"ล้มพระพุทธศาสนา" จัดทำพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูป |
|
การกลืนพระพุทธศาสนานั้น แม้ว่าจะสามารถปรับแปลงความหมายของ "นิพพาน" อันเปรียบเสมือนการหักยอดพระเจดีย์ของพระพุทธศาสนาแล้วก็ตาม พุทธบริษัทก็ยังสามารถที่จะค้นคว้าได้จากพระไตรปิฎกซึ่งเป็นที่บรรจุพระธรรมวินัยอันเป็นพระพุทธวจนะ อันเป็นหลักของพระพุทธศาสนา ดังนั้นการที่จะกลืนพระพุทธศาสนาให้ได้อย่างถาวรนั้น ก็คือการทำให้คลาดเคลื่อนจาก และตัดต่อข้อความอันเป็นพระสัทธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียใหม่ เพื่อให้ผู้ศึกษาในพุทธศาสนารุ่นหลังโดยเฉพาะนักศึกษาที่อยู่ในสถานอุดมศึกษา ที่จะต้องใช้ในการเขียนวิทยานิพนธ์ใช้อ้างอิงนั้น วิปริตบิดเบือนไปจากธรรมวินัยที่แท้จริง ฉะนั้นการเปลี่ยนตัวพระพุทธศาสนาทั้งศาสนาให้ได้ก็คือการทำลายพระไตรปิฎกเท่านั้นจึงจะได้ผล ๑๐๐% ในการทำลายพระไตรปิฎกเถรวาทนั้น ผู้ที่จะกระทำให้ได้ผลนั้น ย่อมไม่มีผู้ใดอันอยู่ในสถานะที่ดีกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเอง ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมด้วย ปรากฏหลักฐานข้อพิสูจน์ว่าได้มีการจัดทำ "สัทธรรมปฏิรูป" ได้สำเร็จ แล้ว และกำลังแพร่เชื้อไวรัสศาสนาเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาทั่วโลก โดยอาศัยสถาบันอุดมศึกษาดังได้กล่าวแล้ว โดยขบวนการล้มพุทธซึ่งมีทั้งบาทหลวง โรมันคาทอลิค และพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเอง รวมทั้งกลุ่มบุคลากร นักการเมืองอาศัยอำนาจและอิทธิพลการเมือง ร่วมกันดำเนินการสร้างขึ้น เพื่อกลืนศาสนาตามคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ในข้อ 10:24 ซึ่งมีว่า "ให้วาติกันหาผู้เชี่ยวชาญ ไปจัดการเปลี่ยนแปลงพระไตรปิฎก คัมภีร์ในพระพุทธศาสนา ให้มาเป็นคริสต์ศาสนา"
สำหรับผู้จัดทำ "สัทธรรมปฏิรูป" ตามคำสั่งวาติกัน โดยทำหน้าที่ ทำให้คลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกบาลีเถรวาททั้งฉบับนั้น เป็นพระราชาคณะในพระพุทธศาสนานามว่า พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ซึ่งถูกจัดให้เข้าทำหน้าที่นี้ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนสำเร็จ เพื่อความเข้าใจกระจ่างในส่วนนี้ จึงขอเล่าถึงเหตุและปัจจัยในความเป็นมาของเรื่องนี้ซึ่งออกจะซับซ้อนอยู่สักหน่อย จากหลักฐาน (ดูภาคผนวก)
จึงทราบว่า เมื่อวันที่ ๒๕
พ.ค.๒๕๒๕ วิทยาลัยแสงธรรม
(วิทยาลัยผลิตสามเณร
และบาทหลวงของคริสเตียน
ซึ่งขึ้นตรงกับสำนักวาติกัน)
ได้มีการประชุมเรื่องการก่อตั้ง
"ศูนย์ศาสนสัมพันธ์"
ตามคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2
โดยทางวาติกันได้มอบเงินทุนให้มาดำเนินการ
โดยมีวัตถุประสงค์เน้นหนักในการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา
เพื่อเป็นศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งด้านวิชาการและด้านปฏิบัติ
ทั้งให้จัดทำศูนย์รวมข้อมูลด้วยอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ
เช่น Computer MicroFilm เป็นต้น เนื่องจากองค์กรคริสเตียน
เป็น
ผู้สนับสนุนมูลนิธิโกมลคีมทอง
(ตามคำสัมภาษณ์ของนาย ส.ศิวรักษ์)
ฉะนั้นจึงได้มีการวิเคราะห์ว่า
หากจะให้ "พระไตรปิฎก
ฉบับสัทธรรมปฏิรูป
(ทำให้คลาดเคลื่อน)"
ได้รับการยอมรับในหมู่นักวิชาการนั้น
จะต้องใช้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐเป็นผู้จัดทำ
และที่มั่นคงไปกว่านั้นก็ต้องแอบอ้างเบื้องสูงจึงจะเป็นที่เชื่อถือสำหรับสถาบันอุดมศึกษา
และพุทธบริษัท
รวมทั้งประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงชาวต่างประเทศ ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ส่งหนังสือ ถึง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความสับสนให้แก่สังคม และพุทธบริษัทไทย นั่นเพราะพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นพระภิกษุสงฆ์ ขึ้นตรงต่อสมเด็จพระสังฆราชอันเป็นประมุขของสังฆมลฆล แทนที่จะยื่นหนังสือต่อองค์กรคณะสงฆ์ตามสายการปกครอง โดยยื่นเรื่องไปที่เจ้าคณะตำบลก่อน เรื่องดังกล่าวนี้ จะถูกส่งต่อไปตามระบบการปกครองคณะสงฆ์ จนไปถึงมหาเถรสมาคมอันเป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทยซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน การที่พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีนี้ ชี้ให้เห็นว่า "พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) มิใช่พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์ไทย แต่เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ภายใต้ปกครองของรัฐบาล" จึงเป็นสิ่งพิสูจน์ชัดถึงความสัมพันธ์ของการร่วมมือระหว่างพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) กลุ่ม BOSTON กลุ่มขบวนการล้มพุทธโดยชัดแจ้ง ทั้งนี้เนื่องจากข้อความในเอกสารดังกล่าว ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับการจัดทำพระไตรปิฎก ว่าถูกต้องมิได้บิดเบือน หรือแก้ไข โดยพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ได้กล่าวว่า "กล่าวหาหรือทำให้เข้าใจผิดว่าอาตมาภาพแทรกแซง หรือแอบแฝงเข้าไปในมหาวิทยาลัยมหิดลแล้วแก้ไขบิดเบือนพระไตรปิฎก โดยสร้างเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ความเป็นจริง มหาวิทยาลัยมหิดลได้ริเริ่มโครงการพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ขึ้นเอง โดยมติของมหาวิทยาลัยนั้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสรัชมังคลาภิเษก ๒ ก.ย. ๒๕๓๐ แล้วจึงนิมนต์อาตมาภาพเป็นที่ปรึกษา ซึ่งได้ตกลงใช้พระไตรปิฎกบาลี ฉบับสยามรัฐที่เป็นฉบับหลวงเดิม การแก้ไขแม้จุด หรือนิคหิต อาตมาก็ระวังมิให้ผิดพลาด พร้อมกับใส่หมายเหตุไว้ด้วย" ในการประชุมซึ่งจัดโดย นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ในทุกรูปแบบตลอดมา ณ ห้องประชุม ตึกรัฐสภาในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ ได้มีการเชิญ รศ.ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ผู้อำนวยการศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการจัดสร้าง "พระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ ฉบับสัทธรรมปฏิรูป" ได้แถลงว่า "ได้ใช้เวลาในการจัดสร้างเพียง ๑ ปีเท่านั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นผู้ตรวจทานทั้งหมด และข้อมูลถูกต้องตรงกันกับต้นฉบับพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ ซึ่งถ้าหากไม่ได้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) มาช่วย ผมสร้างเอง ๕๐ ปี ก็คงไม่สำเร็จ "ซึ่งก็ตรงกันกับการแถลงของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ที่ว่า "เป็นผู้เดียวที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์อักษรและความถูกต้อง ของพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ที่จัดสร้างโดยมหาวิทยาลัยมหิดล และข้อความตัวอักษรทั้งภาษาไทย โรมัน และบาลี ตรงกันกับพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ ฉบับหลวงที่ใช้เป็นแม่แบบ" เมื่อประชาชนพุทธบริษัทที่ไม่ทราบความจริง และเชื่อถือตามภาพของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ที่ถูกสร้างขึ้นมา ก็จะเชื่อว่าเป็นจริงตามนั้น หากว่าไม่มีหลักฐานยืนยันพฤติกรรมการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างคาหนังคาเขา ใครบ้างจะเชื่อในการนำเสนอข้อมูลนี้ แต่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ขอให้เชื่อในพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ คอยปกป้องรักษาพระพุทธศาสนา จึงดลบันดาลให้ปรากฏหลักฐานแจ้งชัดเป็นสากล ซึ่งขบวนการดังกล่าวไม่สามารถใช้อิทธิพลใดๆ ไปทำการแก้ไขข้อมูลนั้นได้อีกต่อไป
"โปรแกรม BUDSIR for Thai Translation ...... การคีย์ข้อมูลได้ถูกป้อนโดย พนักงานพิมพ์ดีดเพียง ๒ คนเท่านั้น แล้วนำมาเปรียบเทียบโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ปรากฏว่ามีการแก้ไขโดยนักวิชาการที่จะนำพระไตรปิฎกชุดนี้มาอ่าน - ตรวจทาน หรือรับรองอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด การแก้ไขข้อมูลบางแห่งกระทำโดยเพียงการใช้ระบบประมวล ศัพท์อัตโนมัติเท่านั้น มีพระภิกษุไทยรูปหนึ่ง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งมาเพื่องานนี้ ได้ทำการแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีการกล่าวอ้างอิงว่า เพื่อเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดของพระไตรปิฎก เนื่องจากไม่ได้มีการทำเครื่องหมายจุดที่แก้ไขในฐานข้อมูลให้ทราบ เราจึงต้องถือว่า CD-ROM ชุดนี้ ไม่ใช่พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ ของพระไตรปิฎกฉบับที่เป็นหนังสือ (สยามรัฐฉบับหลวง) แต่ต้อง ถือว่าเป็นพระไตรปิฎกที่แต่งขึ้นเองใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างจากพระไตรปิฎก ฉบับหนังสือ (สยามรัฐฉบับหลวง) และไม่ทราบว่านำมาจากที่ใด" จากรายงานวิจัยนี้ได้เผยแพร่ไปสู่ชาวพุทธทั่วโลก มาเป็นเวลาเกือบ ๑๐ ปีแล้ว แต่สำหรับในประเทศไทยเนื่องจากการดำเนินงานของขบวนการล้มพุทธ ได้สร้างกระแส สร้างภาพให้กับพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ผ่านสื่อทุกแขนง ยึดพื้นที่ทางสมองของพุทธศาสนิกชน และประชาชน จนไม่สามารถทราบถึงมหันตภัยของไวรัสศาสนาที่เข้าไปทำลายพระไตรปิฎกบาลีเถรวาท อันเป็นหลักของพระพุทธศาสนาไปแล้ว
ลองคิดเอาเองว่า ๑๐๔ ล้านตัวอักษรจะต้องใช้เวลามากขนาดไหนในการพิมพ์ และที่ยิ่งไปกว่านั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) อ้างว่าเป็นเพียงผู้เดียว ที่ตรวจสอบเทียบเคียงความถูกต้องทั้ง ๓ ภาษา จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกเท่าใด สิ่งที่ควรตั้งเป็นคำถามก็คือ ใครเป็นตรวจสอบการออกเสียงภาษาบาลี ของฉบับภาษาอังกฤษ เพราะพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ไม่สามารถที่จะออกเสียงตามสำเนียงฝรั่งแท้ได้ ใครเป็นผู้ตรวจสอบภาษาอังกฤษกันแน่ แล้วคนๆ นั้นศาสนาใด วิธีพิสูจน์ง่ายๆ ก็คือเอาพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐฉบับหลวงให้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ออกเสียงเป็นบาลีสักเล่มหนึ่ง ดูซิว่าจะใช้เวลาเท่าไร แล้วคำนวณเวลากลับ ก็จะพิสูจน์ความจริงได้โดยไม่ยากและอย่าลืมว่าพระไตรปิฎกนั้นจัดทำเป็น ๓ ภาษา ซึ่งในปี ๒๕๓๑ นั้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยังไม่ก้าวหน้า การใช้โปรแกรมเก็บข้อมูล (DATA) จะใช้โปรแกรม Fox Base เป็นหลักในการใช้ร่วม Windows ซึ่งผู้สร้าง CD-ROM ต้องสร้างฐานเก็บข้อมูลโดยออกแบบโปรแกรมขึ้นมาเอง ระยะเวลาที่สร้างนั้นคิดเป็นชั่วโมง แล้วต้องใช้เวลาเท่าไร หากจะอ้างว่าใช้โปรแกรมสำเร็จ ขณะนั้น (๒๕๓๑) ก็มีเพียงโปรแกรม Ascess ๒ เท่านั้นที่เรียกว่าเก็บ DATA ได้ดี
สิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุดคือ นักวิชาการของชมรมชาวพุทธ ๓ เหล่าทัพ ๕ คนร่วมกับพระเถรานุเถระผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีเปรียญธรรม ๘-๙ ประโยค จำนวน ๔๒ รูป ทำการตรวจสอบพระไตรปิฎกตั้งแต่ต้นจนถึงซึ่งตรวจสอบได้ เพียง ๒๐ เล่มยังไม่ครบทั้งหมด ๗๐ เล่ม โดยเทียบเคียงกับพระไตรปิฎกสยามรัฐฉบับหลวง ซึ่งพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) อ้างว่าใช้เป็นต้นแบบ ได้พบความผิดพลาด ตัดต่อ ทำให้คลาดเคลื่อนจาก (ถ้าตรวจครบ ๗๐ เล่มยังไม่รู้ว่าจะพบความผิดพลาด และการทำให้คลาดเคลื่อนจากเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร) ท่านผู้อ่านสามารถพิสูจน์ความจริง โดยการตรวจสอบพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูป (ทำให้คลาดเคลื่อน) CD-ROM ของมหาวิทยาลัยมหิดลนี้ได้ด้วยตนเองทันที หากท่านมีโปรแกรมดังกล่าวนี้อยู่ในเครื่อง COMPUTER ของท่านโดยใช้เวลาไม่เกิน ๒ นาทีเท่านั้น ก็ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธศาสนาอันเป็นสถาบันแห่งความมั่นคงของชาติ ได้ถูกทำลายไปแล้วจริงหรือไม่? และท่านจะป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร ในฐานะท่านเป็นพุทธบริษัท? (หากต้องการทราบข้อมูลครบถ้วนโปรดอ่าน "เปิดโปงขบวน การล้มพุทธ" และหนังสือ "พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ" ประกอบ) ที่เลวร้ายที่สุดคือการทำลายหัวใจพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้อย่างลึกซึ้งจากพระไตรปิฎก ต้อง การค้นหาศัพท์คำว่า "มคฺค" (มรรค หนทางแห่งความดับทุกข์) นั้น ปรากฏว่าจะไม่ได้ครบตามจำนวนศัพท์ที่เป็นพระพุทธพจน์ เพราะถูกทำลายทิ้งโดยวิธีศัพท์วิบัติวิบัติ (ให้อ่านไม่ได้แปลไม่ออก) โดยเฉพาะส่วนที่ทำลายโดยวิธีศัพท์วิบัติ เป็นส่วนสำคัญในการปฏิบัติทางสมาธิจิตอันอยู่ในพระไตรปิฎกภาคพระอภิธรรม เสียอีกด้วย การกระทำดังกล่าวเป็นเจตนาโดยแท้ เพราะทำลายทั้งภาคภาษาบาลีและภาคภาษาโรมัน ซึ่งคนต่างประเทศที่สนใจพระพุทธศาสนา ก็ไม่สามารถค้นคว้าได้เช่นกัน นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นจริง (ดูภาคผนวก) |