ญาณัตตยานิทเทส

[ ๒0๒ ] ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม เป็นวิหารัฐญาณ ปัญญาในความต่างแห่งสมาบัติ เป็นสมาปัต
ตัฏฐญาณ ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติ เป็นวิหารสมาปัตตัฏฐญาณอย่างไร ?

พระโยคาวจรพิจารณาเห็นสังขารนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีสังขารนิมิต ถูกต้องแล้วซึ่งสังขารนิมิตด้วยญาณ ย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนั้นชื่อว่า อนิมิตวิหาร พิจารณาเห็น
ตัณหาอันเป็นที่ตั้งโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีตัณหาเป็นที่ตั้ง ถูกต้องแล้วด้วย
ตัณหาด้วยญาณ ย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรม นั้นชื่อว่า อัปปณิหิตวิหาร พิจารณาเห็น
ความถือมั่นว่าตน โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันว่างจากตน ถูกต้องแล้วซึ่งความถือมั่นว่าตน
ด้วยญาณ ย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนั้นชื่อว่า สุญญตวิหาร

[ ๒0๓ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นสังขารนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มี
สังขารนิมิต
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีสังขารนิมิตแล้วย่อมเข้า
สมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตสมาบัติพิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอัน
ไม่มีตัณหาเป็นที่ตั้ง
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีตัณหาเป็นที่ตั้ง
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตสมาบัติ พิจารณาเห็นความถือมั่นว่าตน โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไป
ในนิพพานอันว่างจากตน
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ว่างจากตน
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า สุญญตสมาบัติ

[ ๒0๔ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นสังขารนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มี
สังขารนิมิต
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็น
ที่ดับ ไม่มีสังขารนิมิต
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหารสมาบัติ พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้ง
โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีตัณหาเป็นที่ตั้ง ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีตัณหาเป็นที่ตั้ง แล้วย่อมเข้าสมาบัติ
นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตวิหารสมาบัติ พิจารณาเห็นความถือมั่นว่าตน โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปนิพพานอัน
ว่างจากตน
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ
ว่างจากตน
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า สุญญตวิหารสมาบัติ

[ ๒0๕ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นรูปนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีรูปนิมิต
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรม นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหาร พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งรูป
โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรม
นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตวิหารพิจารณาเห็นความถือมั่นว่ารูป โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปนิพพานอันว่างเปล่า
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนี้ ชื่อว่า สุญญตวิหาร

[ ๒0๖ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นรูปนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีนิมิต
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีนิมิต แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิต
สมาบัติ
พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งรูป โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีที่ตั้ง แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อัปปณิหิต
สมาบัติ
พิจารณาเห็นความถือมั่นว่ารูป โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปนิพพานอันว่างเปล่า เพิกเฉยความ
เป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ว่างเปล่า แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า สุญญตสมาบัติ

[ ๒0๗ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นรูปนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีนิมิต
ถูกต้องแล้วๆย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีนิมิต
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหารสมบัติ พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งรูป โดยความเป็นภัย
มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว
คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีที่ตั้งแล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตวิหารสมาบัติ
พิจารณาเห็นถือมั่นว่ารูป โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันว่างเปล่า ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็น
ความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ว่างเปล่า แล้วย่อมเข้าสมาบัติ
นี้ชื่อว่า สุญญตวิหารสมาบัติ

[ ๒0๘ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นเวทนานิมิต ฯลฯ สัญญานิมิต สังขารนิมิต วิญญาณนิมิต จักษุ ฯลฯ

พระโยคาวจรพิจารณาเห็นชราและมรณะนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีนิมิต
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนี้ ชื่อว่า อนิมิตวิหาร พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งชรา
และมรณะ โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป
วิหารธรรมนี้ ชื่อว่าอัปปณิหิตวิหาร พิจารณาเห็นความถือมั่นชราและมรณะ โดยความเป็นภัยมีจิตน้อมไปใน
นิพพานอันว่างเปล่า
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนี้ ชื่อว่า สุญญตวิหาร

[ ๒0๙ ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นชราและมรณะนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอัน
ไม่มีนิมิต
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีนิมิต แล้วย่อมเข้าสมาบัติ
นี้ชื่อว่า อนิมิตสมาบัติ พิจารณาตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งชราและมรณะ โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไป
ในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีที่ตั้ง แล้วย่อม
เข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตสมาบัติ พิจารณาเห็นความถือมั่นชราและมรณะ โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไป
ในนิพพานอันว่างเปล่า
เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ว่างเปล่า แล้วย่อม
เข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า สุญญตสมาบัติ

[ ๒๑0 ] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นชราและมรณะนิมิต โดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอัน
ไม่มีนิมิต
ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ
ไม่มีนิมิต
แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหารสมาบัติ พิจารณาเห็นตัณหาอันเป็นที่ตั้งแห่งชราและมรณะ
โดยความเป็นภัยมีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีที่ตั้ง ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความ
เป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีที่ตั้ง แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อัปปณิหิตวิหารสมาบัติ
พิจารณาเห็นความยึดมั่นชราและมรณะโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันว่างเปล่า ถูกต้องแล้วๆ
ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้วคำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ว่างเปล่า แล้วย่อมเข้าสมาบัติ
นี้ชื่อว่า สุญญตวิหารสมาบัติ

อนิมิตตวิหารเป็นอย่างหนึ่ง อัปปณิหิตวิหารเป็นอย่างหนึ่ง สุญญตวิหารเป็นอย่างหนึ่ง

อนิมิตสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง อัปปณิหิตสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง สุญญตสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง

อนิมิตตวิหารสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง อัปปณิหิตวิหารสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง สุญญตวิหารสมาบัติเป็นอย่างหนึ่ง

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า
ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม เป็นวิหารรัฏฐญาณ ปัญญาในความแตกต่างแห่งสมาบัติเป็นสมาปัตตัฏฐญาณ
ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติเป็นวิหารสมาปัตตัฏฐญาณ

จบ ญาณัตตยานิทเทส