บทความของกิ่งฉัตร

ขอขอบคุณ พี่ be supergirl   ผู้ส่งบทความเข้ามา (เจ้าค่ะ...^_^ ) 

แรงบันดาลใจและความในใจของนักเขียนนวนิยาย ที่เสนอในสกุลไทยปัจจุบัน

บทความ โดย กิ่งฉัตร และ ปิยะพร ศักดิ์เกษม

ตีพิมพ์ใน นิตยสารสกุลไทย (2540)


กิ่งฉัตร

-ตามปกติในการทำงานของดิฉัน การคิดโครงเรื่องของนวนิยายนั้นง่ายกว่าการคิดตั้งชื่อเรื่องมาก “บ่วงหงส์” ก็เช่นกัน ใช้เวลาหลายวันทีเดียวกว่าจะลงตัว และหลังจากที่สกุลไทยลงโฆษณาเรื่องนี้   คุณปิยะศักดิ์ ศานติเกษม (คนข้างกายของ คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม) ได้ฝากบอกมาว่า ชอบใจ ชื่อนี้มากเพราะในภาษาจีน คำว่า บ่วง แปลว่า “หมื่น” ส่วน หงส์ นั้นมีความหมายเป็นนกแบบ เดียวกับของไทย จึงมีการล้อเลียนชื่อเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ว่า “หมื่นหงส์”

-หลังจากส่งชื่อเรื่องไปแล้ว ดิฉันก็เริ่มต้นเขียน…แต่สันนิษฐานว่า เป็นเพราะมีหงส์ถึงหมื่นตัว นักเขียนมัวแต่นั่งนับงานจึงดำเนินการค่อนข้างช้า ใครถามถึงก็มักจะตอบว่า ดิฉันกำลังไล่จับหงส์ ซึ่งยังไม่ยอมติดบ่วงสักตัว คุณปิยะพรกับคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ    จึงช่วยกันแหย่ว่า เมื่อไหร่จะ จับหมดสักที เธอทั้งสองอยากรับประทานหงส์หัน และหงส์ปักกิ่งเต็มทีแล้ว

-ส่วนเรื่องเสียงสะท้อนกลับจากผู้อ่านนั้น เรื่องนี้มีไม่ค่อยมากนัก จะมีก็แต่เมื่อสกุลไทยตีพิมพ์    บทที่สิบ ที่รเมศจับได้มั่นว่า พิมพ์ลภัสมาพักที่โรงแรมและตีสนิทกับเขาเพื่อหาทางขโมยของ จึงเกิดมีการปะทะคารมกัน    คุณจิตรา(เจ้าประจำ) โทรศัพท์มาบ่นว่า “ตัวละครพูดแรงไป ถ้าพี่ เป็นผู้หญิงคนนี้พี่เลิกสนใจผู้ชายคนนี้แล้ว ด่ากันแรงแบบนี้ต่อไปหน้าก็ไม่อยากมอง” หลังจาก นั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงคุณปิยะพร(เจ้าประจำอีกราย) ก็แล่นมาตามสาย “ถ้าพี่เป็นผู้ชาย คนนี้นะ พี่ไม่เอาแล้วผู้หญิงอะไรแบบนี้ มีที่ไหนทั้งโกหกแถมมาด้อมๆมองๆ ค้นโต๊ะทำงานเราอีก”

-ดิฉันเลยไม่รู้ว่าจะตามใจใครดี แต่คิดว่าอีกไม่นานจะส่งทั้งคุณปิยะพรและคุณจิตรา   ไปออกรายการ “ใครผิดใครถูก” ของคุณไตรภพ เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

๔พ.ย.๒๕๔๐

นิตยสารสกุลไทย

 

ปิยะพร ศักดิ์เกษม

-เค้าโครงเรื่องคร่าวๆของ “รากนครา” ผุดขึ้นมาในใจดิฉันเมื่อครั้งที่เขียนเรื่อง “เรือนศิรา” ไปได้ถึงบทที่ ๓๓ ตอนนั้น ภาพบริวารผู้เฒ่าในบ้านใหญ่ตระกูลเก่าสืบเชื้อสายยาวนานของ คุณศิขริน ศุษิระ ทำให้เกิดจินตนาการสร้างเรื่องราวร้อยเรียงไปได้ถึงต้นตระกูล …นี่จึงเป็นเหตุให้ดิฉัน

เขียนซิ่นปักลาย แมงปอแบบแปลกตาให้พิมลพัทธ์นุ่ง และสร้างฉากเจดีย์หลังเล็กสีขาว ในดงไม้สีชมพูบนภูผาเมืองให้เป็นฉากสำคัญของเรื่อง แล้วทิ้งไว้เพื่อมาใช้อีกจนคุ้มค่าใน

“รากนครา”

-เมื่อได้โครงเรื่อง ดิฉันก็มานั่งจัดเวลา นับช่วงอายุผู้คนก่อนจะจับจัดซ้อนเข้าไป ในข้อมูล ทางประวัติศาสตร์ที่ค้นหาเตรียมไว้มากมาย..ลบ แง่มุมที่ล่อแหลมประดักประเดิด..เหลา เกลา ตกแต่งจนเหมาะใจแล้วจึงลงมือเขียน

ด้วยอกสั่นขวัญผวา กลัวๆ กล้าๆว่า “ผู้อ่านจะชอบไหมหนอ?..”

-กระทั่งเรื่องดำเนินมาได้เกือบครึ่ง ดิฉันก็โล่งใจ และดีใจเมื่อมีเสียงตอบรับมามากมายทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ   คุณชูวงศ์ ฉายะจินดา ที่เขียนมาหลายครั้ง ทั้งผ่าน สกุลไทย และเป็นการส่วนตัว..ผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่อยากให้แม้นเมืองตาย มีทั้งที่เขียนมาถาม อ้อนวอนและแนะทางออกให้ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ..ดิฉันได้กำลังใจมากมายจาก จดหมาย และคำแนะนำเหล่านั้น

-ถึงวันนี้ “รากนครา” จบสมบูรณ์แล้ว อีกสักระยะเราจะได้มาค้นพบไปพร้อมๆกันว่า มีอะไรเกิดขึ้น “ใต้เงาตะวัน” และดวงตะวันซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานนั้น กลับมีเงามืดชนิดไหน? ซุกซ่อนอยู่ได้อย่างไร?..ทั้งหมดนี้อีกไม่นานเกินรอค่ะ

๔พ.ย.๒๕๔๐

นิตยสารสกุลไทย

 

ขอขอบคุณ พี่ be supergirl  ผู้ส่งบทความเข้ามา (เจ้าค่ะ...^_^ ) 

รู้สึกอย่างไรกับบทความนี้ ติดต่อเวปมาสเตอร์

[ หน้าบ้าน ] [ ประวัติ ] [ ผลงาน ] [ เรื่องย่อ ] [ สัมภาษณ์ ] [ สมุดเยี่ยม ] [ หลังบ้าน ]


"บ้านกิ่งฉัตร" เป็นโฮมเพจกิ่งฉัตรอย่างไม่เป็นทางการ    มิได้จัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ใดๆแก่ผู้จัดทำ    "กิ่งฉัตร" และผลงานที่อ้างอิงบนโฮมเพจนี้   ยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้เขียนและผู้พิมพ์ทุกประการ

"บ้านกิ่งฉัตร" จัดทำโดย กมลวรรณ อ่อนละมัย   7 ก.พ. 2544   โดยได้รับการเอื้อเฟื้อข้อมูลจากแฟนกิ่งฉัตรบนบอร์ด Chulabook