มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ที่ประดิษฐานกายของผู้รู้



การสร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ที่ประดิษฐานผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนี้
เป็นสิ่งที่สำคัญและยิ่งใหญ่
เพราะถ้าไม่มีท่านผู้นี้บังเกิดขึ้นในโลก ไม่มีท่านผู้นี้สละชีวิต
เพื่อค้นพบวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่สูญหายไปถึง 1,000 ปี
หลังจากพุทธปรินิพพานได้ 500 ปี มีแต่ปรากฏชื่อธรรมกายอยู่แต่ในคัมภีร์พระศาสนา
ในทุกนิกาย ทั้งเถรวาท มหายาน วัชรยาน เป็นต้น
แต่จะไม่มีใครได้รู้จักเนื้อแท้ตัวจริงของคำว่าธรรมกาย
ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ตั้งอยู่ที่ไหน ใครเข้าถึงได้บ้าง จะเข้าถึงได้อย่างไร
จะไม่มีใครได้รู้จักเลยจนกระทั่งท่านผู้นี้บังเกิดขึ้นในโลก
สิ่งนี้จึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

การกลับมาของธรรมกาย ก็เท่ากับการนำมวลมนุษยชาติกลับคืนไปสู่ความบริสุทธิ์
หรือนำความบริสุทธิ์ ปัญญาบริสุทธิ์ กลับคืนไปสู่มวลมนุษยชาติ
เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว ความลับของชีวิตของตนเองก็จะถูกเปิดเผยออกมา
ด้วยญาณทัศนะและธรรมจักขุของธรรมกาย
อิสรภาพที่แท้จริงที่มนุษย์แสวงหานั้นจะถูกเปิดเผยออกมาจากที่ซ่อนเร้นภายใน
ความผาสุกก็จะหวนคืนมาสู่มวลมนุษยชาติ ความเป็นพี่เป็นน้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปันก็จะเกิดขึ้น
เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกลับคืนมาใหม่ โลกก็จะเกิดสันติสุขอันไพบูลย์
สันติภาพที่แท้จริงที่มวลมนุษยชาติแสวงหาก็จะเกิดขึ้นเมื่อเข้าถึงธรรมกาย

ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จึงเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่กว่าบุคคลสำคัญของโลกใดๆ
ที่บังเกิดขึ้นมานับจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย

เพราะฉะนั้น การสร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี
มิได้เป็นเพียงถาวรวัตถุหรืออาคารธรรมดาที่เห็นกันอยู่ดาดดื่นทั่วไปเท่านั้น
แต่เป็นถาวรวัตถุที่ประดิษฐานกายของผู้รู้
คือพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

1 กรกฎาคม พ.ศ. 2544


ที่มา : หนังสือ "รัตนวจี สดุดีมหาปูชนียาจารย์"