พ.ท.ชวรัฐ วันพฤหัส เล่าว่า
ได้มาสร้างพระธรรมกายประจำตัวประดิษฐานที่แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์เมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ แต่ภรรยาต้องรีบเดินทาง กลับไปจังหวัด นครราชสีมา จึงไม่ได้อยู่เห็นปาฏิหาริย์ อัศจรรย์ตะวันแก้ว ที่เกิดในเย็นวันนั้น
วันที่ ๒๐ กันยายน ภรรยาของพ.ท.ชวรัฐ นำน้องๆ นักศึกษาในสถาบันเดียวกันมาทำบุญสร้าง พระธรรมกายประจำตัวที่วัด ตนเองได้มาด้วย และนำเอกสารข้อมูลการสร้างพระธรรมกาย ประจำตัวและมหาธรรมกายเจดีย์ พร้อมกับสมุดภาพอัศจรรย์ตะวันแก้ว ติดตัวไปด้วยหนึ่งเล่ม และนำ กลับไปที่ทำงาน ที่ว่าการอำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง
ข้าราชการผู้ใหญ่คนแรกที่ พ.ท.ชวรัฐชวนทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวคือ ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองระนอง ชื่อคุณธรรมรัตน์ สุวัตถิกุล ซึ่งเวลานั้นคุณธรรมรัตน์ยังไม่พร้อมเรื่องการเงิน จึงยังไม่ตกลงที่จะสร้าง
พ.ท.ชวรัฐ ได้ทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวประดิษฐานที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ ไว้แล้ว แม้ยังไม่ได้รับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ แต่ก็พยายามท่องบทสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุจนจำได้คล่องและสวดบูชาอยู่เสมอ
วันที่ ๒๘ กันยายน ได้ขอยืมรถปิคอัพของเพื่อน เดินทางไปจังหวัดชุมพร เพื่อไปชำระเงินค่างวด เป็นเงินกู้ซื้อบ้านที่ธนาคาร อาคาร สงเคราะห์ สาขาจังหวัดชุมพร และต้องการจะชวนผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันมากท่านหนึ่ง ให้สร้างองค์พระธรรมกาย ประจำตัว ประดิษฐานภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์
ออกเดินทางเวลาประมาณเที่ยงเศษ ขณะเดินทาง พ.ท.ชวรัฐก็นึกท่องบทสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุตลอดเวลา ขับรถไปได้ไม่นาน ฝนเริ่มตกโปรยปรายลงมา ซึ่งถนนเพชรเกษมช่วงชุมพร-ระนอง มีโค้งค่อนข้างมาก อีกประมาณ ๕-๖ กิโลเมตรจะถึงตัว อำเภอกระบุรี รถเกิด อุบัติเหตุบังคับไม่ได้ ปัดไปปัดมา จนกระทั่งรถชนกับหลักข้างทางดังสนั่น พลิกตะแคงขวาแล้วพุ่งลงข้างทาง
ในเวลาคับขันอย่างนั้น พ.ท.ชวรัฐปล่อยมือออกจากพวงมาลัย ล้มตัวลงด้านขวา พร้อมกับอุทานในใจเรียก พระมหาสิริราชธาตุ ต่อจากนั้น ก็มีเสียงโครมใหญ่ขึ้นอีกครั้ง เมื่อรถกระแทกกับแนวป่าละเมาะข้างทางและจอดนิ่งสนิทลงได้ พ.ท.ชวรัฐลืมตานอนคู้อยู่บนเบาะรถ ตั้งสติรู้ตัว อยู่ตลอดเวลา เห็นควันเป็นไอลอยขึ้นมา จากฝากระโปรงรถ จึงเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ กุญแจรถเพื่อป้องกันไฟลุกไหม้ และสำรวจอาการบาดเจ็บ ในร่างกายตนเอง รู้สึกเจ็บตรงหน้าผาก ด้านขวาเล็กน้อย ส่วนที่อื่นไม่เป็นอะไร จึงปีนออกจากรถทางกระจกด้านหน้า ซึ่งแตกละเอียด ทั้งบาน รวมทั้งกระจกด้านข้างด้วย แล้วขอความช่วยเหลือจากรถที่วิ่งตามมา ๓-๔ คัน ที่จอดดู เพื่อให้ความช่วยเหลือ
พ.ท.ชวรัฐได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทั้งช่วยโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่จังหวัดระนอง และช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ตัวอำเภอกระบุรี มีบาดเจ็บเพียงหน้าผากด้านขวาบวมปูด ไม่ทราบว่ากระแทกกับอะไร เศษกระจกกระเด็นมาโดนหนังศีรษะ เป็นรอยยาวประมาณ ๑ ซ.ม. มีเลือด ซึมนิดหน่อย ใช้ยาทาไม่ต้องเย็บแผล
ใครๆ ที่จังหวัดระนอง เมื่อเห็นสภาพรถที่ลากกลับไปแล้ว ต่างพูดเหมือนกันหมดว่า ไม่น่าเชื่อที่คนขับจะรอดชีวิตได้ พ.ท.ชวรัฐเชื่อมั่นว่า ที่สามารถรอดชีวิตมาได้ เป็นเพราะอานุภาพของการสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ แม้จะไม่มีของจริงแขวนไว้กับตัว มีเพียงเหรียญ พระบรม พุทธเจ้าที่พระลูกชายให้คล้องคออยู่องค์เดียว
ในวันที่ ๑ ตุลาคม จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเตรียมไปที่วัดพระธรรมกายร่วมบุญ บูชาข้าวพระวันอาทิตย์ต้นเดือน จึงได้ถาม คุณธรรมรัตน์ เรื่องการสร้างพระธรรมกาย ประจำตัวอีกครั้ง ได้รับคำตอบว่า ขอร่วมทำบุญสร้าง พระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐานภายนอก มหาธรรมกายเจดีย์ ด้วย ๑ องค์ พ.ท.ชวรัฐรู้สึกเป็นสุขใจอย่างยิ่ง อิ่มใจที่ได้ทำหน้าที่ผู้นำบุญสำเร็จ
การสวดบทสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ หรือแม้เพียงระลึกถึง ตามที่ พ.ท.ชวรัฐกระทำยามคับขันนั้น เป็นการคิดถึงสิ่งที่ดีงาม คือคิดถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ ทำให้กุศลมโนกรรมเกิดขึ้น มากมาย กุศลดังกล่าวนี้เอง ตัดรอนบาปกรรมเก่าที่ตามมาทัน ให้ลดกำลังส่งผลลง จึงทวงเอาแค่ ให้เสียทรัพย์ค่าซ่อมรถ ไม่เสียถึงชีวิต ดังนั้นจึงควรหมั่นประกอบกุศลกรรมความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อย่ายอมให้บาปกรรมตามมาทันอีก