อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๒๑. อย่า ... ควักลูกตาฉัน

 

ชีวิตของคนเราเกิดมาแตกต่างกัน สุดแต่ว่าใครจะมีวิถีชีวิตแตกต่างกันอย่างไร บางคนร่ำรวยล้นฟ้า บางคนก็ฐานะปานกลาง บางคนก็ยากจนแสนเข็ญ ซึ่งเบื้องหลังที่ให้ทุกคน เป็นไปต่างๆ นานา ตามที่ตนได้ประกอบเหตุไว้ สิ่งนั้นคือ บุญบารมี สุดแต่ว่าใครเคยสั่งสมบุญบารมีมา มากแค่ไหน บุคคลที่เกิดมาร่ำรวยนั่นคือ แสดงว่าเขาได้บริจาคทาน มามาก ดังคำที่เราเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า ทานทำให้รวย ศีลทำให้สวย สมาธิทำให้ฉลาด 

คุณพรพิมล เดชประภัสสร เหมือนเช่นคุณพรพิมล เดชประภัสสร ที่เกิดมาแล้วไม่ขัดสนในชีวิต ทั้งยังสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และสามารถบริจาคทาน โดยไม่คิดตระหนี่ใน ทรัพย์ ถึงแม้จะไม่รวยล้นฟ้า แต่ก็สามารถอยู่ได้อย่างไม่อดอยาก และได้มีโอกาสสร้างบุญบารมีได้อย่างเต็มเปี่ยมทุกครั้ง

คุณพรพิมล ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ อ.เมือง จ.ยะลา รักในการทำบุญทำทาน ทุกครั้งที่มีพระอาจารย์จากวัดพระธรรมกายมาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมใน จ.ยะลา เธอจะต้องเป็น ต้นบุญ ในการถวายภัตตาหารให้พระภิกษุสงฆ์ และบางครั้งเมื่อทราบว่าท่านอาพาธ ก็จะรีบถวายยาให้ท่านฉัน ทุกครั้ง ที่นึกถึงบุญนี้ทีไร ก็เกิดความปีติสุขขึ้นมา อย่างบอกไม่ถูก 

คุณพรพิมลได้รู้จักผู้หญิงวัยกลางคนๆ หนึ่ง ซึ่งเธอได้เดินผ่านหน้าร้านคุณพรพิมลบ่อยๆ และมักจะหยุดยืนดูป้าย ที่หน้าร้านคุณพรพิมลอย่างสนใจ มีข้อความว่า จะมีการบูชา ข้าวพระ ที่ศูนย์ จ.ยะลา คุณพรพิมลจึงทักทาย และทราบว่าชื่อ คุณสำราญ ปิยะธานีกุล เป็นแม่บ้านช่วยงานร้านเถ้าแก่ อยู่บริเวณใกล้เคียงกับ บ้าน คุณพรพิมล โดยสารรถเมล์มา ทำงานจาก อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี มาลงที่ตลาด สด ทุกวัน เวลาคุณสำราญลงจากรถเมล์ ก็จะแวะมาคุยกับคุณพรพิมลบ่อยๆ 

พอนานวันเข้าทำให้เธอได้รู้จักพื้นฐานครอบครัว ของคุณสำราญดียิ่งขึ้น จึงได้ทราบว่าครอบครัวคุณสำราญ มีฐานะยาก จน มีหนี้สินล้นพ้นตัว เนื่องจากต้องกู้เงินส่งลูกเรียน หนังสือ จนเงินทบต้นทบดอก บางครั้งถึงเวลาลูกเปิดเทอม เงินไม่พอให้ค่าเทอมลูก ลำพังสองคนสามี-ภรรยา มีอาชีพรับจ้าง เงินเดือนไม่มากนัก บางช่วงก็ตกงาน คุณสำราญ รับจ้าง เป็นแม่บ้าน รายได้ วันละ ๑๓๐ บาท ส่วนคุณบุญเสริม (สามี) เป็นลูกจ้างรายวันที่สำนัก งานชลประทาน ไม่ได้เป็นลูกจ้างประจำ คุณสำราญ ปิยะธานีกุล

เมื่อนำรายได้ของทั้งสองคนมารวมกัน แทบ ไม่พอใช้หนี้ที่พอกพูนขึ้น ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้วแทบไม่พอกิน คุณพรพิมล ก็ให้หยิบยืมไปบ้าง และบอกว่า ยังไม่มีใช้ ก็ไม่เป็นไร ทำใจให้ผ่องใส ไม่ต้องเครียดเพราะเครียดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

จากวันนั้นก็ชวนคุณสำราญมาร่วมงานบวชอุบาสิกาแก้ว และยังชวนไปทำบุญบูชาข้าวพระอาทิตย์ต้นเดือน ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม จังหวัด ยะลา คิดว่าผลบุญนี้จะสะท้อน ให้ชีวิต ครอบครัวของคุณสำราญดีขึ้น 

อยู่มาวันหนึ่ง ในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ คุณสำราญรีบมาที่บ้าน เธอพูดไปร้องไห้ไป ด้วยความสงสารสามี และพูดอย่างทุกข์ใจว่า คุณหมอ บอกว่าอาการของพี่เขาหนักมาก เขาติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ดวงตา เป็นหนักมาก คุณหมอบอกต้องควักลูกตาออก และเล่า เหตุการณ์ ให้ฟังว่า สามีตัดหญ้าที่สนามสำนักงาน ขณะที่ใช้รถตัดหญ้าอยู่นั้น ใบพัด ก็หมุน สะบัดไปโดนเศษหิน กระเด็นเข้าตาข้างซ้าย ทำให้เขารู้สึกเจ็บ และเคืองตามาก จึงซื้อยามาหยอดตา คิดว่าคงเจ็บตาธรรมดาไม่กี่วันก็คงหาย 

เวลาผ่านไปสองวัน อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ยิ่งหนักกว่าเดิม เขาปวดตาจนนอนไม่หลับ น้ำตาไหลตลอดทั้งคืน คุณสำราญจึงส่องดูลูกตา ตกใจมากที่เห็นลูกตาดำเกือบเป็นสีขาว ทั้งหมด วันรุ่งขึ้นคุณสำราญรีบพาคุณบุญเสริมไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด เพื่อให้หมอตรวจอาการ 

พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอรีบบอกว่าให้คนเจ็บนอนที่โรงพยาบาลในคืนนั้นเลย เพื่อตรวจเช็คดวงตาอย่างละเอียด สองสัปดาห์ผ่านไปอาการยังไม่ดีขึ้น กลับแย่ลงกว่าเดิม ดวงตาอักเสบมากขึ้นทุกวัน รอบดวงตาเป็นสีเขียวช้ำ น้ำหนองไหลเยิ้มตลอดเวลา พยาบาลต้องมาเช็ดทุกๆ ชั่วโมง พอลูกๆ มาเยี่ยมอาการของคุณพ่อ มองดูใบหน้าของคุณพ่อ ที่ดวงตาอักเสบ เจ็บปวดทรมาน และหมอยังบอกว่า ถึงกับต้องควักลูกตาออก แต่ไม่บอกให้คนไข้ทราบยังปิดเป็นความลับ

 แม่-ลูกเต็มไปด้วยความทุกข์ใจสุดที่จะกลั้นความรู้สึกนั้นออกมาได้ ลูกสาวพูดอย่างตัดพ้อ และน้อยใจกับคุณแม่ว่า ทำไมต้องมาเป็นพ่อเรา พ่อก็ลำบากมาตลอดชีวิตแล้ว ส่งลูกเรียนหนังสือ ก็เหนื่อยยากเต็มที วันนี้แทนที่พ่อจะสบาย กลับต้องมาเป็นอย่างนี้ ต้องถูกควักลูกตาทิ้งไป พูดจบแม่-ลูกก็กอดคอกันร้องไห้ ทุกข์ใจกับโชคชะตา ที่ซัดกระหน่ำ ชีวิต ของคุณพ่อ ผู้มีพระคุณต่อลูก เป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของลูก ต้องมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ 

หลังจากวันที่เกิดเหตุการณ์จวบจนวันนี้ ได้ล่วงเลยมาถึง ๒๗ วัน คุณพรพิมลนั่งฟังคุณสำราญเล่าเรื่องราวแล้ว รู้สึกใจหายวาบ นี่เป็นเคราะห์กรรมอะไรของเขานะ ยากจนอยู่แล้ว ก็ยังต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ คุณสำราญบอกว่าเคยแอบเห็นสามีลองเอามือปิดตาข้างหนึ่งดู แล้วก็ทอดถอนใจ และแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ความรู้สึกของคนที่ดวงตาเคยดีๆ อยู่ กลับกลายเป็นต้องเสียไปข้างหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ทรมานไม่อาจอธิบายให้ใครรับรู้ได้ แต่คุณสำราญ และลูกสาวเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อดี 

คุณสำราญไม่รู้จะไประบายความรู้สึกนี้ให้ใครฟัง นึกถึงคุณพรพิมลผู้ที่เคยมีบุญคุณกันมาก่อน จึงแวะมาหาเพื่อพูดคุยเรื่องราวให้ฟัง

พอคุณพรพิมลได้ทราบเรื่องราวแล้ว ก็นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุขึ้นมาทันที เพราะเคยอ่านหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ เคยช่วยคนให้หายป่วยได้ คืนนั้น เธอจึงรีบสวดมนต์ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ ๓ จบ โดยแช่องค์พระมหาสิริราชธาตุไว้ในแก้วน้ำ นั่งสมาธินึกน้อมถึงคุณพระรัตนตรัย ขอบุญบารมีของท่าน ช่วยให้คนเจ็บ หาย และบรรจุ น้ำลงขวดเพื่อเตรียมไว้ให้คนเจ็บ

วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด พร้อมกับน้ำพุทธมนต์ และองค์พระมหาสิริราชธาตุ (พิชิตมาร) พอไปถึงก็รีบนำพระพิชิตมารออกมาบอกคุณบุญเสริมว่า พระพิชิตมารองค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ ควรไว้กับตัวตลอดเวลา ระหว่างนี้ควรทำใจให้ผ่องใส เราต้องคิดว่าชาติก่อน เราเคยทำบาปทำกรรมไว้ ชาตินี้ขอให้บรรเทาเบาบางลง ไม่ต้องคิดอะไรมาก ท่องสัมมา อะระหังๆ และนึกถึงองค์พระที่คล้องคอไว้ ขอให้ท่านมาช่วยเราให้หายนะ ถ้าหายแล้วเราจะได้ไปกราบหลวงพ่อที่วัดพระธรรมกายด้วยกันนะ

คุณบุญเสริม (สามี) ที่รอดพ้นจากการถูกควักลูกตา คุณบุญเสริมพนมมือรับพระมาคล้องไว้ที่คอ ใบหน้าสดชื่นขึ้น เหมือนกับว่าได้พบทางสว่าง และที่พึ่งในชีวิต แล้วคุณพรพิมล ได้นำน้ำพุทธมนต์ ในขวดออกมาให้เขาดื่ม และพรมเช็ดตามใบหน้าตามตัว จากนั้นเธอก็ขอตัวกลับบ้าน พร้อมกับตรึกระลึกถึง บุญกุศลที่ได้สร้างมา แล้วอธิษฐาน จิต และนึกแผ่เมตตา ให้คุณบุญเสริมหายเจ็บตาเร็วๆ การช่วยให้คุณบุญเสริมอยู่ในบุญ ให้นึกถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในยามคับขันเช่นนี้ ถือว่าเป็นกุศลอย่างยิ่ง

คุณพรพิมลไม่ได้ไปเยี่ยมคุณบุญเสริม เป็นเวลานาน ๑๐ กว่าวัน และไม่ได้ทราบข่าวเลย แต่ก็ยังอธิษฐานจิต ขอให้องค์พระคุ้มครอง ให้เขา หายป่วยโดยเร็วพลัน

วันหนึ่งคุณสำราญก็มาหาที่บ้านด้วยใบหน้าที่แจ่มใส พูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วสบายใจไม่เหมือนวันแรกที่มาด้วยจิตใจที่เศร้าหมอง น้ำตานองหน้า คุณสำราญพูดว่า พี่ๆ โชคดีจัง คุณหมอ บอกว่า ทำไมหายเร็วจัง อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้แล้ว และจะให้ยาหยอดตาไปหยอดที่บ้าน คุณหมอยังพูดอีกนะว่า การควบคุมดูแลให้ผลดีมาก นี่ดีนะที่ไม่เป็นโรค เบาหวาน ไม่เช่นนั้นเชื้ออาจเข้าตาทั้งสองข้างได้ เป็นคนไข้ที่หายเร็วมาก น่าแปลกจริงๆ 

คุณสำราญเล่าต่ออีกว่าอาการเจ็บตาต่างจากครั้งแรกมาก ดวงตาที่เคยอักเสบ ติดเชื้ออย่างแรง มีน้ำหนองไหลตลอดเวลาจนเขารำคาญ และเครียดมาก คุณหมอที่เชี่ยวชาญ ทางด้านจักษุลงความเห็นว่าต้องควักลูกตาทิ้งไป เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อลุกลาม แผลที่อักเสบตอนแรกทำท่าว่าจะไม่หาย ต้องเปลี่ยนตัวยาใหม่ตลอด แต่ด้วยอำนาจคุณ พระรัตน ตรัย ที่ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่ง สวดมนต์บูชาพุทธคุณ และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุทุกวัน ดลบันดาลให้อำนาจอันบริสุทธิ์เอาชนะโรคภัยนี้ให้บรรเทาเบาบางลงได้ 

ระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล คุณสำราญบอกว่าหลังจากที่เธอได้รับหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุจากคุณพรพิมล ก็ได้สวดสรรเสริญคุณท่าน และสวดมนต์ ส่วนสามีนั้น ให้เขาท่อง สัมมา อะระหัง ตลอดเวลา และเก็บหนังสือไว้ใต้หมอนทุกคืนครอบครัวของคุณบุญเสริมทุกคนเชื่อมั่นในบุญ และคุณของพระรัตนตรัยที่ทำให้เขาหาย จากการโดน ควักลูกตาอย่างอัศจรรย์ 

คุณบุญเสริมและครอบครัวต่างก็ตระหนักในอานุภาพบุญครั้งนี้ หมั่นสวดมนต์ทุกวันโดยคุณพรพิมลได้ส่งเทปธรรมะ และคอยสลับสับเปลี่ยนเทปธรรมะ ให้พวกเขาได้อยู่ในบุญ ตลอดเวลา คุณบุญเสริมซึ่งแต่ก่อนไม่ค่อยได้สวดมนต์ หลังจากที่เขาได้ประสบอานุภาพบุญ จึงเกิดความตระหนัก และพยายามสวดมนต์พร้อมกับภรรยาทุกวันมิได้ขาด 

ปัจจุบันเขากลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณสำราญได้แวะมาบอกอาการสามีให้ฟังว่า ตอนนี้เขายังปิดดวงตาไว้อยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้าตา และใช้ยาหยอดรักษาดวงตา เริ่มมองเห็นลางๆ ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างหน้า แผลแห้งสนิทแล้ว ไม่มีอาการปวดหลงเหลืออยู่เลย และลูกตาดำที่เป็นสีขาวนั้น คุณหมอก็คอยติดตามผลอยู่ อีก ๒ เดือนหมอ จะให้เข้ารับ การผ่าตัดลอกหนังตาออกที่กรุงเทพฯ 

คุณสำราญยังบอกว่าในโอกาสนี้ถ้าหากหมอผ่าตัดดวงตาเสร็จเรียบร้อย เธอและสามีจะเข้ามากราบพระธรรมกายที่มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต

นอกจากนี้ทั้งครอบครัวยังเกิดศรัทธา และคิดว่าหากเขาสามารถรวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่ง เขาจะนำเงินก้อนแรกนี้ถวายสร้างพระธรรมกาย เพื่อประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์ อย่างแน่นอน เพราะเขาตระหนักถึงบุญนี้ว่า เป็นบุญใหญ่ ถึงแม้จะขัดสนเงินทอง เพราะเป็นครอบครัวที่มีรายได้น้อย และรับภาระสูง แต่ถึงกระนั้น เขาจะอดออมเงิน พยายาม เก็บหอมรอมริบ เงินที่ได้มาแต่เพียงเล็กน้อย จะสะสมหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะเป็นครอบครัวหนึ่ง ที่มีชื่ออยู่ใต้ฐานพระ ประดิษฐานอยู่ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ ลูกหลาน ได้กราบไหว้ไปจวบพันปี

เปิดบ้านกัลยาณมิตร

เรื่องที่คุณพรพิมล เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวคุณสำราญ ว่าสามีคุณสำราญได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตาอย่างรุนแรง กระทั่งแพทย์แอบบอกภรรยาและลูกของผู้ป่วยว่า อาจต้องยอมเสียดวงตาข้างที่อักเสบจนเป็นหนองของผู้ป่วย เพื่อไม่ให้ติดเชื้อลุกลาม

แต่แล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นดังที่เล่าไว้ ซึ่งแต่ถ้าจะวินิจฉัยในเชิงวิชาการ ในยามร่างกายเจ็บป่วย ไม่ว่าเป็นโรคใดๆ ก็ตาม การรักษาด้วยยาต่างๆ ทางการแพทย์ไม่ว่า แผน ปัจจุบันหรือแผนโบราณ เป็นเพียงช่วยยับยั้งไม่ให้ความเจ็บป่วย หรือเชื้อโรคแพร่ขยายลุกลาม

ส่วนการรักษาที่ได้ผลแท้จริงคือการที่ร่างกายของผู้ป่วยสร้างเซลล์ แข็งแรงมีกำลังต่อสู้ความเจ็บป่วยนั้นขึ้นมาด้วยตนเอง การปรับตนเองของร่างกาย ให้สู้กับความเจ็บป่วยได้ มีอุปกรณ์ช่วยเหลือหลายอย่างเช่น วิธีรักษาที่ถูกต้องของแพทย์ ยา อาหาร สถานที่อยู่อาศัยถูกสุขอนามัย

ที่ประการสำคัญที่สุดคือกำลังใจ สิ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจ ได้อย่างยอดเยี่ยมเต็มที่ที่สุด คือพลังของความศรัทธา ศรัทธาเป็นความเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีงามถูกต้อง เมื่อมีเต็มเปี่ยม ในหัวใจ ของผู้ใด สามารถสร้างเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมาเสมอ


[สารบัญ] [๔๑๖] [๔๑๗] [๔๑๘] [๔๑๙] [๔๒๐] [๔๒๑]