คุณไวกูณฐ์ ติลกสังข์เพชร อยู่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เล่าเรื่องว่า
วันที่พบอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุช่วยชีวิต เป็นเวลากลางคืนราว ๒๓.๐๐ น. ขณะที่ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ความเร็วประมาณ ๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเส้นทางกลับบ้านคือถนน รังสิต-นครนายก ซึ่งขับเส้นทางนี้เป็นประจำอยู่ทุกวัน เวลานั้นมองไปข้างหน้า เห็นว่า บนถนนว่างเปล่า ไม่มีรถเลย
ขับเรื่อยมาอีกราว ๒ นาที จึงเห็นมีรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง วิ่งอยู่ข้างหน้าห่างไปราว ๕๐๐ เมตร คุณไวกูณฑ์คาดการณ์ว่า ถ้าตนเอง ยังขับด้วยความเร็วเท่าเดิม จะต้องเข้าใกล้รถคันนั้นภายในพริบตา จึงรีบขับเปลี่ยนไปอยู่เลนขวาเพื่อที่จะแซง ปล่อยให้รถสิบล้ออยู่เลนซ้าย โดยไม่ได้ลดความเร็วแต่อย่างใด
ทันใดนั้นเอง รถบรรทุกได้แซงรถกะบะข้างหน้าออกมาทางเลนขวาอย่างกระทันหัน สุดวิสัยที่คุณไวกูณฑ์จะแก้ไขเหตุการณ์ ไม่ว่า จะชลอรถหรือเบรค ทำไม่ได้ทั้งสิ้น ในความเร็วขนาดดังกล่าว และระยะทางกระชั้นชิด ชนิดเห็นป้ายทะเบียนรถสิบล้อเข้ามาถึง กระจก ด้านหน้ารถของตนเอง
ในใจของคุณไวกูณฑ์ขณะนั้นนึกได้อยู่แต่ แม่เป็นอันดับแรก สิ่งถัดมาคือ หลวงพ่อสด และองค์พระมหาสิริราชธาตุ พร้อมทั้งคิดว่า ตนคงจะต้องตายแน่แล้ว เท้าเหยียบเบรคก็จริง แต่รถไม่ลดความเร็วลงเลย ยังคงวิ่งเต็มอัตราไปข้างหน้า คุณ ไวกูณฑ์จึงหลับตาลง เตรียมรอ ความตาย ส่วนในใจยังคงนึกถึงทั้ง ๓ อย่าง ขอนึกไว้เป็นที่พึ่งก่อนตาย
เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักที จึงลืมตาขึ้นดู รู้สึกงุนงงในเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะรถของตน ยังวิ่งอยู่บนถนน เหมือนปกติ ส่วนรถบรรทุกกลับไปวิ่งตามอยู่ข้างหลัง ในเลนเดียวกัน เมื่อควบคุมสติได้เป็นปกติ ก็เหยียบคันเร่งขับรถแล่นต่อไปข้างหน้า ให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งอัศจรรย์ใจจนพูดไม่ถูก รถเก๋งหายตัวผ่านรถสิบล้อ มาวิ่งอยู่ข้างหน้าได้อย่างไรกัน