LOCATION: [MY HOME] [FUTURE] [MY OFFICE] [MY KING] [MY RTAF]





    The New Royal Thai Force Structure
    โครงสร้างใหม่กองทัพไทย
จากสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การสิ้นสุดของสงครามเย็น การยุติการต่อสู้ของลัทธิและอุดมการณ์ ปัญหาทางเศรษฐกิจและผลประโยชน์ของประเทศได้มีบทบาทสำคัญ ต่อการพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งด้านการสื่อสาร การทหาร รวมทั้งระบบการควบคุมและอำนวยการ ซึ่งมีความรวดเร็ว แม่นยำ โดยเฉพาะการพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงสร้างและพัฒนากองทัพเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2539 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้อนุมัติข้อเสนอของ พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขณะนั้น เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างกองทัพไทย เพื่อให้การบริหารงานป้องกันประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีรายละเอียด คือ
  1. ปรับปรุงโครงสร้างกองทัพในปัจจุบัน โดยนำทรัพยากรที่มีอยู่เดิมมาจัดใหม่ให้อยู่ในกลุ่มงาน 6 กลุ่ม โดยไม่ตัดทอนหรือยุบเลิกหน่วย แต่เป็นไปในลักษณะของการโอนหน่วยงานจากสังกัดเดิมมาขึ้นการบังคับบัญชาในสังกัดใหม่ หรือขึ้นควบคุมทางยุทธการ

  2. ปรับปรุงรูปแบบโครงสร้างกองทัพตามที่เสนอ โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การปรับปรุงอำนาจการบังคับบัญชาและสังการในการอำนวยการยุทธจากเดิมที่เหล่าทัพมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติ มาเป็นการอำนวยการยุทธโดยหน่วยบัญชาการรวม ซึ่งขึ้นการบังคับบัญชาโดยตรงต่อ บก.ทหารสูงสุด เพื่อสร้างเอกภาพทางการบังคับบัญชาของกองทัพ

  3. ให้ สป. และ บก.ทหารสูงสุด เร่งรัดปรับปรุงระบบควบคุมบังคับบัญชาและการสนับสุนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างที่ขอปรับปรุงใหม่
การจัดกลุ่มงานการบริหารและปฏิบัติงานออกเป็น 6 กลุ่มงาน
  1. กลุ่มงานบริหารหน่วยบัญชาการ

  2. กลุ่มงานเตรียมกำลังทัพ

  3. กลุ่มปฏิบัติการป้องกันประเทศ

  4. กลุ่มงานพัฒนาประเทศ

  5. กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการทหาร

  6. กลุ่มงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
จากกลุ่มงานทั้ง 6 กลุ่มงานนี้ กลุ่มงานใดสามารถรวมกันเป็นหน่วยเดียวกันก็ให้รวมกัน ไม่ควรแยกออกไปตามแต่ละเหล่าทัพและมีการซ้ำซ้อน เช่น กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการทหาร หรือกลุ่มงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นต้น
ในด้านกำลังพลก็พิจารณาปรับกำลังตามความเหมาะสม ทุกชั้นยศโดยเฉพาะการปรับลดกำลังพลแต่มีประสิทธิภาพ การดำรงตำแหน่งของนายทหารชั้นนายพลลงมาจะต้องคำนึงถึงสัดส่วน ความเหมาะสม ความรับผิดชอบต่อปริมาณงานและกำลังพลในบังคับบัญชาที่ สอดคล้องกันและต้องเป็นสากลตามหลักของกองทัพนานาชาติ
สำหรับแนวความคิดในการควบคุมและการประสานงานนั้นเป็นแนวความคิดในการจัดดั้งคณะเสนาธิการร่วม ซึ่งเสมือนที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการวางแผนและใช้กำลังกองทัพในการรักษาความมั่นคงของรัฐและการป้องกันประเทศโดย คณะเสนาธิการร่วมจะประกอบด้วย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานคณะเสนาธิการร่วม
ผู้บัญชาการทหารบก คณะเสนาธิการร่วม
ผู้บัญชาการทหารเรือ คณะเสนาธิการร่วม
ผู้บัญชาการทหารอากาศ คณะเสนาธิการร่วม
เสนาธิการทหาร คณะเสนาธิการร่วมและเลขานุการ
อำนาจหน้าที่ ถารกิจและการปฏิบัติ
1. ทำหน้าที่เป็นเสนาธิการร่วม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเรื่อง
1.1 ปฏิบัติตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเรื่อง ในการวางแผนและใช้กำลังกองทัพในการรักษาความมั่นคงของรัฐและการป้องกันประเทศ
1.2 กำหนดนโยบายการวางแผนและการใช้กำลังกองทัพในการรักษาความมั่นคงของรัฐและการป้องกันประเทศ เสนอขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
1.3 ร่วมพิจารณาวางแผนการใช้กำลังและใช้กำลังกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นจากเหล่าทัพใด ในทุกกรณีในการรักษาความมั่นคงของรัฐและการป้องกันประเทศ ทั้งที่ได้รับนโยบายและสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งร่วมกันพิจารณาแก้ปัญหาสำคัญของกองทัพที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม
1.4 การกำหนดแผนการใช้กำลังกองทัพในการการป้องกันประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแผนของกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งรับผิดชอบแผนรวมหรือแผนของเหล่าทัพ ในส่วนที่รับผิดชอบโดยตรงจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะเสนาธิการร่วม
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กฎกระทรวงกำหนดทุกประการ เว้นการปฏิบัติตามข้อ 1.1ม 1.2ม 1.3 และ 1.4

Black To Main Menu RTAF.