| This
            Page | 
         
        
          | 
            
           | 
         
        
          | Related
            Topic | 
         
        
          | 
            
           | 
         
        
          | Interesting
            Web | 
         
        
           | 
         
        
          ติชม
        หรือสอบถามได้ที่นี่ครับ 
             | 
         
       
      
      
        
          
            ยังไม่ทางรักษาภาวะกระดูกพรุน
            แต่มีวิธีป้องกัน
            ชะลอการเกิด
           | 
         
        
          
            โดยทั่วไป
            การได้รับอาหาร
            ที่มีแคลเซียม, วิตามิน D,
            การออกกำลังกาย
            เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอ
            การเกิดภาวะกระดูกพรุน
           | 
         
       
        
        
     | 
    
      
        
          |  
             โดยทั่วไป
            การได้รับอาหารที่มี
            แคลเซียม, วิตามิน D ,
            การออกกำลังกายอย่างเพียงพอ
            ถือว่าเพียงพอในการชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุน
            แต่เมื่อต้องใช้ยา
            มียาหลักๆดังนี้  | 
          
             ภาวะกระดูกพรุน
            มาจากภาษาอังกฤษว่า OSTEOPOROSIS
            มีรากศัพท์ว่า 
            OSTEO = กระดูก 
            PORO, PORE = รู 
            OSIS = ภาวะ  | 
         
       
      
      
        - ERT คือ
          การใช้ฮอร์โมนเพศหญิงประเภท
          เอสโตรเจน Estrogen ตัวเดียว
 
        - HRT คือ
          การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
          ควบคู่กันกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
          เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งที่มดลูก
 
        - ใช้ได้ทั้งเพื่อป้องกัน
          และ รักษา
          โดยพบว่าช่วยลดอัตราการเกิดกระดูกหักได้
 
        - นอกจากนี้ยังมีผลช่วยลดอาการต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงวัยทอง
          ได้แก่ หงุดหงิด
          ร้อนวูบวาบ
 
        - และยังมีผลต่อที่ดีต่อการรักษาระดับไขมันในเส้นเลือด
          ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ
 
        - ข้อเสีย
          ได้แก่
          
            - ผลข้างเคียง
              : คลื่นไส้
              อาการตึงเต้านม
              ความดันโลหิตสูง
 
            - อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าปกติ
              ซึ่งผลการศึกษายังค่อนข้างจะไม่ชัดเจน
              เพราะบางการศึกษาก็ไม่มีผลอะไร
              แต่บางการศึกษาก็ยืนยันว่าเพิ่ม
              ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาอยู่จึงควรเข้ารับการตรวจเป็นครั้งคราว
 
           
         
       
      
      
        
      
        - เป็นสารประกอบอย่างหนึ่งที่หยุดยั้ง
          ชะลอการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
          เพิ่มความหนาแน่นกระดูก
 
        - ยาในกลุ่มนี้คือ
          Alendronate
 
        - ต้องรับประทานเวลาท้องว่าง
          อย่างน้อย 1/2 ชั่วโมง
          พร้อมกับน้ำ 1 แก้ว
          เวลาเช้า
 
        - มีผลข้างเคียงต่ำ
          ได้แก่ ท้องอืด
          อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้
          ถ่ายเหลว แต่สามารถลดได้ด้วยการไม่อยู่ในท่านอนหลังจากทานยาอย่างน้อย
          1/2 ชั่วโมง
 
       
      
      
        - เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน
 
        - เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องในการรักษาระดับแคลเซี่ยมในกระดูก
 
        - อาจช่วยลดความเจ็บปวดอันเกิดจากกระดูกหักได้ด้วย
 
        - เนื่องจากเป็นยาประเภทโปรตีน
          จึงถูกย่อยทำลายในกระเพาะอาหาร
          ลำไส้
          จึงไม่สามารถให้ด้วยวิธีรับประทานตามปกติ
          แต่จะต้องให้ด้วยการฉีด
          หรือ การพ่นเข้าจมูก
          ให้ดูดซึมผ่านทางผนังโพรงจมูก
 
       
      
      
        - เป็นยาตัวใหม่
          กลุ่มใหม่ล่าสุด
          ตัวแรกคือ Raloxifene
 
        - มีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในบางแง่
          บางจุดของร่างกาย ได้แก่
          ผลต่อแคลเซียมในกระดูก
          จึงช่วยลดการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ดี
 
        - ในขณะเดียวกัน
          ผลที่ดีของยานี้คือ
          ไม่ออกฤทธิ์ต่อเต้านม
          หรือส่วนอื่นๆของร่างกาย
          เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน
          จึงมีการทดลองศึกษากันอยู่ว่า
          ยานี้อาจช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมได้ด้วย
 
        - แต่ก็ทำให้ยานี้ไม่สามารถบรรเทาอาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
          ร้อนวูบวาบ หงุดหงิด
          ในสตรีที่มีอาการช่วงวัยทองได้
 
        - มีผลในการควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือดพอๆกับฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วย
 
        - เนื่องจากเป็นยาใหม่
          การศึกษายังมีน้อย
          จึงมีรายงานผลข้างเคียงน้อย
          แต่ถือว่าเป็นยาใหม่ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจทีเดียว
 
       
      
        
          
      การค้นคว้าวิจัยอื่นๆที่กำลังดำเนินอยู่
           | 
            | 
            | 
            | 
            | 
         
       
      ได้แก่
      การค้นคว้าหายาใหม่ในกลุ่ม
      Bisphosphonate, SERMS, Sodium Fluoride, Parathyroid Hormone,
      อนุพันธ์ของ Vitamin D 
      Note
      เพิ่มเติม :  
      ขณะนี้เริ่มมีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องของ
      Phytoestrogen หรือ
      สารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน
      แต่พบในพืช
      ซึ่งคิดว่าจะมีประโยชน์ในสตรีวัยทองเช่นกัน
      อาหารชนิดหนึ่งที่มีการศึกษากันมากคือ
      ถั่วเหลือง ซึ่งพบว่า
      ถั่วเหลือง
      และอาหารที่ทำมาจากถั่วเหลือง
      เช่น
      นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้
      เต้าหู้แผ่น เต้าหู้ยี้
      ฟองเต้าหู้ เต้าเจี้ยว
      ซีอิ้ว
      น้ำมันพืชที่ทำมาจากเมล็ดถั่วเหลือง
      ไปจนถึงโปรตีนเกษตร
      มีสารนี้ค่อนข้างมาก
      จึงน่าจะเป็นทางออกเพิ่มเติมที่น่าพิจารณาด้วย 
        
     |