ภาคผนวก
อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ

 

p33-172.jpg (9803 bytes)

 

หนังสือต้นกำเนิดของหนังสือ
"
พุทธธรรม"
และหนังสือเล่มนี้   ได้แอบอ้างว่า
เป็นคำเทศนาของพระพุทธทาสแห่งสวนโมกข์

 

หลักฐานที่ยืนยันว่า
ไม่มีวิชา "ศีลธรรม" ในหลักสูตรพระพุทธศาสนา
ในสมัย
นายบุญสม มาร์ติน
เป็น รมว.ศึกษาธิการ ปี พ.ศ.๒๕๒๑

 

หลักฐานยืนยันว่า
มีการพิมพ์หนังสือ "พุทธธรรมฉบับ ๒๐๖ หน้า
โดยกรมการศาสนาในปี พ.ศ.๒๕๒๔

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ไม่มีการปลอมปนในเนื้อหา
และไม่มีการอ้างอิงลงในฉบับ ๑,๔๑๖ หน้า
ในหนังสือ "พุทธธรรม" ทุกเล่ม ที่จัดพิมพ์ในเวลาต่อมา

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หนังสือ "พุทธธรรม" (ฉบับ ๒๐๖ หน้า) เล่มนี้
พิมพ์เป็นครั้งที่ ๕ (ปี พ.ศ.๒๕๒๖)
มีการเพิ่มเติมเนื้อหาบ้างแล้ว (โดยมิได้บิดเบือน)
การพิมพ์ ทุกครั้งที่แสดงไว้ตามนี้ ไม่มีการอ้างถึงไว้ในฉบับปลอมปน ๑,๔๑๖ หน้าเลย

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

แสดงให้เห็นเจตนาของผู้พิมพ์
ที่อ้างอิงโดยให้เกิดความสับสนในหนังสือ "พุทธธรรม" ฉบับ ๑๔๑๖ หน้า ทั้ง ๒ เล่ม
ที่ไม่มีการอ้างอิงถึงฉบับ ๒๐๖ หน้า (ซึ่งพิมพ์ก่อนหน้านี้)

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ฉบับล่าสุด พิมพ์ครั้งที่ ๗
ก็ปลอมปนและไม่มีการอ้างอิงการพิมพ์ฉบับ ๒๐๖ หน้า เช่นเดียวกัน
(โปรดพิจารณาถึงความสับสนกันเอาเอง)

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หนังสือยืนยันว่า
นายระวี ภาวิไล เกี่ยวข้องกับ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)
โดยร่วมกันทำหนังสือ "พุทธธรรม" ฉบับปลอมปนพระสัทธรรม (หนังสือ "พุทธธรรม" ฉบับ ๑,๔๑๖ หน้า)

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

เอกสารยืนยันความเร่งด่วนของ พรบ.การศึกษาแห่งชาติฯ
ที่ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน
โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณา

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

การแก้ไข พรบ.ราชบัณฑิตยสถาน
(เพิ่มอำนาจให้สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการได้เอง)

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

นายกีรติ บุญเจือ (คริสเตียน)
ผู้แต่งพระไตรปิฎกฉบับชาวคริสต์ ร่วมเป็นกรรมการแก้ไขศัพท์พระพุทธศาสนา
คำว่า สมาธิ ในการประชุมครั้งนี้

โปรดสังเกต พระธรรมปิฎกโจมตีคำว่า "สมาธิ"
ตลอดมาว่าเป็น "ยากล่อม"
(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ความผิดปกติในการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม
มีการแต่งตั้งบุคคลที่เป็นคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ?

โปรดสังเกต นายประเวศ วะสี เป็นคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
และ ๒ คนที่ได้รับการแต่งตั้งตามประกาศนี้
ล้วนมีความสัมพันธ์กับ พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต)
หมายเหตุ นายนิเชต สุนทรพิทักษ์ เป็นผู้เสนอชื่อ
พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต) ให้ได้รับรางวัลสันติภาพ UNESCO

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

เอกสารยืนยัน นายนิเชต สุนทรพิทักษ์ เป็นประธานกรรมการ
กองทุนการศึกษาเพื่อสันติภาพ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)
หมายเหตุ ในปี ๒๕๓๘-๒๕๔๒ นายนิเชต สุนทรพิทักษ์ เป็นวุฒิสภาด้วย
จึงทำให้เข้าใจขั้นตอนการพิจารณากฎหมายของวุฒิสภาได้เป็นอย่างดี

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

นายนิเชต สุนทรพิทักษ์ เมื่อครั้งเป็น อธิบดีกรมการฝึกหัดครู(พ.ศ.๒๕๓๗)
คือผู้เสนอชื่อ พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต)
รับรางวัลสันติภาพ UNESCO (ทราบจากเนื้อหาในหนังสือ)
รายละเอียดของหนังสือดังกล่าวนี้แสดงประวัติความเป็นมาของ
รางวัลสันติภาพ UNESCO และผู้เกี่ยวข้องในการเสนอชื่อพระธรรมปิฎก

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ความผิดปกติภายในหนังสือเล่มนี้
จัดทำการอ้างอิงคล้ายกับ พระไตรปิฎก
หรือคัมภีร์ไบเบิลของคริสเตียน โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์
ข้อสังเกต หน้าปกแจ้งว่าผู้แต่งคือพระธรรมปิฎก แต่ภายใน
กลับทำโดยนายธรรมเกียรติ กันอริ กับพวกสมาชิกมูลนิธิโกมลคีมทอง

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หนังสือนี้ใช้ประกอบการศึกษา จัดพิมพ์โดย กรมวิชาการ
กระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้งบประมาณหลวง
สิ่งสังเกต พิมพ์เผยแพร่ถึง ๕๑,๐๐๐ เล่ม
เนื้อหาภายใน ส่วนใหญ่เป็น "สัทธรรมปฏิรูป"
เขียนโดย พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

เอกสารพิสูจน์ การสร้างสถานการณ์ทำลายพระพุทธศาสนา
และพระยันตระ (วินัย อมโรภิกขุ) เป็นความเท็จ (ปีพ.ศ.๒๕๓๘)

เพราะใส่ความว่า พระยันตระ มีบุตรีขณะเป็นพระ แต่สูติบัตร
ปรากฏว่าบิดาของเด็กนั้น มิได้เป็นพระยันตระตามที่ถูกใส่ความ

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ผังการปกครองคณะสงฆ์ฉบับใหม่ นำเสนอโดย
พระศรีปริยัติโมลี โดยใช้ "อุดมธรรม" คือ "นิพพาน"
ซึ่งตรงกับความเห็นของพระธรรมปิฎก

จุดสังเกต คำว่า "นิพพาน" เป็นเพียงคำอธิบาย "อุดมธรรม"
ซึ่งมิใช่ความหมายในพระพุทธศาสนา

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หนังสือหลักฐานยืนยันว่า "อุดมธรรม" เป็นของคริสเตียน
เป็นตำราใช้สอนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ซึ่ง นายเสรี พงศ์พิศเป็นอาจารย์ผู้สอน

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หนังสือ "ศาสนาคริสต์" แต่งโดย นายเสรี พงศ์พิศ
ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของมูลนิธิโกมลคีมทอง(ปรากฏใน "ปาจารยสาร")

เรื่อง "อุดมธรรม" มีเนื้อหาสาระตรงกับความหมายที่
พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต) ชี้นำว่า "อุดมธรรม" คือ "นิพพาน"

(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

หลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ของขบวนการ
(กรุณาดูภาพจากหนังสือ เพื่อความชัดเจน)

 

ข้อพิสูจน์การปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช
เพื่อสร้างสถานการณ์ทำลายคณะสงฆ์ในปี พ.ศ.๒๕๔๒

สังเกตที่ตัว "" ที่ลงพระนาม

- ของจริง จะขมวดกลม เพราะเจ้าของพระนามจะขมวดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

- ของปลอม จะเป็นมุมแหลมขยัก เพราะไม่สามารถขมวดหนเดียวได้ เพราะไม่ใช่ลายเซ็นต์ของตนเอง จึงมีลักษณะขยักเป็นช่วงๆ เห็นชัดตลอดทั้งพระนาม

คำถามจึงอยู่ที่ว่า

"ใครคือผู้ปลอมพระนาม, และพระลิขิต"???

ข้อพิสูจน์การปลอมแปลงพระลิขิต โดยใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ ปี พ.ศ.๒๕๔๒
(โปรดสังเกตที่มาของเอกสาร บริเวณเหนือตราประทับ))

เอกสารที่อ้างว่าเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ขอให้ดูเทียบกับลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชฯจริง และสังเกตที่ตราประทับ จะสังเกตเห็นเป็นรอยตัดแปะ แล้วนำมาเข้า เครื่องโทรสาร อยากจะถามท่านผู้อ่านว่า ท่านเชื่อหรือไม่ว่า นี่คือลายมือของคนคนเดียวกัน ลายมือใคร??? ใครทำ??? (โปรดสังเกตที่มาของเอกสาร)

วันที่ 1 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "พิมพ์ไทย" ได้ไปสังเกตการณ์ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และตามที่สื่อมวลชน ระบุว่า เป็นพระบัญชา มีผลทำให้ เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ปาราชิกนั้น ปรากฏว่า จากการเปิดเผยของ พระราชรัตนมงคล เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยืนยันว่า หากเป็นพระบัญชาของสมเด็จ จะต้องผ่านทางเลขานุการสมเด็จฯ อาตมามีหน้าที่รับผิดชอบ ยังไม่เคยเห็น และไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น

"กูไม่รู้ กูไม่เห็น พระลิขิตอะไรทั้งสิ้น นักข่าวโทรศัพท์มาหากูหลาย ครั้ง ทั้งกลางวันกลางคืน ถามแต่เรื่องพระลิขิต กูไม่รู้ และไม่อยากจะพูดอีกแล้ว" พระราชรัตนมงคล กล่าวหลังถูกผู้สื่อข่าวพยายามซักถามถึงข้อเท็จจริงอยู่หลายครั้ง

หากเลขาสมเด็จพระสังฆราชทำหนังสือ 258/2542 ลงวันที่ 29 เมษายน 2542 จริง ท่านจะกล่าวเท็จเพื่ออะไร ว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นพระลิขิต (สัมภาษณ์วันที่ 1 พฤษภาคม ห่างกัน 3 วันที่หนังสือออก) คำถามอยู่ที่ว่า ใครทำหนังสือนั้น และลงนามแทนท่านเพื่ออะไร? ต้องการให้พระลิขิตเป็นของจริงและมีผลบังคับใช่หรือไม่?

      เอกสารนี้สำคัญที่สุดในทางกฎหมาย ปลอมเพื่อแจกจ่าย "พระลิขิต"    

เอกสารนี้ปลอมเพื่อแจกจ่าย "พระลิขิต" ฉบับแรก เพราะพระราชรัตนมงคลไม่รู้เรื่อง ให้สัมภาษณ์ว่า "กูไม่รู้เรื่อง...ไม่เคยเห็นพระลิขิต" เหตุใดจึงมีเอกสารนี้ออกไป และเป็นไปได้อย่างไรที่เอกสารราชการไม่มีการตรวจทานความถูกต้อง ขณะเดียวกันอธิบดีกรมการศาสนาก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องเช่นกัน (1 พ.ค. 42) ข้อสังเกตในเอกสารปลอมฉบับนี้

1.ประโยคที่ว่า "สมเด็จพระสังฆราช... มีพระวินิจฉัย" คำว่า "มีพระวินิจฉัย" จะไม่ใช้ กับสมเด็จพระสังฆราชฯ จะต้องใช้คำว่า "ทรงมีพระวินิจฉัย" ถึงจะถูกต้อง ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่เอกสารสำคัญที่ออกจากสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทำงานด้านเอกสารโดยเฉพาะจะผิดพลาดในคำนี้

2. คำว่า "บิดเบือนพระพุทธธรรมคำทรงสอน" ในเอกสารราชการจะใช้คำว่า "พระธรรมวินัย" ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่า เป็นการยัดเยียดแทนคำว่าพระธรรมวินัย คำว่า "พุทธธรรม" เป็นคำที่พระธรรมปิฎกพยายามใช้แทนคำว่า "พระธรรมวินัย และพระสัทธรรม"

3. - ในเอกสารคำว่า "มีรายละเอียดตามที่เจ้ง" พิมพ์ผิด ต้องเป็นคำว่า "มีรายละเอียดตามที่แจ้ง"

- ในเอกสารคำว่า "เอกสารพระของสมเด็จพระสังฆราช" เป็นการพิมพ์ตก ต้องเป็นคำว่า "เอกสารพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช"

ทั้ง ๒ แห่งนี้ เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่เอกสารสำคัญที่ออกจากสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชจะไม่มีการตรวจทานคำผิด

4.ในย่อหน้าที่สอง มีคำว่า "และแจกออกเผยแพร่เอกสารดังกล่าว" เป็นการกระทำอันละเมิดต่อ "ระเบียบการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.2517 (ว่าด้วยเอกสารทางราชการ) ดังที่กระผมได้อธิบายไว้แล้วในหนังสือเล่มนี้เรื่อง "ลิขิตนี้ท่านได้แต่ใดมา?" หัวข้อในด้านกฎหมายและพฤติกรรม ข้อที่ 4

5.ลายเซ็นของพระราชรัตนมงคลในเอกสารฉบับนี้ เป็นลายเซ็นปลอม สังเกตจากตัวอักษร "" ตัวแรก และตรงอักษรตัวสุดท้ายซึ่งลากผิดด้าน (ดูเปรียบเทียบกับลายเซ็นจริงได้ที่หน้า 112)

                            บทสรุปและคำถามของชาวพุทธ                          

หลักฐานจากธนาคาร แสดงการโอนเงินเข้าสู่บัญชีส่วนตัว ของเจัาหน้าที่กรมการศาสนา ก่อนมีการสร้างเหตุการณ์ ทำลายพระราชาคณะ   องค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย วัด และพระภิกษุสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา ที่สอนวิชา "สมาธิจิต" ตามพระไตรปิฎกเถรวาท

โปรดสังเกตว่า หลังโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว เจ้าของบัญชีนั้น ได้ปิดบัญชีทันที เพราะเหตุใด และเงินนั้นจ่ายค่าอะไร เจ้าหน้าที่กรมกราศาสนาผู้นี้ ทำธุรกิจอะไร

จะเห็นว่า จำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีนั้น รวมทั้งสิ้น ๒๐๙,๕๓๒,๙๔๒.๕๑ บาท ถูกโอนเข้ามาโดยใคร? นำไปใช้เรื่องอะไร? สมควรหรือไม่ที่เจ้าพนักงานจะใช้อำนาจตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.๒๕๔๒ ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน

คำถามก็คือ
ท่านคิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่?
คนโอนเงินนับถือศาสนาพุทธหรือเปล่า?
 


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)