Defragment จัดเรียงไฟล์ให้เข้าที่เข้าทาง
การจัดของให้เป็นระเบียบนั้น ประโยชน์ก็คือ หยิบก็ง่าย หายก็รู้ ดูก็งามตา ประสิทธิภาพการทำงานก็เพิ่มมากขึ้นด้วย สำหรับวินโดวส์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากมีการจัดเก็บไฟล์ไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะช่วยให้โปรแกรมต่างๆรันเร็วขึ้น
หลายๆคนใช้ฟังก์ชันการ Defrag อย่างสม่ำเสมอ เพราะเข้าใจดีว่า defrag มีความจำเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ยังขาดคือ ไม่ได้มีการกำจัดขยะ และไม่ได้มีการกำจัดขยะ และไม่ได้มีการตรวจสอบความผิดพลาดของฮาร์ดดิสก์ โดยใช้การ Scandisk ก่อน ซึ่งมีโอกาสทำให้โปรแกรม Defrag หยุดชะงักการทำงานได้

โปรแกรม Defrag นั้นเป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 200 กิโลไบต์ มีผู้ใช้งานบางรายแนะนำว่า "ใช้ Defrag ที่มากับวินโดวส์ ME" ให้ประสิทธิภาพดีกว่า โดยสามารถเอาไปใช้งานกับวินโดวส์ 95 และ 98 ได้ด้วย ประสิทธิภาพดีกว่าในที่นี้หมายถึง ความเร็วของการรันโปรแกรมหลังจาก Defrag แล้ว หรือโอกาสที่จะ Defrag สำเร็จ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเป็นไปได้ว่า ในที่สุด Microsoft ,Intel , Symantec อาจจะบรรลุข้อตกลง (555 ภาษาทางการมากไปมั้ย)ในการพัฒนาโปรแกรมในการ defrag ข้อมูลร่วมกัน ทั้งนี้เพราะสมัยก่อนนั้น เมื่อไมโครซอฟต์พัฒนายูทีลิตีส์ในการจัดการฮาร์ดดิสก์ทีไรจะถูกนอร์ตัน (Symantec) ฟ้องร้องเสมอว่า มีการลอกเลียนอัลกอรึทึม
อย่างที่กล่าวไปแล้วในส่วนแรกคือ ก่อนจะใช้โปรแกรม Defrag ให้มั่นใจว่าได้หยุดโปรแกรมที่ทำงานหน้าฉากและหลังฉากทั้งหมด เพราะระหว่างการ Defrag นั้น โปรแกรม Defrag ไม่ต้องการให้มีโปรแกรมอื่นมาเขียนและอ่านข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เพี่อขัดจังหวะการทำงานเลย ถ้าหากมีการขัดจังหวะ โปรแกรม Defrag จะหยุดทำงาน หรือจะเริ่มต้นทำงานทำงานใหม่ที่ 0% กว่าจะถึง 100 % ก็ใช้เวลาในการdefrag นานมาก
อย่าลืมครับ.. เทคนิคในการ Defrag ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่มากมาย ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เราเพียงแต่ใช้ Scandisk เพื่อแก้ไขสิ่งผิดปกติทั้งหมดก่อน หลังจากนั้นปิดโปรแกรมที่รันอยู่ทั้งหน้าฉากและหลังฉากให้หมด แล้วจึงเริ่ม Scandisk อ้อ .. อย่าลืมอีกอย่าง ให้ยกเลิก Screen Saver "พักหน้าจอ" ที่หลายๆคนเรียกกันด้วย เพราะ Screen Saver บางตัวที่เป็นโปรแกรมแสดงหน้าตาสวยๆนั้น มีการอ่านข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ และใช้ซีพียูในการประมวลผลเช่นกัน ทำให้ขัดจังหวะการทำงานของโปรแกรม Defrag ได้
|