พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน
ล้วนแล้วแต่ทรง พระปรีชา
ตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนา
คือ
ศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของชนในชาติ
วัดเป็นที่อบรมบ่มนิสัยให้กับประชาชน
โดยมีพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา
ถ่ายทอดศีลธรรมเป็นหลักประจำใจ
แก่กุลบุตรกุลธิดา
ให้เป็นประชาชนที่ดีของประเทศ
ชายไทยที่ได้เข้ารับการศึกษา
อบรมบ่มนิสัยด้วยการบวชเรียน
ศึกษาพระธรรมวินัย
ประพฤติปฏิบัติสมาธิจิต กลาย
เป็นหัวหน้าครอบครัว ผู้นำและ
นักรบผู้กล้าผู้รักษาแผ่นดินไทย
ให้ยั่งยืนสถาพร มีเอกราช
ทำให้ยากในการเข้ายึดครองของต่างชาติต่างศาสนาสืบมา
ทั้งสามสถาบันจึงผูกพันแน่นเหนียวเป็นหนึ่งเดียวกัน
และนี่แหละคือความสัมพันธ์อันเปรียบเสมือนจิตวิญญาณของชนชาติไทย
สิ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการเรียกเก็บ
"ส่วยพระเจ้า ร้อยละสิบ"
จะเป็นไปไม่ได้เลย
หากไม่ทำลายพระพุทธศาสนา
อันเป็นฐานรากของการปกครอง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี
ศิลปวัฒนธรรม
ของประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
ความสำคัญของพระพุทธศาสนานั้น
มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตย์เป็นอย่างยิ่ง
ประเทศที่ต้องสูญเสียสถาบันพระมหากษัตริย์
จากการทำลายพระพุทธศาสนาโดยการกระทำของคริสเตียนโรมันคาทอลิค
เพื่อให้พุทธบริษัทและประชาชนไทยพึงระวัง
ต้องขอเรียนต่อท่านผู้อ่านไว้ล่วงหน้าว่า
นี่ไม่ใช่เป็นการสร้างกระแส
ให้เกิดความเกลียดชังคริสต์ศาสนา
แต่นี่คือประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง
เป็นความจริง ที่ไม่อาจบิดเบือน
สามารถอ้างอิงเทียบเคียงได้ทุกชาติ
และที่เหนืออื่นใดประเทศไทยเรามีองค์พระมหากษัตริย์อันทรงพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง
เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย
โดยเฉพาะเนื่องจากพฤติกรรมลักษณะเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา
มหาเถรสมาคม พระเถรานุเถระ
และองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทยในขณะนี้
(พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๒)
เป็นลักษณะเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเวียตนาม
เพื่อนบ้านของเราในอดีตเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งครั้งหนึ่งประเทศเวียตนาม
เป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข
มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
แต่เมื่อพระพุทธศาสนาถูกถอดออกจากการเป็นศาสนาประจำชาติ
อักษรภาษาเขียนของเวียตนามก็สูญหายไป
สถาบันกษัตริย์ถูกโค่นล้ม
ประเทศที่สวยงามสงบกลายเป็นสนามรบ
บ้านแตกสาแหรกขาดกระสานซ่านเซ็น
ประชาชนในชาติต้องฆ่าฟันกันเองล้มตายเป็นล้านๆ
คน เพื่อผลประโยชน์ของใครกันแน่
ลองมาพิจารณาดูเป็นบทเรียน
ว่าแท้จริงแล้วมีสาเหตุและความเป็นมาอย่างไร
?
|