คุณอริสรา วนะเจริญ อยู่ที่กรุงเทพฯ เล่าว่า
เธอได้มีโอกาส มาจุดประกายบนเส้นทางของการสร้างบารมี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมีน้องกัลยาณมิตร ได้นำวีดีโอประมวลภาพสาธุชน จากทั่วประเทศ มาร่วมกันทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาที่วัดพระธรรมกาย
จึงทำให้เธออยากมาสัมผัสบรรยากาศ แห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมภายในวัด แล้วอาทิตย์ถัดมา ทางวัดก็มีพิธีตอกเสาเข็ม ต้นสุดท้าย ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งในวันนั้น เธอมีความประทับใจในคำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก
หลังจาก นั้นเธอจึงมาวัดเป็นประจำโดยพาลูกๆ มาด้วย ส่วนสามีของคุณอริสรา ยังไม่เห็นด้วย เพราะได้ยินข่าวที่บิดเบือนต่างๆ แต่ก็ไม่ขัด ปล่อยให้คุณอริสราและลูกมากันเอง
พอดีทางวัด ได้จัดให้มีการบรรพชา อุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จย่า จึงให้ลูกชาย บวชเณร สามีของคุณอริสรา จึงมีโอกาส ได้มาร่วมงานบวช ของลูกเณรด้วย จากการที่ได้มาเห็น มาสัมผัสกับตัวเอง เห็นกับตาว่า ทุกคนที่ทำบุญที่วัดพระธรรมกาย ล้วนต่างมุ่งที่ สั่งสมบุญกุศล กันอย่างจริงจัง
และเห็นบรรยากาศของความปีติเบิกบาน ในบุญกุศลของสาธุชน ที่มาทำบุญ จนตนเองรู้สึก สัมผัสความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นได้ จึงได้ร่วม บุญกุศล สร้างพระธรรมกาย ประจำตัว จารึกชื่อตนเองทันที ๑ องค์
ตั้งแต่นั้นมา ครอบครัวของคุณอริสรา ก็มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะทุกคน ในบ้านมีทิฏฐิเสมอกัน ได้ร่วมสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ไว้หลายองค์ และ ได้รับพระมหาสิริราชธาตุ มาไว้บูชา คุณอริสราเองก็หมั่นสวดสรรเสริญมิได้ขาด เธอสั่งสมบุญทุกรูปแบบ
และในช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๔๒ ได้เปิดบ้านของตนเองเป็นบ้านกัลยาณมิตร ชักชวนญาติมิตรให้มาร่วมกัน สวดมนต์นั่งสมาธิ ปฏิบัติบูชาคุณ พระศรีรัตนตรัย ปัจจุบันที่บ้านของเธอมีสมาชิกมา ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วม ๒๐ คน
คุณอริสราบอกว่า ตอนเริ่มเปิดบ้านใหม่ สมาชิกยังมีไม่มาก แต่พอสวดมนต์อธิษฐานจิต แผ่เมตตา ความปรารถนาดีออกไป ก็เริ่มมีสมาชิก มาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเธอพบวิถีชีวิต ที่ประสบแต่ความสุข ก็ไม่ลืมที่จะเป็น กัลยาณมิตร กับญาติพี่น้องบุคคล อันเป็นที่รัก เมื่อตอนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านน้องสาวที่เชียงใหม่ และได้ไปเห็นหลานชายคือ ด.ช. พัฒนพงษ์ เจริญธรรม อายุ ๑๓ ปี ยังไม่มี พระมหาสิริราชธาตุ
ตนเองจึงได้ มอบพระมหาสิริราชธาตุรุ่นพิชิตมาร ให้กับหลาน และได้เล่าถึง อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ให้หลานและน้องสาว ได้ทราบ และให้หมั่นสวด สรรเสริญท่านทุกวัน จากนั้น ก็ได้ชวนหลานและน้องสาว มาร่วมงานวันคุ้มครองโลก ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่วัดพระธรรมกาย
เมื่อหลานชายได้รับพระมหาสิริราชธาตุมา ก็ได้สวดสรรเสริญเป็นประจำ ตามที่คุณอริสราบอก และได้เล่าถึงอานุภาพของ พระมหาสิริราช ธาตุ ที่ตนเองได้ประสบว่า
เมื่อประมาณ ๒ เดือนที่ผ่านมา ในเย็นวันหนึ่งระหว่าง ที่ทานข้าวเย็นกัน ในครอบครัว อาหารมื้อเย็นวันนั้น มีอาหารพิเศษที่ ด.ช. พัฒนพงษ์ ชอบมาก คือผัดเผ็ดปลา ด.ช.พัฒนพงษ์ จึงรับประทาน ด้วยความเอร็ดอร่อย อยู่ๆ ในระหว่างที่เคี้ยวอาหารอยู่นั้น ก็เกิดความรู้สึกเจ็บ ที่บริเวณลำคอมาก เหมือนกับมีอะไรมาบาดที่คอ
ด.ช.พัฒนพงษ์บอกว่า ตอนนั้นเจ็บมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จะทานข้าวต่อ ก็รู้สึกทานไม่ได้แล้ว เพราะเจ็บมาก คิดว่า คงเป็นก้างปลา หรือ อะไรเป็นแน่ ที่ติดอยู่ที่คอ จึงพยายามทานน้ำ เพื่อที่จะให้สิ่งที่ติดอยู่ในคอ หลุดออก แต่ก็ไม่ออก ทานข้าวเปล่าๆ แล้วกลืนโดยไม่เคี้ยว เพื่อ ให้สิ่งที่ติดอยู่นั้นหลุด แต่ก็ไม่หลุด พยายามทำทุกวิธี ก็ไม่คลายความรู้สึกเจ็บ ที่ลำคอได้
คุณแม่ของ ด.ช. พัฒนพงษ์ ก็เป็นห่วงลูก พยายามช่วยทุกวิธี ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงบอกให้ไปนอนพักก่อน เผื่ออาการจะดีขึ้น
ประมาณ ๔ ทุ่ม คุณแม่ก็เข้ามาหาที่ห้องนอน ระหว่างนั้น ด.ช. พัฒนพงษ์นอนพักอยู่ และได้ถามว่า เป็นอย่างไร อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง แต่ ด.ช.พัฒนพงษ์ บอกว่า ยังไม่ดีขึ้นเลย ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม คุณแม่นึกถึงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พี่สาวคือ คุณอริสรา ได้เล่าถึงอานุภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุให้ฟังว่า เวลามีทุกข์ภัยอะไร ก็ให้นึกถึงท่าน เป็นที่พึ่งที่ระลึก
เธอจึงนึกถึง พระมหาสิริราชธาตุ และบอกให้ลูกชายนำ พระมหาสิริราชธาตุ ที่คุณอริสรามอบให้ ทำน้ำมนต์ดื่ม ด.ช. พัฒนพงษ์ก็ทำตาม ที่คุณแม่แนะนำ โดยเอา พระมหาสิริราชธาตุ ไปใส่ในถ้วยน้ำ และมายืนที่หน้าหิ้งพระ และอธิษฐานจิตว่า ขอให้สิ่งที่ติดอยู่ในลำคอ จงหลุด ออกมา เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็ยกแก้วน้ำ จบเหนือหัว แล้วก็ดื่มจนหมดทั้งแก้ว จากนั้น ก็ล้มตัวลงนอนพัก
ด.ช.พัฒนพงษ์อธิบายว่า ภายหลังจากที่ผมล้มตัวลงสักระยะหนึ่ง ประมาณ ๒-๓ นาที ก็รู้สึกว่า ขมๆ ที่ลำคอ และความรู้สึกขมที่ลำคอ เพิ่มมากจนทนไม่ไหว จนในที่สุด ได้พุ่งสำรอกออกมาอย่างแรง แต่มือบังไว้ได้ทัน เพื่อไม่ให้เลอะบริเวณที่นอน แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ ภายหลัง จากที่สำรอกออกมานั้น ด.ช.พัฒนพงษ์ ก็ดูที่มือตนเอง ในขณะที่ปิดปากไว้ ระหว่างสำรอก
สิ่งที่เห็นคือเศษไม้สีดำๆ ยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร หลุดออกมา และที่อัศจรรย์ใจที่สุดคือ เมื่อสำรอกเศษไม้ออกมาแล้ว ความรู้สึกที่เจ็บคอ นั้น หายเป็นปลิดทิ้งไปทันที
ซึ่งทำให้ทั้งคุณแม่และด.ช.พัฒนพงษ์ดีใจมาก และศรัทธาเชื่อมั่นใน อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุมาก และได้รีบโทรศัพท์ มาเล่าให้ คุณอริสรา ที่อยู่ที่กรุงเทพฟัง ถึงอานุภาพที่ตนเองได้ประสบ
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ปัจจุบัน ด.ช.พัฒนพงษ์ สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุทุกวัน ไม่เคยขาด เพราะมีความเชื่อมั่น และ ศรัทธาว่า พระมหาสิริราชธาตุนี่แหละ ที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกของเขา ยามที่มีภัย และในคราวใด ที่ไม่สบายใจ ก็จะนึกถึงท่าน ซึ่งเสมือนมี ผู้ปกครอง ที่เป็นที่รัก คอยปกป้อง ดูแลอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่า อาการรับประทานอาหาร ผัดเผ็ดปลาของหลานชายคุณอริสรา แล้วเกิดเจ็บคอ กระทันหัน เหมือนของมีคมบาด ต้องทำน้ำมนต์ พระมหาสิริราชธาตุ อธิษฐานจิตขอให้หาย ดื่มแล้วจึงอาเจียนเอาเศษไม้ออกมา ทำให้หายเจ็บป่วยลงได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างประมาท ก็จะสามารถรักษาได้ เพราะการเจ็บป่วยทุกอย่าง มีสาเหตุแตกต่างกันออกไป
วิธีดีที่สุด ที่คนเราทุกคนควรกระทำ คือความไม่ประมาท อะไรที่จะเป็นสาเหตุ ทำให้เราเจ็บป่วยได้ และอยู่ในวิสัยที่พอหลีกเลี่ยงได้ เราก็ควรหลีกเลี่ยง
ตัวอย่างเช่น การบริโภคอาหารของคนยุคปัจจุบัน แทบทุกครอบครัว โดยเฉพาะชีวิตชาวเมือง พวกผู้ใหญ่ออกจากบ้าน ไปทำงานกันแต่ เช้าตรู่ เด็กๆ ก็ไปโรงเรียน กว่าจะพากันกลับมาถึงบ้าน ก็เป็นเวลาเย็น เวลาค่ำ การจะมีเงินจ้างแม่บ้าน ทำอาหารประจำวันไว้คอย สำหรับ ชีวิตคนธรรมดา ทำได้ยาก เพราะปัจจุบัน ค่าจ้างแรงงานสูงมาก
ดังนั้นแทบทุกบ้าน จึงนิยมซื้อกับข้าวที่ทำเสร็จแล้ว วางขายตามท้องตลาด มาบริโภค บางบ้านไม่รอบคอบนัก ก็เทจากถุงพลาสติกใส่ชาม แล้วรับประทานทันที บางบ้านนำมาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย แล้วจึงรับประทาน
การซื้อของที่ทำสำเร็จวางขายในตลาด เราไม่สามารถรู้ถึงความสะอาด ความประณีตในการปรุงอาหารเหล่านั้น ของแม่ค้าได้ ผักอาจจะ ไม่ถูกล้างด้วยน้ำเลย ซื้อมาถึง ก็หั่นแล้วเทใส่กระทะ หรือหม้อแกงทันที ในทำนองเดียวกับ อาหารเนื้อสัตว์ ซึ่งปัจจุบัน ทางผู้ขาย มักทำการหั่น เป็นชิ้นสำเร็จเรียบร้อย วางขาย ผู้ซื้อมาทำแกงขาย มักไม่นำมาล้างน้ำอีกครั้ง เกรงเสียรส ก็เทลงในภาชนะ สำหรับต้มแกงทันทีเหมือนกัน
อย่างรายหลานชายของคุณอริสรารายนี้ คงเป็นผัดเผ็ดปลาจาก ร้านแกงสำเร็จรูปดังกล่าว เวลาแม่ค้าทำปลา อาจมีเศษไม้จากเขียงปลา ปนอยู่ ยังโชคดีบางรายพบว่า มีตัวเบ็ดติดอยู่ในปากปลาด้วยซ้ำ
ครอบครัวที่ต้องอาศัยอาหารประเภทนี้ นอกจากเพิ่มความรอบคอบเช่น การอุ่นให้ร้อน การดูให้ถูกหลักโภชนาการแล้ว ควรสอนเด็กๆ ให้รู้จัก รับประทาน ด้วยความระมัดระวัง เช่น สำรวจดูกับข้าว ที่ตักมาใส่จานข้าวว่า มีสิ่งแปลกปลอมอะไรหรือไม่ อย่าให้รีบรับประทาน อย่าให้รีบ เคี้ยว อบรมสั่งสอนกันอยู่เสมอ จะเป็นเสมือนการฝึกให้มีสติไปในตัว หัดกันไว้ทุกๆ เรื่อง เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้น ก็จะกลายเป็น คนมีสติรอบคอบ ในทุกๆ เรื่องไปด้วย
คำว่าสติ นั้นโดยทั่วไปที่ทราบกัน หมายถึง ความระลึกได้ ที่ทำให้รู้ทัน ในอารมณ์ที่มากระทบ คำว่าอารมณ์ หมายถึง สิ่งที่มากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ทั้ง ๖ อย่าง การฝึกสติคือ ฝึกให้รู้ทัน ในสิ่งที่กล่าวแล้ว และยับยั้งจิต ไม่ให้ตกไปในอกุศล ให้ระลึก ในอารมณ์ที่เป็นกุศล อยู่เสมอ
ประโยชน์ของการฝึกสตินั้น ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น เมื่อทราบประโยชน์ดังนี้แล้ว เราก็ควรหมั่นฝึกสอน ให้แก่บุตรหลานของเราสืบไป