| 
      
       สิ่งที่ท่านต้องดูคือ 
      
        - สภาพภาชนะบรรจุยังคงดูเรียบร้อยหรือไม่ เช่น แผงยามีรอยฉีกขาดหรือไม่
 
        - ปีดฝาสนิทหรือไม่
 
        - ตรวจสอบดูวันหมดอายุ
 
        - ตรวจดูสภาพยา โดยแยกเป็นยารูปแบบต่างๆกันดังนี้
 
       
      
        
          - ยาน้ำ ตรวจดูสี กลิ่น ความข้น ความใส มีตะกอนผงสกปรกแปลกปลอมหรือไม่
 
          - ถ้าเป็นยาแขวนตะกอน หรือยาแขวนละออง ลองเขย่าดูว่ายากระจายเข้ากันดีหรือไม่
 
          - ยาเม็ด ตรวจดูสี กลิ่น ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ มีขนาดเม็ดเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
 
          - ถ้ามีอักษรพิมพ์อยู่ที่เม็ดดูว่ายังคงอ่านออกหรือไม่? มียาแตกหรือไม่?
 
          - แคปซูล ตรวจดูสี ความสม่ำเสมอของสี เปลือกแคปซูลชื้นเหนียวติดกัน
 
          - หรือแห้งแข็งหรือไม่? เปลือกแคปซูลยังคงเงางามดีหรือไม่?
 
          - อักษะที่พิมพ์บนแคปซูลยังคงชัดเจนหรือไม่?
 
          - ตรวจสอบขนาดแคปซูลเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?
 
          - ยาทาผิวหนัง ตรวจดูสภาพหลอดภายนอกมีอาการรั่ว พอง ผิดปกติหรือไม่?
            ตรวจดูสภาพเนื้อครีมขี้ผึ้งว่ายังคงเป็นเนื้อเดียวกันหรือไม่
            ? แยกตัวเป็นส่วนของน้ำมันกับน้ำหรือไม่?
 
         
        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านจะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่ท่านเก็บด้วยหรือไม่ กล่าวคือ ท่านควรเก็บยาไว้ในสภาพที่แห้ง ไม่ร้อน ไม่ถูกต้องแสงแดดโดยตรง 
       
      
      
        มีการรวมรวมสถิติในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า พบอุบัติเหตุจากยาในเด็ก ต่ำกว่า 6 ปี
        มากถึง 1ล้านคนในปี ค.ศ.1994 สาเหตุที่เกิดมักเป็นเพราะ การขาดความระมัดระวัง การได้รับข้อมูลเรื่องยาที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่างที่มีการรวบรวมว่าพบบ่อยได้แก่ การทานยาในที่มืด การใช้ยาของผู้อื่นโดยมีอาการหรือโรคเดียวกัน การทานยาเกินกว่าขนาดที่ระบุไว้โดยคิดว่าจะทำให้หายเร็วขึ้น 
       
      การป้องกันในเด็ก
      
        เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เด็กจึงมีความกระตือรือร้น ชอบหยิบฉวยสิ่งของซึ่งเป็นการสำรวจโลกของเด็ก เด็กยังไม่รู้ถึงอันตราย ดังนั้นอุบัติเหตุในเด็กจึงมักพบบ่อย ท่านจึงควรปกป้องเด็กจากอุบัติเหตุทางด้านยา โดย 
        
          - เก็บยาให้พ้นมือเด็ก และไม่ให้เด็กเห็น สถานที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ห้องน้ำ ตู้อาหาร
 
          - ควรเก็บยาในภาชนะที่ป้องกันเด็กเปิด ซึ่งจะเขียนไว้ที่ฝาว่า "CHILD-RESISTANT CAP" แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันเด็กเปิดได้ 100% เพียงแต่เปิดยากขึ้น ต้องใช้แรงมากขึ้น
 
          - ในขณะที่ท่านกำลังจะทานยานั้น ท่านเกิดมีธุระอื่นทันที เช่น ทำครัวค้างไว้ มีคนมากดกริ่งที่ประตู มีโทรศัพท์มา ท่านควรเก็บยานั้นไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหยิบยานั้นไปกิน
 
          - หลีกเลี่ยงการทานยาต่อหน้าเด็ก
            เพราะเด็กมักจะเลียนแบบ
 
         
       
      
      
        - เก็บยาในภาชนะที่มีฉลากเขียนไว้อย่างชัดเจนเสมอ
          ทางที่ดีคือเก็บในขวดของยานั้นเอง
 
        - ควรจดวันที่ที่ท่านซื้อยา
          และจัดการตรวจสอบวันหมดอายุของยาเป็นระยะ
          ถ้าต้องทิ้งยาควรทิ้งในที่ที่เหมาะสม
          หรือทำลายทิ้งเลย
 
        - ทานยาที่จ่ายมาสำหรับตัวท่านเท่านั้น
          ไม่ควรทานยาของผู้อื่นโดยที่เห็นว่าเป็นโรคเดียวกัน
          เนื่องจากสุขภาพของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน
          อาจทำให้เกิดผลเสียได้
          เช่น
          ผู้ป่วยบางคนมีโรคธัยรอยด์
          หรือเบาหวาน
          มีข้อห้ามในการรับประทานยาแก้หวัดบางชนิด
          เป็นต้น หรือ
          ยาที่จะทานเพิ่มเติม
          อาจเป็นตัวยาเดียวกันกับที่ท่านทานอยู่แล้ว
          ก็จะกลายเป็นทานยาเกินขนาดไป
 
        - อ่านฉลากยาก่อนใช้ทุกครั้ง
          โดยจุดสำคัญที่ควรอ่านได้แก่
          ชื่อยา ขนาดการใช้
          ข้อบ่งใช้ ข้อห้ามใช้
 
        - ยาที่ไม่มีฉลาก
          ท่านควรทิ้งทันที
          ไม่ควรเก็บไว้
 
        - ทานยาบริเวณที่สว่างเสมอ
          เพื่อป้องกันการหยิบยาผิด
 
        - ควรติดฉลากยาภายใน
          ภายนอกให้แตกต่างกัน เช่น
          ยาภายนอกใช้ฉลากสีแดง
          ยาภายในใช้ฉลากสีน้ำเงิน
          หรือติดเป็นรูปภาพก็จะทำให้สังเกตได้ง่าย
 
       
      
      ท่านควรทราบว่า
      
        - อาการพิษของยาอาจจะไม่เกิดเฉียบพลัน
          หรือเห็นอาการอย่างชัดเจนก็ได้
          แต่ส่วนใหญ่มักเกิดอย่างรวดเร็ว
 
        - ไม่มียาแก้พิษตัวใดที่ได้ผลกับพิษทุกชนิด
 
       
      ดังนั้น
      
        - เรียกรถพยาบาลทันที
 
        - นำยา หรือสารเคมีนั้น
          ไปด้วย
 
        - จดจำเหตุการณ์ ปริมาณ
          อายุ อาการพิษที่ปรากฏ
          ได้แก่ อาเจียน สำลัก
          ง่วงซึม อุณหภูมิร่างกาย
          ความรู้สึกตัว อื่นๆ
          เพื่อแจ้งแก่แพทย์
 
        - ถ้าผู้ป่วยชัก
          ไม่รู้สึกตัว
          อย่าทำให้อาเจียนเป็นอันขาด
          เพราะจะสำลักเข้าหลอดลม
 
        - อยู่ในความสงบ ทำใจเย็นๆ
          ควบคุมสถานการณ์ให้ได้
 
        - ควรมี Activated Charcoal
          ไว้ประจำบ้าน
          ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับสารเคมีเอาไว้
          ลดปริมาณที่จะดูดซึมของสารพิษเข้าสู่กระแสโลหิต
 
       
     |