ล้างฮาร์ดดิสก์ ติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่
ต้นเหตุการล้างระบบใหม่
การล้างระบบใหม่ในที่นี้หมายถึง กรณีที่ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมานาน ภายในฮาร์ดดิสก์มีข้อมูลที่ไม่เป็นที่ต้องการ หรือติดตั้งโปรแกรมที่ล้าสมัยและไม่ต้องการแล้ว เป็นที่ทราบกันดีกว่าปัจจุบันนั้น Windows Application นั้นได้รับความนิยมนำมาใช้งานเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม Application เหล่านั้นหากติดตั้งแล้ว การเอาออกจากคอมพิวเตอร์โดยสิ้นเชิงแบบไม่เหลือร่องรอยนั้นยากมาก นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ต้องมีการล้างระบบใหม่ เช่น หลังจากอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เช่น เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่มาใช้ขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่ม RAM ทำให้ผู้ใช้งานต้องการเพิ่มซอฟต์แวร์ หรือต้องการย้ายข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เก่า ซึ่งวิธีการในย้ายระบบนั้นต้องทำโดยผู้ใช้งานเอง และต้องทำด้วยความระมัดระวัง

ในกรณีของการล้างระบบใหม่มีขั้นตอนแตกต่างจากการเริ่มติดตั้งแบบแรกเริ่ม เนื่องจากเมื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ไปประมาณสองสามปี จะมีข้อมูลที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นมา เช่น เอกสารต่างๆ จดหมาย ข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนจำเป็นสำหรับการทำงานในคอมพิวเตอร์ ข้อมูลบางประเภทไม่สามารถสร้างใหม่ได้ หรือข้อมูลบางประเภทไม่มีข้อมูลสำหรับสร้างใหม่เพียงพอ หรือหากขาดข้อมูลบางประเภทจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้นส่วนที่จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งคือ ต้องมีการสำรองข้อมูลเป็นอย่างดี

ผู้ใช้งานบางท่านต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวัน ดังนั้นหากมีการล้างระบบ หรือการอัพเกรดครั้งใหญ่ ต้องหมายความว่าจะต้องทำให้คอมพิวเตอร์นั้นมีข้อมูลแล้วพร้อมใช้งานได้เหมือนเดิมในระยะเวลาอันสั้น เช่น ใช้เวลาในการอัพเกรดประมาณ 1-2 วัน เป็นต้น ทำให้ต้องมีการวางแผนก่อนลงมืออัพเกรด

ขั้นตอนการล้างระบบและติดตั้งโปรแกรมใหม่
1. วางแผนการสำรองข้อมูล
ขึ้นอยู่กับสภาวะการใช้งานของผู้ใช้งาน เนื่องจากผู้ใช้งานแต่ละรายต่างก็ใช้ Application แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น รายการสำรองข้อมูลต่อไปนี้

ข้อมูลที่ต้องสำรอง
ไดเรคทอรี่ของข้อมูล
หมายเหตุ
1. รายการบริการลูกค้า C:\Customer Support คัดลอกไว้ในฮาร์ดดิสก์ รวม Sub Folder
2. แฟ้ม Sidekick 95 C:\Sidekick95\userdata คัดลอกไว้ในดิสก์เก็ต รวม Sub Folder
3. เอกสาร Technical Support D:\Technical Support คัดลอกไว้ในฮาร์ดดิสก์
4. ไดรเวอร์ต่างๆ D:\driver คัดลอกและอัพเดทลงเซิร์ฟเวอร์
5. เอกสารโครงการต่างๆ C:\project คัดลอกลงซีดีรอม
6. เอกสารอื่นๆ C:\My Documents คัดลอกไว้ในฮาร์ดดิสก์

ในขั้นตอนการวางแผนการสำรองข้อมูลจะเห็นว่าขึ้นอยู่กับความต้องการนำข้อมูลไปใช้อนาคตและขนาดของข้อมูล ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ข้อมูลต้องมีการนำไปแก้ไขต่อไป

ได้แก่ข้อมูลรายงาน ข้อมูลที่ต้องมีการอัปเดทประจำ การสำรองข้อมูลควรเก็บไว้ใน สื่อเก็บข้อมูลเช่น Jazz Drive, Zip drive เพราะข้อมูลเหล่านั้นสามารถนำมาใช้งานได้ง่าย หรือหากเป็นไปได้ที่ผมเคยทำก็คือ เก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์อีกตัวหนึ่ง (หากมีฮาร์ดดิสก์เหลือพอ) หรือกรณีที่มีเซิร์ฟเวอร์ ก็อาจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบก่อนว่าในเซิร์ฟเวอร์มีเนื้อที่เพียงพอ หรืออาจจะติดต่อกับผู้บริหารระบบ เพื่อขอที่เก็บข้อมูลสำรองชั่วคราว

ข้อมูลเก็บไว้เพื่ออ้างอิง

สำหรับการเก็บข้อมูลไว้เพื่ออ้างอิง อาจเก็บไว้ในสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่น เช่น เทป ซีดีรอม เนื่องจากต้นทุนในการเก็บข้อมูลต่ำ

ข้อมูลใดต้องสำรอง และควรสำรองอย่างไร

มีผู้ใช้บางราย สำรองข้อมูล โดยการคัดลอกแฟ้มข้อมูลที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดไว้ในพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ของเซิร์ฟเวอร์หรือเก็บสำรองไว้ในการฮาร์ดดิสก์อีกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสื่อที่ต้องนำมาใช้ในการเก็บข้อมูล และเวลาในการคัดเลือกข้อมูลมาใช้งานภายหลัง ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวมาจากสาเหตุประการเดียวก็คือ ไม่มีการวางแผนเก็บบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เมื่อเริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์ ผมกล่าวเสมอๆว่า ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์นั้นก็เหมือนกับเอกสาร เหมือนกับโต๊ะทำงานของเรา ถ้าเราจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงานไม่เรียบร้อย เวลาจะหาเอกสารชิ้นหนึ่งย่อมประสบปัญหาเกี่ยวกับการหาเอกสาร ใช้เวลาในการหาเอกสารนาน แต่ถ้าเราเก็บเอกสารด้วยความเป็นระเบียบ เราจะสามารถค้นหาเอกสารที่ต้องการได้ในเวลารวดเร็ว การทำงานกับคอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน นอกจากรู้ว่าจะเก็บเอกสารอย่างไร แล้วต้องรู้เพิ่มเติมว่าทำอย่างไรเอกสารที่เก็บไว้จึงจะเป็นระเบียบ จึงจะสามารถเรียกมาใช้งาน หรือเอื้อประโยชน์ต่อการสำรองข้อมูล

เมื่อการจัดการเอกสารในขั้นตอนระหว่างการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนในการสำรองข้อมูลก็ทำได้ง่ายขึ้น เพียงแต่คิดว่าเอกสารชุดใดๆ ต้องสำรองอย่างไร ต้องจัดการแบบใด เท่านั้นก็จะสำรองข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

การฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ จะเป็นการทำลายเอกสาร และทุกสิ่งทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ว่าการ Unformat จะช่วยได้ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะบางครั้ง Option ที่ใช้งานไม่เอื้ออำนวย

2. เตรียม OS , Application Software และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม

ขั้นตอนนี้สำคัญต่อการติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่ เนื่องจากหากไม่มี OS ,Application Software ที่เป็นชุดสำหรับติดตั้งก็จะไม่สามารถใช้งาน Application ที่เคยใช้ได้อีก รวมทั้งจะไม่สามารถใช้งานข้อมูลที่สำรองไว้และถูกสร้างด้วย Application เหล่านั้นด้วย

สำหรับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆก็เช่นเดียวกัน ควรตรวจสอบว่าได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะหากไม่มีไดรเวอร์อาจจะทำให้ไม่สามารถใช้ พรินเตอร์ สแกนเนอร์ SCSI Card,ไดรฟ์ซีดีรอมได้อีก หรือใช้ได้ไม่เต็มคุณภาพ ซึ่งพบปัญหาบ่อยมาก

3. บันทึกค่า Configuration ของ Computer

ค่า Configuration ของคอมพิวเตอร์ที่ต้องบันทึกไว้ก่อนจะ Format และติดตั้ง OS, Application ใหม่ ได้แก่ค่าดังต่อไปนี้
1. Mail Setup เช่น การกำหนด Configuration ของ Eudora หรือ Pegasus ค่าที่ต้องจดบันทึกได้แก่ Password , ชื่อ POP3 , Account (นอกจากบันทึกค่า แล้วอย่าลืมจดหมายที่ท่านยังจัดการไม่เรียบร้อย จดหมายที่อยู่ในโฟลเดอร์ต่างๆ เช่น In Out, และ Address Book หรือสมุดรายชื่อผู้รับจดหมาย)
2. การกำหนด Configuration สำหรับ Workstation เช่น ชื่อ Computer, Account สำหรับการต่อเข้า Server , การกำหนดค่า TCP/IP , การกำหนด Account สำหรับต่อเชื่อมเข้าศูนย์ ISP แต่ละแห่ง

ค่าดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นไม่สามารถสำรองข้อมูลเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลชนิดใดๆ ได้ ต้องอาศัยการทำสมุดบันทึก และจดบันทึกค่านั้นลงไป เมื่อติดตั้ง

นอกจากค่าที่กล่าวมาข้างต้น สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการสื่อสารด้วยจะต้องบันทึกค่าเหล่านี้ด้วย ได้แก่ สมุดรายชื่อสำหรับส่งจดหมายของ E-mail , สมุดรายชื่อสำหรับส่งแฟ็กซ์ ซึ่งการบันทึก สามารถใช้วิธีการ Backup ข้อมูลได้

4. ติดตั้ง OS, Application ใหม่

การติดตั้ง OS และ Application ใหม่ ขั้นตอนนี้คงไม่กล่าวรายละเอียดในที่นี้

5. ติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ

การติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์ ไม่ได้กล่าวรายละเอียดในที่นี้ เนื่องจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์แต่ละอย่าง มีข้อปลีกย่อยการติดตั้งเฉพาะ และมีเอกสารจากผู้ผลิตแล้ว

6. Restore ข้อมูลที่ Backup ไว้

หลังจากติดตั้งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะใช้งานคอมพิวเตอร์แล้ว ต้องนำข้อมูลที่สร้างไว้แล้ว และได้คัดลอกหรือทำสำเนาไว้ในขั้นตอนที่ 1 กลับมาไว้ในฮาร์ดดิสก์ให้เหมือนเดิม เพื่อทำงานต่อไปได้ ในขั้นนี้วิธีการขึ้นอยู่กับการ Backup และสื่อเก็บข้อมูลในการ Backup

7. Re Configuration System

ได้แก่การกำหนดให้สภาพแวดล้อมการทำงานของคอมพิวเตอร์มีสภาพแวดล้อมการทำงานเหมือนก่อนที่จะล้างระบบใหม่ ได้แก่ การกำหนด TCP/IP , การกำหนด Account สำหรับ e-mail การกำหนด Account สำหรับการบริการสื่อสารต่างๆ

8. ทดสอบใช้งาน

อย่าเพิ่งทิ้งข้อมูลที่ Backup ไว้เป็นอันขาดกรณีที่สำรองข้อมูลไว้ในดิสก์เก็ตหรือฮาร์ดดิสก์ เพราะคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง OS ,Application ต่างๆ ขึ้นมาใหม่อาจจะยังมีปัญหาในการใช้งาน หรือมีข้อมูลบางอย่างไม่ครบ ควรเก็บข้อมูลที่ได้ Backup ไว้อย่างน้อย 1 หรือ 2 สัปดาห์ หรือรอจนกระทั่งมั่นใจว่าคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เหมือนเดิม (โดยส่วนใหญ่ควรทำได้ดีกว่าเดิม) ทุกประการ

ขั้นการทดสอบใช้งาน ไม่ได้หมายความว่าทดสอบใช้งานเพียงวันหรือสองวัน แต่ให้ใช้งานจริงๆ เพราะระหว่างการใช้งานจริงๆ อาจจะพบว่ายังมีปัญหา หรือข้อบกพร่องบางประการที่ต้องแก้ไข หรือยังมีค่าบางประการที่ต้องกำหนดเพิ่มเติม