"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน" ![]() ที่มีผังเมืองที่สวยงาม มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของกลุ่มชน 3 กลุ่มเชื้อชาติคือ มุสลิม ไทยและจีน อำเภอที่ขึ้นชื่อคือ เบตง มาจากภาษามาลายูแปลว่า ไม้ไผ่ มีการปกครองแบ่งออกเป็น 4 ตำบลกับ 1 เทศบาล คือตำบลยะรม อัยเยอร์เวง ตะเนาะแมเราะ ธารน้ำทิพย์และเทศบาลเบตง ประชากรส่วนใหญ่มี 2 กลุ่มใหญ่ คือชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามและชาวไทยเชื้อสายจีน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ความเป็นมา ![]() มาก ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับที่พบตามถ้ำต่างๆในชุมชนโบราณตั้งแต่ไชยาลงไปจนถึงสุมาตราและชวาอัน เป็นดินแดนที่เชื่อว่าเป็นอาณาจักรศรีวิชัย ![]() สมัยหินใหม่เป็นจำนวนมาก แสดงว่าที่ราบริมฝั่งแม่น้ำสายมีความเป็นมาอันยาวนานก่อนประวัติศาสตร์ ![]() ไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการปรับปรุงการปกครองหัว เมืองและได้แบ่งอาณาจักรปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมือง คือ ปัตตานี ยะหริ่ง สายบุรี ยะลา รามัน ระแงะและ หนองจิก เมื่อปี พ.ศ. 2334 โดยให้เมืองเหล่านี้ขึ้นกับเมืองสงขลา ![]() เมืองยะลาเป็นเมืองยะลาเป็นครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองยะลาร่วมกับเมือง ใกล้เคียงก่อกบฏขึ้น แต่ถูกปราบปราม จึงโปรดเกล้าฯให้นายเมืองบุตรพระยายะหริ่งมาเป็นเจ้าเมืองยะลา ในปี พ.ศ. 2390 และตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลท่าสาป ซึ่งต่อมามีความเจริญและเป็นย่านการค้าของเมือง ![]() ของตนเอง โดยมีข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณเป็นผู้ควบคุมภายใต้การดูแลของข้าหลวงเทศาภิบาล มณฑล นครศรีธรรมราช ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 ได้ประกาศตั้งหัวเมืองทั้ง 7 เป็นมณฑลปัตตานีโดยยุบลงเหลือ 4 เมืองคือ ปัตตานี (รวมหนองจิก ยะหริ่ง ปัตตานี) ยะลา (รวมรามันกับยะลา) สายบุรี และระแงะ พ.ศ. 2476 เมื่อยุบเลิกการปกครองแบบเทศาภิบาลมาใช้การปกครองในรูปปัจจุบัน จึงกลายมาเป็นจังหวัดยะลามาถึง ทุกวันนี้ อาณาเขต
![]() สบาย มีหมอกปกคลุมในตอนเช้า จึงได้รับสมญานามว่า "เมืองในหมอกดอกไม้งาม" อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 21-31 องศาเซลเซียส
|