ดูกรชาวกาลามทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
พระธรรมกถึกประกอบด้วยองค์ ดังนี้คือ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม
5 ประการ ย่อมเป็นอุบาสกผู้เลวทราม เศร้าหมอง และน่าเกลียด ธรรม 5 ประการเป็นไฉน
คือ
ผู้ใดกล่าววาจาอันประเสริฐ แต่ประพฤติธรรมไม่ประเสริฐ
ผู้นั้นย่อมพลาดจากโลกทั้งสองคือโลกนี้และโลกหน้า
ชนทั้งหลายเป็นผู้คดโกง กระด้าง พูดพล่อย
กรีดกราย มีมานะจัด มีจิตไม่ได้ตั้งมั่น ชนเหล่านั้นย่อมไม่งอกงามในธรรม อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
บุคคลควรพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงทำกรรมด้วยกาย
ด้วยวาจา ด้วยใจ
พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี
บุคคลพึงเปล่งวาจางามเท่านั้น ไม่พึงเปล่งวาจาชั่วเลย
การกล่าววาจางามยังประโยชน์ให้สำเร็จ ผู้เปล่งวาจาชั่วย่อมเดือดร้อน
บุคคลพึงกล่าวแต่คำที่ไพเราะในกาลใหนๆ
ท่านอย่าได้กล่าวคำหยาบกะใครๆ ผู้ที่ท่านกล่าวแล้วพึงกล่าวตอบท่าน
เพราะว่าถ้อยคำแข่งดีให้เกิดทุกข์
ก็วาจาหยาบเช่นกับขวาน เกิดในปากของบุรุษแล้ว
เป็นเหตุตัดรอนตนเองของบุรุษผู้เป็นพาล ผู้กล่าวคำทุพภาษิต
ก็บุคคลบางพวก ย่อมประถ้อยคำกัน เราย่อมไม่สรรเสริญบุคคลเหล่านั้น
ผู้มีปัญญาน้อย ความเกี่ยวข้องด้วยการวิวาทเกิดจากคลองแห่งน้ำคำนั้นๆ ย่อมข้องบุคคลเหล่านั้นไว้
เพราะบุคคลเหล่านั้นส่งจิตไปในที่ไกลจากสมถะและวิปัสสนา
ชนทั้งหลายผู้ไม่สำรวมแล้ว ย่อมทิ่มแทงชนเหล่าอื่นด้วยวาจา
เหมือนเหล่าทหารที่เป็นข้าศึก ทิ่มแทงกุญชรผู้เข้าสงครามด้วยลูกศร ฉะนั้น
ภิกษุผู้มีจิตไม่ประทุษร้าย ฟังคำอันหยาบคายที่คนทั้งหลายเปล่งขึ้น แล้วพึงอดกลั้น
ผู้ใดปากบอน นับเข้าในพวกอสัตบุรุษ
ชอบกล่าวถ้อยคำในที่ประชุมชน นักปราชญ์ทั้งหลายเรียกผู้นั้นว่า ผู้มีปากชั่วร้ายคล้ายอสรพิษ
บุคคลควรระมัดระวังคนเช่นนั้นเสียให้ห่างไกล
พึงทำอย่างใด พึงพูดอย่างนั้น บัณฑิตทั้งหลายย่อมกำหนดรู้ว่า
บุคคลผู้ไม่ทำ ดีแต่พูดนั้นมีมาก
หากวาจาแม้ตั้งพัน ประกอบด้วยบทอันไม่เป็นประโยชน์ไซร้
บทอันเป็นประโยชน์บทหนึ่งที่บุคคลฟังแล้วย่อมสงบประเสริฐกว่า
บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตน (แก่ความชั่ว)
ไม่พึงสละซึ่งตน (แก่ความชั่ว) วาจาที่ดีควรปล่อย (ให้คนอื่น) แต่วาจาที่ลามก
ไม่ควรปล่อย (ให้คนอื่น)
การไม่ว่าร้ายกัน ๑ การไม่เบียดเบียนกัน
๑ การสำรวมในพระปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในภัต ๑ ที่นอนและที่นั่งอันสงัด
๑ การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
โทษของผู้อื่นเห็นได้ง่าย ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก
เพราะว่าบุคคลนั้น ย่อมโปรยโทษของผู้อื่น ดุจบุคคลโปรยแกรบ แต่ปกปิดโทษของตนไว้
เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพด้วยกิ่งไม้ฉะนั้น
ในหมู่มนุษย์ คนที่ได้ฝึกแล้ว อดทนซึ่งคำล่วงเกินได้
เป็นผู้ประเสริฐสุด
ภูเขาหินล้วนเป็นแท่งทึบ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะลมฉันใด
บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่หวั่นไหว เพราะนินทาและสรรเสริญฉันนั้น บัณฑิตทั้งหลายอันสุขหรือทุกข์ถูกต้องแล้ว
ย่อมไม่แสดงอาการสูงๆ ต่ำๆ
บุรุญเข็ญใจ ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น
มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ย่อมด่า ย่อมบริภาษสมณะหรือพราหมณ์
หรือวณิพกอื่นๆ เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
คนเหล่านั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรกอันร้ายแรง นี้ชื่อว่าผู้มืดแล้วคงมืดต่อไป
คนติเตียนพระพุทธเจ้า หรือติเตียนบรรพชิตหรือคฤหัสถ์สาวกของพระพุทธเจ้า
พึงรู้ว่าเป็นคนถ่อย
บัณฑิตไม่ควรทำตนให้เป็นมิตรสหาย
กับคนที่ชอบส่อเสียด มักโกรธ ตระหนี่และปรารถนาให้ผู้อื่นพินาศ เพราะการสมาคมกับคนชั่ว
เป็นความลามก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง 8 ประการนี้คือ
|