สีเขียวอ่อน ออกจะหม่นๆ ใบยางแหลม ลักษณะขอบใบมีหนามคล้ายใบเลื่อยขึ้นจากต้นซึ่งอยู่ติดกับดิน
ช่อดอกจะออกตรงกลางต้น ก้านช่อดอกยาวมาก ดอกสีแดง เป็นหลอดบานจากล่างไปบน
ถ้าปลูกไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนและอยู่ริมทะเลจะให้ปริมาณวุ้นมาก
|
ส่วนที่ใช้เป็นสมุนไพร
น้ำยางจากใบซึ่งมีสารสำคัญในใบเป็นยาดำ เรียกว่า สารแอนตร้ากินัน
และ บาร์บาเรียน
|
การปลูกและการเตรียมดิน
จากการค้นคว้าหาดินที่เหมาะสมในการปลูกว่านหางจระเข้ ก็พบว่าว่านหางจระเข้ชอบขึ้นงอกงามในดินทราย
ซึ่งต้องเป็นทรายหยาบมากๆ ผสมถ่านและปุ๋ยคอก อย่างละเท่าๆ
กัน เม็ดทรายยิ่งโตยิ่งทำให้ดินร่วน สำหรับทรายละเอียดใช้ไม่ได้ผลเลย
เพราะทรายละเอียดจะเข้าไปแทรกในระหว่างก้อนถ่าน ทำให้ดินขาดช่องอากาศ
เช่นเดียวกับปุ๋ยคอกและถ่านก็ใช้ที่หยาบที่สุด จึงได้ผล
หากใช้ปุ๋ยหรือถ่านที่ละเอียดจะทำให้ดินจับตัวแน่นแข็ง การใช้วัสดุหยาบๆ
ดังกล่าวจะทำให้รากของว่านหางจระเข้ยึดเกาะได้มั่นคง ดินโปร่ง
มีความหนักดี
|
การปลูก
ไม่ต้องอัดดินแน่น
กดเพียงเบาๆ พอไม่ให้ต้นว่านโยกคลอนก็เป็นการเพียงพอแล้ว
ถ้ากดแน่น ดินจะขาดอากาศ ระดับดินควรต่ำกว่ากระถางอย่างน้อย
2 นิ้ว เผื่อไว้เติมดินภายหลังที่ว่านโต
|
การดูแลบำรุง
ว่านหางจระเข้ก็เหมือนพืชธรรมดาทั่วไป จะผิดไปตรงที่ว่า
ไม่ชอบน้ำมาก การให้น้ำควรให้แต่น้อย โดยทำคล้ายฝนตกปรอยๆ
รดน้ำให้ทั่ว พอชื้นๆ อย่ารดน้ำจนน้ำท่วมดิน เพราะการรดน้ำจนน้ำท่วมดิน
จะมีฟองอากาศเกิดขึ้นจากดิน หองอากาศดังกล่าวเป็นสัญญาณอันตรายบอกว่าดินได้พังแล้ว
คือ น้ำไล่ฟองอากาศในดินหมดแล้ว ฉะนั้นจึงมีเหลือแต่ดินไม่มีอากาศ
รากว่านหางจระเข้จึงมีแต่ดินเกาะแต่ไม่มีอากาศหายใจ การรดน้ำเช่นนี้จึงทำให้ว่านไม่งอกงามและเฉาได้
|
ว่านนี้ไม่ชอบแดดเกินไป
แต่ไม่ถึงกับชอบในที่ร่ม คือถูกแดดวันหนึ่งไม่เกิน 5 ชั่วโมง
และไม่ควรน้อยกว่า 3 ชั่วโมง
|
ข้อควรระวัง
อย่างตั้งกระถางว่านชิดชิดกำแพงปูนซีเมนต์ เพราะเมื่อปูนถูกแสงแดดจะคายความร้อนออกมา
ว่านจะเหมือนถูกอบจะเหี่ยวเฉา อย่าตั้งไว้ใต้ชายคาเพราะว่านไม่ต้องการน้ำค้าง
|
การใช้ว่านและสรรพคุณ
|
แผลไฟไหม้
น้ำร้อนลวก แผลจากของมีคม ทำความสะอาดแผลเสียก่อน
แล้วเอาวุ้นเมือกจากก้านว่านหางจระเข้ปิดไว้ที่แผล
กระเพาะลำไส้อักเสบ
รับประทานน้ำเมือกจากว่านหางจระเข้ ครั้งละ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ
วันละหลายๆ ครั้ง ช่วยบำรุงร่างกายและควบคุมการทำงานของลำไส้ด้วย
บำรุงเส้นผม
และหนังศีรษะ ใช้เมือกว่านหางจระเข้ชะโลมผมทิ้งไว้จนแห้ง
แล้วจึงใช้น้ำล้างออก ทำให้ผมเงางามดำขึ้น ยังรักษาแผลบนศีรษะด้วย
|
นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณแก้โรคติดเชื้อต่างๆ
ได้อีกด้วย จึงเห็นได้ว่า ว่านหางจระเข้เป็นยอดสมุนไพร ที่วงการแพทย์ต้องพิศวงในความมหัศจรรย์ของว่านชนิดนี้
เพราะเป็นพืชที่ซ่อนความลับไว้มากมาย ศึกษาไม่รู้จักจบสิ้น
และเป็นที่ยอมรับของนายแพทย์ทั่วไปว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณภาพแท้จริง
|
|