ปัจฉิมลิขิต |
|
ดังนั้น การเปลี่ยน ทำให้คลาด เคลื่อนจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเสียใหม่ ก็คือการเปลี่ยนสภาพของสังคม และความเป็นชาติของประชาชนไทยนั่นเอง นี่คือมหาภัยจาก "ไวรัสศาสนา" ซึ่งมีหน้าที่ทำลายฐานความมั่นคงในความเป็นชาติเพื่อเข้ายึดครองแบบเบ็ดเสร็จ จัดเป็นมหันตภัยของประเทศและชาวพุทธที่จะต้องร่วมกันกำจัด "ไวรัสศาสนา" นี้ให้สิ้นไปโดยเร็วก่อนที่ประเทศไทยจะสิ้นความเป็นชาติ การกระทำของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ตามหลักฐานที่ได้นำเสนอมานั้น จะเห็นได้ว่าเป็นตัวจักรสำคัญที่ถูกจัดตั้ง และปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๔๒) จะเห็นว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทและอิทธิพลทั้งทางศาสนาและทางการเมืองสามารถเรียกใช้นายก บุคลากรในคณะรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ สามารถทำให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยสิ้นสูญไปได้โดยการบิดเบือนพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะการทำให้พระไตรปิฎกบาลีเถรวาท อันเป็นหลักแห่งพระพุทธศาสนาคลาดเคลื่อน พระไตรปิฎกซึ่งเป็นเอกสารทางวิชาการที่สำคัญในการใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาพระพุทธศาสนา จะต้องอาศัยพระไตรปิฎกเป็นแหล่งค้นคว้าเชื่อมโยงในการศึกษาต่อไป
นอกจากนี้ เนื่องจาก พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นผู้มีภูมิธรรม มีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะชั้นธรรม แต่กลับมีพฤติกรรมทำตนเป็น "ไวรัสศาสนา" ทำลายทำให้คลาดเคลื่อนจาก หักล้างพระพุทธวจนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏเป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันมิให้บุคลากรที่ถูกต่างศาสนาส่งเข้ามาปลอมบวช หรือพระราชาคณะที่เห็นแก่อามิส รับจ้างต่างศาสนา กระทำตนเป็น "ไวรัสศาสนา" จึงควรที่มหาเถรสมาคมควรต้องมีมติเสนอถอดถอนสมณศักดิ์พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) จากหลักฐานการกระทำความผิด อันปรากฏให้เสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา และองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทยไปทั่วโลกอย่างไม่มีสิทธ์ปฏิเสธ ทั้งนี้ยังรวมไปถึง สถาบันอุดมศึกษา ทั้งสิ้นทั้งปวงที่มอบปริญญาดุษฏี บัณฑิตกิติมศักดิ์ให้กับ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) นั้น ต้องเรียกคืนปริญญาทั้งหมด หากสถาบันใดไม่เรียกคืน ก็เป็นการยอมรับของสถาบันนั้นว่าเห็นด้วย และร่วมมือกับพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา อันเป็นสถาบันความมั่นคงของชาติโดยมีประจักษ์พยานหลักฐานการกระทำ ความผิด ซึ่งได้นำมาแสดงไว้แล้วนั้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างว่า "นี่หรือพระภิกษุ สงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา ที่ได้กระทำการอกตัญญูต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยกระทำการบิด เบือน หักล้าง พระพุทธวจนะ ทำให้คลาดเคลื่อนไป ปรากฏหลักฐานการกระทำความผิดไปทั่วโลก ยังไม่ถูกดำเนินการลงโทษ อย่างเด็ดขาด" และหากไม่มีการลงโทษพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ตามกล่าวนั้น ก็หมายถึงว่าพุทธบริษัทกำลังตกอยู่ในท่ามกลางมหันตภัยอันเลวร้าย
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องตั้งคณะกรรมการ นักวิชาการพุทธศาสนา ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อแก้ไขพระไตรปิฎกที่จัดสร้างโดยพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ให้ถูกต้องตามต้นฉบับ พร้อมกับแถลงผลการแก้ไขไปยังสถาบันการศึกษาทั่วโลกให้ได้รับทราบความถูกต้อง เพื่อให้ทั่วโลกได้รับรู้ในข้อมูลอันถูกต้องของพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทตามต้นฉบับด้วย ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ จะเห็นได้อย่างไม่ต้องอธิบายให้มากความว่า การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนานั้นได้มีการจัดตั้งกันอย่างเป็นขบวนการของ "ไวรัส ศาสนา" อันเป็นมหันตภัยของชาวพุทธ ซึ่งหากพุทธศาสนิกชนไม่สามารถจะหยุดการแพร่เชื้อดังกล่าวนี้ได้ นั่นก็คือสัญญาณอันตรายที่หมายถึงความสิ้นชาติ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของสันตปาปา ซึ่งได้กล่าวไว้ในการเยือนกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ว่า "ประชาชนชาวเอเซีย ต้องการพระเยซูคริสต์และพระธรรมคำสอนของพระองค์ เอเซียกำลังกระหายน้ำดื่มอันมีชีวิตชีวาที่พระเยซูเท่านั้น จะทรงประทานให้ได้"
คงไม่มีข้อสงสัยใดๆ สำหรับอนุชนรุ่นหลังที่ได้ศึกษาหลักฐานข้อมูล ที่ได้นำเสนอไปแล้วนี้จะสามารถได้ข้อสรุปตรงกันว่า "สมการกลืนชาติ" โดยใช้ยุทธการยึดพื้นที่ทางสมองตามโครงการ Change Human Mankind Project ทำให้เกิดพฤติกรรมแห่งการสยบยอมของชนในชาติได้อย่างสมบูรณ์ และไร้การต่อต้าน ทั้งๆ ที่การกระทำนั้นล้วนแต่เป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงทั้งสิ้น คือ ๑. การขายสมบัติของชาติให้ต่างชาติโดยประเทศต้องขาดทุนอย่างวินาศสันตะโร รวมไปถึงการออกกฎหมายให้สิทธิให้ประโยชน์แก่ต่างชาติต่างศาสนาหลายร้อยฉบับ แม้กระทั่งออกกฎหมายให้มีการแบ่งแยกดินแดน แบ่งแยกการปกครอง เพื่อไว้รองรับระบอบการปกครองแบบรัฐ ของประเทศมหาอำนาจซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยแท้ (เป็นลักษณะการปกครองแบบกรมการเมือง) ไม่ใช่ระบอบพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขเช่นประเทศไทย นี่คือการทำลายความมั่นคงสถาบันชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง ๒. การใช้อำนาจการเมือง เจ้าหน้าที่และสื่อของรัฐ แทรกแซงทำลายบุคลากร พระภิกษุสงฆ์ และองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย สนับสนุนขบวนการล้มพุทธ ที่หักล้าง บิดเบือน ทำให้คลาดเคลื่อนจากพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรมศาสดาแห่งพุทธศาสนา รวมไปถึงการใช้อิทธิพลอำนาจข่มขู่ คุกคาม พุทธบริษัทผู้ประพฤติตามพุทธวจนะทุกรูปแบบ เพื่อกลืนพระพุทธศาสนาให้ศาสนาอื่นนี่คือการทำลายความมั่นคงสถาบันพระพุทธศาสนา บัดนี้ความมั่นคงแห่งสถาบันทั้ง
๓ ได้ถูกทำลาย
และสร้างภาพทางลบให้ขาดศรัทธาที่จะเชื่อถืออีกต่อไป
ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
มีโทษทางอาญาทั้งสิ้น
และสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์ในปี
พ.ศ.๒๕๔๒
และไม่น่าเชื่อว่าไม่มีการป้องกันการกระทำดังกล่าวหรือจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล
หรือองค์กรที่มีพฤติกรรม
บ่อนทำลายนี้แต่อย่างใด
อย่าว่าแต่จับกุมเลยครับ
อำนาจอิทธิพลของขบวนการกลืนชาตินี้ยังสามารถยกเลิกกฎหมายสำคัญๆ
ได้ทุกชนิด
แม้กระทั่งกฎหมายที่ให้อำนาจกองทัพป้องกันและดำเนินการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดฐานบ่อน
ทำลายความมั่นคงของชาติ
ก็ถูกยกเลิกได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
นี่คือพลังอำนาจจากโครงการ Change Human
Mankind Project ที่ประสานการทำงาน
โดยองค์กรต่างศาสนา
และกลุ่มบุคคลที่บ่อนทำลาย
ได้ประสพความสำเร็จในการยึดครองพื้นที่ทางสมอง
(เชื่อตามที่ถูกสั่งให้เชื่อ
โดยไม่รับรู้เหตุผล
เหมือนหุ่นยนต์ที่มีชีวิต)
ของประชาชนในประเทศไทยไปส่วนใหญ่แล้ว
และสิ่งที่สามารถ
สลายคลื่นความถี่ของพลังอุบาทว์นี้ได้คือการทำสมาธิจิต
ซึ่งสามารถปรับระดับคลื่นสมองไม่ให้ถูกยึดครอง คำถาม ณ ขณะนี้ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ เหตุการณ์ต่างๆ ได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยทั้งสิ้น จึงมีคำถามว่า ขณะนี้ประเทศไทย อยู่ในภาวะของการเดินทางไปสู่ความสิ้นชาติใช่หรือไม่? หากท่านคิดว่าไม่ใช่โปรดพิจารณาข้อเทียบเคียง ด้วยเหตุผลนี้ แล้วตอบปัญหาด้วยตัวท่านเองว่า เรากำลังเดินทางไปทางไหนกัน ?? เหตุการณ์การทำลายพุทธศาสนาทำให้สถาบันชาติ สถาบันพุทธศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์สิ้นไป โดยมีวิธีการ อย่างเดียวกัน เหมือนกันถึง ๑๑ ประเด็น อันนำไปสู่ความสิ้นชาติ ดังนี้ |