พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล มหามกุฏราชวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 26สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
หน้า 721-722 ข้อ 656 ภิกขุสูตร
๗. ภิกขุสูตร
ว่าด้วยภิกษุไฟติดทั่วตัวลอยในอากาศ
[ ๖๕๖ } ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ : -
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล
ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะอยู่บนภูเขาคิชฌกูฏครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคคัลลานะนุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปหาท่านลักขณะจนถึงที่อยู่
ครั้นเข้าไป หาแล้วได้กล่าวชวนท่านพระลักขณะว่า มาไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ด้วยกันเถิดท่านลักขณะ
ท่านพระลักขณะรับคำท่าน พระมหาโมคคัลลานะว่า อย่างนั้น ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังลงจาก
ภูเขาคิชฌกูฏ ได้แย้มขึ้นในที่แห่งหนึ่ง ทีนั้น ท่านพระลักขณะได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านโมคคัลลานะ
อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็นปัจจัยทำให้แย้ม ท่านมหาโมคคัลลานะตอบว่า ท่านลักขณะ มิใช่เวลาที่จะเฉลยปัญหาข้อนี้
ท่านจงถามผมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิดครั้งนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาต
ภายหลัง ภัตตาหารแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นท่านพระลักขณะนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่าน
มหาโมคคัลลานะ เมื่อลงจากภูเขาคิชฌกูฏท่านได้ แย้มขึ้นแล้วในที่แห่งหนึ่ง ดูก่อนท่านพระมหาโมคคัลลานะ
อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็นปัจจัยทำให้แย้มขึ้น[ ๖๕๖ ] ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นภิกษุลอยอยู่ในเวหาส
ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคดเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของภิกษุนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วงแล้ว ได้ยินว่า
ภิกษุนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ผมคิดว่า อัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีมาหนอ สัตว์เห็นปานนี้ก็จักมี ยักษ์แม้เห็น
ปานนี้ก็จักมี การได้อัตตภาพแม้เห็นปานนี้ก็จักมีครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายเป็นผู้มีจักษุหนอ
เป็นผู้มีญาณหนอ เพราะว่า แม้สาวกก็จักรู้ จักเห็นสัตว์เช่นนี้ หรือจักเป็นพยาน เมื่อก่อนเราได้เห็นสัตว์ตนนั้น
เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ พยากรณ์ไว้ หากเราพึงพยากรณ์สัตว์นั้นไซร้ คนอื่นๆ ก็จะไม่พึงเชื่อถือเรา ข้อนั้นพึงเป็นไป
เพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์ สิ้นกาลนาน แก่ผู้ไม่เชื่อถือเรา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ได้เป็น
ภิกษุผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย ผลของกรรมนั้น เขาจึงหมกไหม้อยู่ใน
นรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ด้วยผลของกรรมนั่นแหละที่ยังเหลืออยู่เขาจึงต้องเสวยการ
ได้อัตภาพเห็นปานนี้
จบ ภิกขุสูตร