ตับ

- คำว่า ยกนํ - ตับ ได้แก่แผ่นเนื้อสองแฉก ตับนั้น โดยสี
แดง ( แต่ ) พื้นเหลือง ( จึง ) ไม่แดงจัด
สีดังสีหลังกลีบบัวแดง โดยสัณฐาน ที่โคนเป็นแผ่นเดียว ที่ปลายเป็นสองแฉก สัณฐานดังใบทองหลาง
อนึ่ง ตับนั้น ของพวกคนโง่ เป็นแผ่นโตแผ่นเดียวเท่านั้น ของคนมีปัญญา เป็นแผ่นย่อมๆ
๒ หรือ ๓
แผ่นก็มี โดยทิศ มันเกิดในทิศเบื้องบน โดยโอกาส ตั้งอยู่หว่างนมทั้งสองค่อนไปข้างขวา
โดยตัดตอน
ตับก็กำหนดตัดด้วยส่วนของตับเอง นี่เป็นตัดตอนด้วยส่วนของตนแห่งตับนั้น ส่วนตัดตอนด้วยส่วนที่
ผิดกับตน ก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
พังผืด
- คำว่า กิโลมกํ - พังผืด ได้แก่เนื้อ ( เยื่อ ) สำหรับหุ้ม
มี ๒ ประเภท โดยแยก เป็นพังผืดปกปิด
และพังผืดเปิดเผย พังผืดทั้ง ๒ อย่างนั้น โดยสี ขาวดังสีผ้าทุกูล ( ผ้าที่ทำจากเปลือกไม้เนื้อดีชนิดหนึ่ง
)
เก่า โดยสัณฐาน มีสัณฐานตามโอกาส ( ที่อยู่ ) ของตน โดยทิศ พังผืดประเภทปกปิดเกิดในทิศเบื้องบน
พังผืดอีกอย่างเกิดในทิศทั้ง ๒ โดยโอกาสพังผืดประเภทปกปิด หุ้มหัวใจและไตอยู่
พังผืดประเภทเปิดเผย
ยึดเนื้อ ( กล้าม ) ใต้หนังอยู่ทั่วร่างกายโดยตัดตอน เบื้องล่างกำหนดตัดด้วยเนื้อ
เบื้องบนกำหนดตัดด้วยหนัง
เบื้องขวางกำหนดตัดด้วยส่วนของพังผืดเอง นี่เป็นตัดตอนด้วยส่วนของตนเองพังผืดนั้น
ส่วนตัดตอนด้วย
ส่วนที่ผิดกับตนก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
ม้าม

- คำว่า ปิหกํ - ม้าม ได้แก่เนื้อสัณฐานเป็นลิ้นอยู่ในท้อง
ม้ามนั้น โดยสี มีสีครามอ่อนดุจสีดอกคนทิสอ
( สีครามอ่อน ) โดยสัณฐาน สัณฐานดังลิ้นลูกโคดำ มีขั้วยาวประมาณ ๗ นิ้ว โดยทิศ
เกิดในทิศเบื้อง
บน โดยโอกาส มันตั้งอยู่ติดข้างบนของพื้นท้องทางซ้ายหัวใจ ซึ่งเมื่อมันออกมาข้างนอก
เพราะถูกทำร้าย
ด้วยเครื่องประหาร สัตว์ทั้งหลายก็จะสิ้นชีวิต โดยตัดตอน ม้ามกำหนดตัดด้วยส่วนของม้ามเอง
นี่เป็น
ตัดตอนด้วยส่วนของตนแห่งม้ามนั้น ส่วนตัดตอนด้วยส่วนที่ผิดกับตน ก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
ปอด

- คำว่า ปปฺผาสํ - ปอด ได้แก่เนื้อปอดอันมีเนื้อย่อยๆ
๓๒ ชิ้น ( ประกอบกันอยู่ ) ปอดนั้น
โดยสี แดงดังสีผลมะเดื่อที่สุกยังไม่จัด โดยสัณฐาน มีสัณฐานดังชิ้นขนมหนาๆ ที่เขาตัดไม่เรียบ
มันเป็นเนื้อที่ซีดเผือดเหมือนก้อนใบไม้ที่คนเคี้ยวแล้ว ( จนจืดเหลือเป็นชาน
) เพราะมันถูกไอร้อน
ที่เกิดแต่กรรมอันพลุ่งขึ้นมาทำเอา เพราะข้างในมันไม่มีสิ่งที่กินเข้าไปและสิ่งที่ดื่มเข้าไปเลย
โดยทิศ
มันเกิดในทิศเบื้องบน โดยโอกาส มันปกหัวใจและตับห้อยติดอยู่ในระหว่างนมทั้ง ๒
ในภายในร่างกาย
โดยตัดตอน ก็กำหนดตัดด้วยส่วนของปอดเอง นี่เป็นตัดตอนด้วยส่วนของตนแห่งปอดนั้น
ส่วนตัดตอน
ด้วยส่วนที่ผิดกับตน ก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
ไส้ใหญ่

- คำว่า อนฺตํ - ไส้ใหญ่ ได้แก่ลำไส้ ของผู้ชายยาวประมาณ
๓๒ ศอก ของผู้หญิงยาวประมาณ
๒๘ ศอก
- ขดไปมา ๒๑ ทบ ไส้ใหญ่นี้นั้น โดยสี ขาวดังสีก้อนกรวด ( ขาว
) หรือปูนขาว โดยสัณฐาน
มีสัณฐานดังงูหัวขาดที่คนวางขดไว้ในรางเลือด โดยทิศเกิดในทิศทั้ง ๒ โดยโอกาส
ตั้งอยู่ภายในร่างกาย
มีปลายอยู่ที่ไส้น้อย ( ข้าง ๑ ) และที่ทวารหนัก ( ข้าง ๑ ) เพราะข้างบนมันติดอยู่ที่ไส้น้อย
และข้าง
ล่างติดอยู่ที่ทวารหนัก โดยตัดตอนก็กำหนดตัดด้วยส่วนของไส้ใหญ่เอง นี้เป็นตัดตอนด้วยส่วนของตน
แห่งไส้ใหญ่นั้น ส่วนตัดตอนด้วยส่วนที่ผิดกับตน ก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
ไส้น้อย

- คำว่า อนฺตคุณํ - ไส้น้อย คือไส้อันป็นสายพันอยู่ตามขนดไส้ใหญ่
ไส้น้อยนั้น โดยสี ขาวดังสีราก
จงกลนี โดยสัณฐาน ก็สัณฐานดังรากจงกลนีนั่นแหละ โดยทิศ เกิดในทิศทั้ง ๒ โดยโอกาสมันยึดขนดไส้
ใหญ่ให้เป็นมัดอยู่ด้วยกัน ดุจเชือกยนต์ยึดแป้นยนต์ไว้ ในเวลาที่พวกช่างผู้ทำงานต่างๆ
มีงานขุดเจาะ
เป็นต้นชักยนต์ ( มัน ) อยู่ในระหว่างแห่งขนดไส้ใหญ่ ๒๑ ทบ เหมือนเชือก ( เล็ก
) ที่เย็บร้อยไปตาม
หว่างแห่งขดเชือกสำหรับเช็ดเท้าฉะนั้น โดยตัดตอนก็กำหนดตัดด้วยส่วนของไส้น้อยเอง
นี้เป็นตัดตอน
ด้วยส่วนของตนแห่งไส้น้อยนั้น ส่วนตัดตอนด้วยส่วนที่ผิดกับตน ก็เช่นเดียวกับผมนั่นแล
อาหารใหม่
- สิ่งที่มีอยู่ในอุทร ( กระเพาะ ) ชื่อ อุทริยํ - อาหารใหม่
หมายเอาสิ่งที่กิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้ม เข้าไป
อุทริยะนั้น โดยสี มีสีดังสีอาหารที่กลืนเข้าไป โดยสัณฐาน มีสัณฐานดังข้าวสารที่บรรจุหลวมๆ
ในผ้ากรอง
( ที่ทำเป็นถุง ) โดยทิศ เกิดในทิศเบื้องบน โดยโอกาส ตั้งอยู่ในอุทร ( กระเพาะ
)
อุทร ( กระเพาะ )

- อวัยวะที่หุ้มไส้ ( ป่อง ) คล้ายโปงผ้าที่เกิดขึ้นตรงกลางผ้าเปียกน้ำที่คนรวบ
( ชาย ) ทั้ง ๒ ข้าง
เข้า ชื่อว่า อุทร ( กระเพาะ ) ข้างนอกเกลี้ยงข้างในเป็นดังผ้าซับระดูที่เปื้อนแล้ว
เขาห่อเศษเนื้อไว้
แม้นจะกล่าวว่า ข้างในอุทรนั้นเป็นดังข้างในของผลขนุนละมุด ดังนี้ก็ชอบ
- มันเป็นที่ที่หมู่หนอน ( ตัวพยาธิ ) อันมีแตกต่างกันถึง ๓๒
ตระกูล มีชนิดตักโกฏกะ ( พยาธิ
ปากขอ ) ชนิดคัณฑุปปาทกะ ( พยาธิตัวกลม ) ชนิดตาลหีรกะ ( พยาธิเสี้ยนตาล ) ชนิดสูจิมุขกะ
( พยาธิตัวจี๊ด ) ชนิดปฏตันตุ ( พยาธิตัวแบน ) ชนิดสุตตกะ ( พยาธิเส้นด้าย )
อย่างนี้เป็นต้น
อาศัยอยู่กันคลาคล่ำเป็นกลุ่มๆ ไป ซึ่งเมื่อของกินมีน้ำและข้าวเป็นต้น ไม่มีอยู่
( ในอุทร ) มันก็
จะพลุ่งพล่านกันให้ระงมไป พากันตรงเข้าเล่นงานเนื้อหัวใจ และเมื่อเวลาที่คนกลืนอาหารมีน้ำและข้าว
เป็นต้นลงไป มันจะพากันชูปากตะลีตะลานเข้าแย่งอาหารที่คนกลืนลงไปแรกๆ ๒-๓ คำ
อุทรไรเล่า
เป็นดุจเรือนคลอด วัจกุฏิ โรงพยาบาลและสุสานของหนอนเหล่านั้น ในอุทรไรเล่า ของกินมีน้ำและข้าว
เป็นต้น มีประการต่างๆ ที่แหลกด้วยสากคือฟัน คลุกด้วยมือคือลิ้น เคล้าด้วยน้ำย่อยคือเขฬะ
( น้ำลาย )
แล้ว
- ทันทีนั้น มัน ( กลาย ) เป็นของปราศจากความถึงพร้อมแห่งสี กลิ่น
และรสเป็นต้น ดูประหนึ่ง
ข้าวสุนัข ( กลืน ) ลงไปแล้ว น้ำดี เสมหะและลม ( ออกมา ) กลั้วเป็นไอขึ้นด้วยสันดาปแห่งไฟ
( ธาตุ )
ในอุทร อากูลไปด้วยหมู่หนอน ปล่อยฟองและต่อมขึ้นข้างบนเรื่อย ถึงซึ่งความเป็นขยะ
( ที่จะต้องทิ้ง )
เป็นของเหม็นและน่าเกลียดอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ ( ในอุทร ) อุปมาเหมือนเมื่อฝนเม็ดหนาตกลงมาในหน้าแล้ง
ซากชนิดต่างๆ จับแต่ปัสสาวะและอุจจาระ ท่อนหนัง ท่อนกระดูก ท่อนเอ็น น้ำลาย น้ำมูกและเลือด
ที่น้ำ ( ฝน ) พัดพามาตกลงในแอ่งโสโครกข้างประตูหมู่บ้านพวกจัณฑาลแล้ว ประสมเข้ากับน้ำโคลน
( ในแอ่ง ) ๒-๓ วัน ก็มีหมู่หนอนเกิดแล้ว เป็นไอขึ้นด้วยสันดาปแห่งแสงแดด ปล่อยฟองและต่อมขึ้น
ข้างบนเรื่อย สีเขียวคล้ำเหม็นจัดน่าเกลียด ถึงซึ่งความเป็นรูปไม่น่าเข้าใกล้ไม่น่าดูเลยตั้งอยู่
จะกล่าวไย
ถึงความเป็นสิ่งที่น่าดมหรือน่าลิ้มเล่า ฉะนั้น แม้เพราะได้ฟังเรื่องอุทรไรเล่า
ความเป็นสิ่งไม่น่าพอใจ
ในของกินทั้งหลายมีน้ำและข้าวเป็นต้น ก็เกิดได้