มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ.2541 ]

แด่"มะเร็ง"ด้วยความรัก บัญญัติ5ประการพักรบ


โรคมะเร็งเป็นโรคที่ดังมากขึ้นทุกที เพราะมีความเชื่อที่ก่อตัวมาในระยะกว่า 30 ปีมานี้ว่า เป็นมะเร็งแล้ว รักษาไม่หาย ส่วนใหญ่ต้องตาย ความกลัวและรังเกียจมะเร็ง ก่อให้เกิดวิธีการ มากมาย ในการป้องกัน บำบัด หรือรักษาโรคร้ายนี้ อาทิ วิธีการธรรมชาติบำบัด การทำจิตใจ ให้สงบ แม้กระทั่ง การบริโภคแบบชีวจิตที่โด่งดัง ล้วนเป็นผลผลิต ของความกลัว โรคมะเร็ง

ทำไมคนถึงกลัวโรคมะเร็งถึงเพียงนี้??? คงตอบว่า เพราะการแพทย์แผนปัจจุบัน สรุปว่า มะเร็งเป็นโรค ที่รักษาไม่หาย โดยมีผลการรักษา ยืนยันความเชื่อเช่นนี้ มาอย่าง ต่อเนื่อง ตามแผนการรักษา หรือโปรแกรมการรักษาโรคมะเร็ง โดยสรุปแล้วมี 3 วิธีคือ การผ่าตัดเอาเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งออก ,การฆ่าเซลล์มะเร็ง ด้วยวิธีการฝังแร่ หรือฉายแสง บางชนิด และการฉีดสารเคมีบางชนิด เข้าสู่ร่างกาย เพื่อยับยั้งหรือรักษามะเร็ง โดยแบ่งช่วงระยะอาการของโรค เป็นหลายระยะ เช่นระยะเริ่มแรก จนถึงระยะสุดท้าย

ทั้งนี้ มีการระบุว่าหากรักษามะเร็งตั้งแต่ขั้นแรกก็จะมีโอกาสหาย แต่ความจริงที่ปรากฏ หลายกรณี คือ ใครก็ตาม ที่เข้าโปรแกรมการรักษาแบบนี้ ก็เสี่ยงต่อความตายอย่างมากเช่นกัน บ้างก็ช็อกตาย ในวันที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง หรืออย่างช้าก็3-5 ปี !!

ความจริงโรคมะเร็งไม่ใช่เพิ่งเกิดหรือเพิ่งมีขึ้นในโลก แต่ในอดีต คนไม่รู้จักมะเร็ง และไม่เรียกว่าเป็นมะเร็ง โดยไป เรียกที่อาการเช่นโรคฝีในท้อง โรคบิด โรคไอ ผีเข้า ผีกินบ้าง ฯลฯ

สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ก็ยังไม่มีผู้ใดรู้จักมะเร็ง เพิ่งมารู้จักกัน ในสมัยแผ่นดินพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ดังจะเห็นได้จาก ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันพฤหัสเดือนเจ็ด ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีมะเมีย สัมฤทธิศก ซึ่งเป็นปีที่ 8 แห่งรัชกาลที่ 4 ในเรื่องข่าวตายว่า "วันเสาร์ เดือนหก แรมสี่ค่ำ หลวงธรรมศาสตร์ลูกขุน ถึงแก่กรรม ป่วยเป็นโรคมะเร็งกรามช้าง แลเป็นไข้บิดด้วย อาการยังไม่หนักนัก แต่เป็นคนชรา อายุใกล้ 70 ปี เป็นลมขึ้นมาก็ถึงแก่กรรมโดยเร็ว"

แม้ขณะนั้นจะเรียกโรคชนิดนี้ว่าโรคมะเร็งแล้ว แต่ก็มิได้เป็นโรคที่ร้ายแรง หรือหนักหนา สาหัส ที่ทำให้ตาย หรือรักษาไม่หาย ตามประกาศดังกล่าว เห็นได้ชัดว่า หลวงธรรมศาสตร์ ป่วยเป็นมะเร็ง กรามช้าง เป็นไข้บิด ทั้งอายุก็ 70 ปีแล้ว และเหตุที่ทำให้ถึงแก่ความตาย ก็คือการเป็นลม หากใครเป็นมะเร็งแล้ วต้องตายลง ณ อายุ 70 ปี หรือ 90 ปี เหมือนกับ หลวงธรรมศาสตร์ ก็ไม่เห็นว่ามะเร็ง จะน่ากลัวตรงไหน ความวุ่นวาย ความกลัวเกี่ยวกับ มะเร็ง ก็จะหมดสิ้นไป

นักดิ้นรนรักษาชีวิตให้พ้นจากโรคมะเร็งจำนวนมาก จึงได้หวนคืนสู่การรักษาแบบโบราณ การทำจิตให้สงบ และการกินยาสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งผลปรากฏว่า มีจำนวนไม่น้อย ที่สามารถรักษาชีวิตให้ยืนยาวได้ ดังนั้น จึงเกิดแนวทางการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อให้คนที่เป็นแล้ว ให้สามารถร่วมอยู่ กับมะเร็งอย่างสันติได้ ส่วนคนที่ยังไม่เป็น ก็จะใช้เป็นแนวทาง เพื่อป้องกันรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งพอสรุปเป็นบัญญัติได้ 5 ประการ

  1. ประการแรก ต้องตั้งความคิดเป็นสัมมาทิฐิว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง หรือไม่ก็ตาม เมื่อชีวิตเกิดขึ้นมา ความแก่ พยาธิ หรือโรคก็เกิดมาพร้อม ๆ กัน รวมไปถึงเซลล์ของมะเร็งก็มีอยู่ตั้งแต่ชีวิตอุบัติขึ้นแล้ว แต่ไม่กำเริบ ไม่ก่อกวน ไม่ทำร้ายกัน อยู่ร่วมกันโดยสันติ แต่เมื่อใดที่เราเริ่มทำร้ายเชื้อมะเร็ง เชื้อมะเร็งนั้น ก็จะให้โทษ และกลายเป็นโรคมะเร็งขึ้น การทำร้ายเชื้อมะเร็ง ก็คือการเพิ่มเติม สารพิษ แก่ร่างกาย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น การบริโภคโดยตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ จะต้องยึดมั่น ในการอยู่รวมกันอย่างสันติ กับมะเร็งไปตลอดชีวิต
  2. ประการที่ 2 ต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าโปรแกรมรักษามะเร็ง ตามแผนการรักษา 3 วิธีข้างต้น
  3. ประการที่ 3 การทำความรู้ให้เกิดว่าโรคมะเร็งเกิดจากเลือด เพราะความคิด อารมณ์ และการบริโภค ก่อให้เกิดปฏิกิริยา เกี่ยวกับเลือด และเซลล์มะเร็งจะเติบโต ลุกลาม ก็เกิดจากเลือดเช่นกัน โดยมีอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์ อากาศที่มีผลภาวะเป็นพิษ อารมณ์ที่เครียด ไม่โปร่งใส เป็นเหตุที่ทำให้เลือดเป็นพิษมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องแก้ไข โดยการเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลา หลีกเลี่ยงจาก อากาศเป็นพิษ เช่นการสูบบุหรี่ ไม่ทำจิตใจ ให้รุมเร้า และรุ่มร้อน ทำให้ความเครียด หายไป ทำลายเหตุปัจจัย ที่ทำให้ มะเร็งเติบโต และลุกลาม ถือเป็นการขีดวง ให้มะเร็ง ที่เกิดขึ้นแล้ว อยู่ในวงอันจำกัด ไม่ขยาย ลุกลามต่อไป
  4. ประการที่ 4 ตั้งความปรารถนาอันแรงกล้าว่า ร่างกายจะกลับเข้าสู่ภาวะที่ปกติได้ เพราะเซลล์มะเร็ง ที่กำเริบขึ้น เป็นภาวะที่ไม่ปกติ และไม่ใช่ธรรมชาติของร่างกาย แม้จะยับยั้ง ไม่ให้ลุกลามเติบโตไว้แล้ว ภาวะที่ไม่ปกตินั้น จะถูกปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังเดิมได้อย่างเป็นขั้น เป็นตอน โดยวิธีทางแห่งธรรมชาติ และปกตินั่นเอง
  5. ประการที่ 5 คือการปรับปรุงโปรแกรมเลือดอย่างจริงจัง ให้เซลล์มะเร็ง กลับเข้าสู่ ภาวะปกติ โดยใช้การควบคุม 3 ด้านคืออาหาร อากาศ และอารมณ์
นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของคนที่เป็นโรคมะเร็ง ขอผองเราจงละความกลัวจากโรคมะเร็ง และทำตน ให้สามารถอยู่กับมะเร็งอย่างสันติได้เถิด

ใครเชื่อก็นำไปปฏิบัติ ไม่เชื่ออ่านแล้วก็แล้วไป

ไม่ว่าอะไรกันอยู่แล้ว !!.

สกู๊ป หน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ.2541


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600