บทความกิ่งฉัตร |
ขอบคุณพี่ be supergirl ผู้พิมพ์และส่งบทความนี้เข้ามาค่ะ |
กิ่งฉัตรกับเสราดารัล นวนิยายการเมืองโรแมนติก |
หากจะทบทวนบนถนนสายวรรณกรรม ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "นักเขียนต่างก็มีเรื่องราวบางเศษเสี้ยวที่เหมือนกันอยู่สิ่งหนึ่ง นั่นคือ การเป็นคนชอบอ่าน ชอบคิดฝันไปตามจินตนาการที่เพริดแพร้วกับเรื่องราวต่างๆนานา แล้วเมื่อผสานกับประสบ การณ์ตรงที่สั่งสมพอควร ก็คิดอ่าน "ปั้นน้ำเป็นตัวอักษร" ให้คนอ่านได้หัวเราะร้องไห้กับเรื่องราวที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้น มา เผื่อแผ่กับอารมณ์ที่ร่วมไปกับนักเขียนท่านนั้นๆ กิ่งฉัตร สาวน้อยนักเขียนรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงชนิดห้ามไม่ได้ กับผลงานเรื่องล่าสุด "เสราดารัล" อันทำให้ผู้อ่านต่าง มีอารมณ์ร่วมทุกข์ สุขไปกับปาลี นาคิม-อภูตแห่งราตรี แห่งประเทศขลากับพันไมล์ นักเรียนแพทย์สาวปีสุดท้ายจาก ประเทศไทย ว่าจะลงเอยกันอย่างไรดีกับ "ความรัก"ที่มี"การเมือง"ภายในประเทศ แล้วยังเลยเถิดไปกับ "ระหว่าง ประเทศ" เข้ามาเกี่ยวข้องชนิดที่ว่าอกสั่นขวัญแขวนก็ว่าได้ ของช่วงขณะที่เคยลงตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์ "ปาริฉัตร ศาลิคุปต์" คือนามจริงของ "กิ่งฉัตร" ที่อดีตเคยเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ประมาณปีกว่า ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่เคยศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย โรงเรียนสตรีวิทยา ด้วยการเขียนเรื่องสั้น-ประ สบการณ์ ในวารสารของโรงเรียนและเขยิบฐานะได้รับการตีพิมพ์ลงในคอลัมน์เด็กของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวัน และ คอลัมน์วัยหนุ่ม-สาว นิตยสารสตรีสารรายสัปดาห์ เรื่อง "ศิลปินทอมๆ" "กินเจที่ภูเก็ต" กับ "คุณสุกคุณใส" นิตยสาร แพรวสุดสัปดาห์ "บ้านอัญชัน" นิตยสารขวัญเรือนรายปักษ์ ตั้งแต่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ ๒ คณะวารสารศาสตร์และสื่อ สารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เวลาเดียวกัน ก็ได้เริ่มลองหัดเขียนนวนิยายเรื่องยาว ๓๐ ตอนจบคือ "พรพรหมอลเวง" พร้อมไปกับสำเร็จการศึกษาเป็นวารสารศาสตร์บัณฑิตปี ๒๕๓๒ และปี ๒๕๓๔ เรื่อง "พรพรหมอลเวง"ก็ได้รับการลงตีพิมพ์ในนิตยสารโลกวลี แล้วยังได้รับการรวมเล่มเป็นครั้งแรกเรื่องแรกในชีวิตของคน ขายฝัน พร้อมทั้งได้ถูกนำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์สีช่อง ๗ ปี๒๕๓๕ ผสานกับการลาออกจากอาชีพ ผู้สื่อข่าวในปีนั้นด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นต่อมาจึงได้มีนวนิยายทยอยออกมาอีก ๓เรื่อง คือ "มายาตะวัน" "ละครเล่ห์เสน่หา" "เสราดารัล" และกำลังได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์เรื่อง "ด้วยแรงอธิษฐาน" กับ "ดวงใจพิสุทธิ์" นิตยสารขวัญเรือนรายปักษ์ระหว่างนี้ "การที่ "พรพรหมอลเวง"ประสบความสำเร็จนั้น บางทีก็ไม่ใช่ว่าเป็นการดีสำหรับดิฉัน เพราะว่ามันเหมือนเป็นการ "บีบ"เรามากกว่า ทำให้รู้สึกเกิดการเกร็งกับงานมาก ในความตั้งใจจริงๆในการนำนวนิยายไปทำเป็นละครโทรทัศน์ เป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าการที่เราทำงานแล้วผลงานได้รับการตีพิมพ์รวมเล่ม น่าจะถือเป็นความสุขของดิฉันตรงนี้แล้วจริงๆ ทว่าก็ยอมรับเหมือนกันว่าเรื่องนี้สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ด้วยการได้รับเสียงติชมพอควร ทีเดียว" และแล้ววันนี้ "เสราดารัล" ก็เป็นนวนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการต้อนรับจากผู้อ่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านนวนิยาย ทั้งวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่แทบทุกอาชีพรวมทั้งอาชีพนักประพันธ์ด้วยกันเอง ซึ่งมีนักประพันธ์ชื่อดังบางท่านถึงกับเอ่ยปากกับ คนวงในด้วยกันเองว่า เธอคือความหวังของคนบนถนนสายวรรณกรรม ที่ต่อไปจะจรัสเรืองในอนาคตกาล ถ้าเธอสามารถ พัฒนาด้าน "ภาษา" ที่ควบคุมได้มากกว่านี้ และประสบการณ์ที่เพิ่มพูนตามอายุขัย "ตอนช่วงที่ดิฉันกำลังเป็นผู้สื่อข่าว ได้ทำข่าวเรื่องยาเสพติด ก็ได้รับเอกสารเกี่ยวกับชนชาติไต (ไทยใหญ่) ชนกลุ่มน้อย ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็คือเรื่องรัฐฉานและปัญหายาเสพติดของอาจารย์ ดร.จำลอง ทองดี มาอ่านเพื่อใช้ประกอบ งานข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด และเมื่อดิฉันได้อ่านเอกสารเล่มนี้จบ ดิฉันจึงได้วางโครงเรื่องเสราดารัลขึ้นทันที และเริ่มลงมือ เขียนในปีถัดมา" "ขณะเดียวกันดิฉันก็ยังมีข้อมูลเรื่องขุนส่า หรือ จางซีฟู ( opium lord) อีกด้วย โดยในเอกสารได้กล่าวอ้างว่าขุนส่า เคยถูกรัฐบาลพม่าจับกุมได้ครั้งหนึ่งในปี ๒๕๑๒ ตามแรงบีบบังคับของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ลูกน้องขุนส่าที่เป็น พลพรรค sua (the shan united army)จึงได้วางแผนทำการลักพาตัวนายแพทย์ชาวรัสเซีย ที่เดินทางมาช่วย งานด้านสาธารณสุขในพม่า ๒คนจาก ๑๐๐คน มาเป็นตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของคุณส่า" "ในชั้นแรกรัฐบาลพม่าไม่ยินยอมทำตามข้อเสนอ หากนายแพทย์ชาวรัสเซียที่เหลือได้ร่วมกันลงนามยื่นร้องต่อรัฐบาล พม่าให้ดำเนินการแลกเปลี่ยนตัวประกัน โดยขู่ว่าถ้ารัฐบาลพม่ายังเพิกเฉย พวกตนจะเดินทางกลับประเทศและจะตัด ความช่วยเหลือทุกอย่างที่เคยมีมา ในที่สุดขุนส่าจึงได้รับอิสรภาพอีกครั้ง" "เมื่อขุนส่ากลับไปอยู่รวมกับผู้คนของเขา เขาได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้นำชนกลุ่มน้อยทางตอนเหนือของพม่า จัดตั้งรัฐบาล สภาปฏิวัติแห่งรัฐฉาน ( thailand (shan state ) revolutionary council หรือ trc )ขึ้น เพื่อเรืยกร้องอิสรภาพ จากพม่า การสู้รบเพื่อแผ่นดินและความเป็นไทของชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ยังดำเนินอยู่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน" เธอร่ายยาวที่มาแห่งข้อมูลของเสราดารัล ให้ฟังชนิดม้วนเดียวจบ และยังกล่าวต่ออีกชนิดม้วนเดียวจบว่า "ดิฉันเป็นคน ชอบเรื่องพาฝัน เขียนเรื่องหนักๆ ไม่เป็น แต่ความที่ประทับใจในข้อมูลนี้ จึงได้นำมาดัดแปลงเสริมแต่งเป็นเรื่องแนว โรแมนติกยึดหลักความพอใจของตัวเองเป็นใหญ่ ฉะนั้น "ปาลี นาคิม" จึงยืนอยู่ระหว่างตำแหน่งผู้นำขบวนการกู้ชาติ และมี "หน้าที่" สำคัญที่จะต้องหาหนทางช่วยเหลือ "ว่าที่เจ้ามหาชีวิตแห่งขลา" จากคุกของประเทศสิคาล แม้ชื่อของ นาคิมจะอยู่ในแฟ้มดำของดีอีเอ ซึ่งเป็นหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา แต่นาคิมก็ได้ยืนยันหนักแน่นว่าเขา เป็นคนบริสุทธิ์ ฉะนั้นการจะแต่งตั้งให้เป็น opium prince หรือ opium อะไรสักอย่างคงไม่เหมาะ ดิฉันจึงเลือก วิธีการสู้รบแบบกองโจรขึ้นมาเป็นสมญาของ "อภูตแห่งราตรี" แทนและจากนายแพทย์ชาวรัสเซีย ๒คน ก็กลายมาเป็น "พันไมล์" นักเรียนแพทย์สาวปีสุดท้ายจากเมืองไทยแทน เพื่อให้เรื่องราวมีรสชาติและสีสันขึ้น" นอกจากนี้เธอยังบอกต่ออีกว่า เรื่องของฉากแห่ง "ขลา" และ "สิคาล" ซึ่งเป็นประเทศสมมุติ ก็ได้แต่งเติมจากภาพถ่าย ของ "ค่าย" กลางหุบเขา วิถีชีวิตบางแง่มุมได้ยืมและปรุงเสริมจากชีวิตชาวทิเบต และแม้แต่ฉากสุดท้ายของ "เปญอัคนิน" ก็ได้รับการเห็นภาพถ่ายจากนิตยสารไทม์ โดย "ผิดเสียแต่ว่าเปลี่ยนจากต้นสนเป็นเสาไฟฟ้าที่เรียงขนานสองข้างทางรถไฟเท่านั้น" เธอกล่าวเช่นนั้น จริงๆแล้วเธอบอกเล่าเป็นการภายในระหว่างคนรู้จักกันว่า
เธอมีข้อมูลเรื่องยาเสพติดอีกมากที่อยากจะใส่เข้าไป
ทว่า
โดยส่วนตัวเธอนั้นเธอไม่ใช่ลักษณะการ
"ยัดเยียด"
ข้อมูลซึ่งเธอยังรู้สึกเสียดายอยู่เฉกกัน
เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสงครามฝิ่นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศจีน
โดยประเทศอังกฤษบังคับให้จีนซื้อฝิ่น
ทั้งที่โดยภาพลักษณ์ทั่วไปกลุ่มประเทศตะวันตกจะคัดค้านการซื้อยาเสพติด
แต่ด้วยความเป็นจริงประเทศอังกฤษนี่แหละ
คือประเทศที่นำเอายาเสพติดไปแพร่ในประเทศจีน
จนทำให้ประชาชนติดยาเสพติดกระทั่งเวลาต่อมามีการประกาศห้ามมีการค้าขายและใช้ยาเสพติดอย่างเปิดเผย "แม้แต่ "นัยน์ตาสีเทา" ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลระดับชั้นสูง คือยุลทีที่เป็นว่าที่เจ้ามหาชีวิตของขลาก็นำมาจากข้อมูลใน หนังสือโอมมณี ปัทเม หุม ดร.ล็อบสัง รัมปา แปลโดยสีมน และอยากบอกต่ออีกว่าดิฉันยอมรับในตัวเองว่ายังไม่มีความสามารถพอในเรื่องการเมืองที่ดีได้ และไม่อยากเขียนอะไรที่ผิดพลาด เพราะฉะนั้นจึงเบนเรื่องไปในแนวพาฝันอย่างที่บอกไปแล้ว" กับเรื่องข้อมูลที่เธอมีล้นเหลือพอควรจึงนำมาใช้สอดแทรกกับเรื่องราวที่เธอเสกสรรขึ้นมา ซึ่งบางคนที่ได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้ก็สามารถมองเป็นนวนิยายการเมืองระหว่างประเทศได้ แต่ทว่า เป็นการแหย่ในแวดวงรัฐบาลไทยเท่านั้นเอง ฉะนั้นไม่ว่าใครจะอ่านนวนิยายเรื่อง
เสราดารัล ในมุมมองใดก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอได้กระทำแล้วโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวก็คือ
นอกเหนือจากความบันเทิง
เธอยังคงให้ "สาระ" ที่เป็น "สาระ"
ที่คนระดับผู้บริหารในประเทศน่าจะลองหันมาทบทวนกันอีกทีกับปัญหายาเสพติด
ซึ่งเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของประเทศและโลกก็ว่าได้ นับว่า "กิ่งฉัตร" สร้าง "เสราดารัล" ที่ไม่เสียหลายกับความเป็นอดีตผู้สื่อข่าวที่มีพรสวรรค์ในการขีดเขียนได้ถึงเพียงนี้ และน่าจับตามองว่าต่อไปเธอจะเป็นนักเขียนที่มีชื่อบนถนนสายวรรณกรรมที่ทอดยาวไกลได้นานเพียงใด -------- |
[ หน้าบ้าน ] [ ประวัติ ] [ ผลงาน ] [ เรื่องย่อ ] [ สัมภาษณ์ ] [ สมุดเยี่ยม ] [ หลังบ้าน ]
"บ้านกิ่งฉัตร" เป็นโฮมเพจกิ่งฉัตรอย่างไม่เป็นทางการ มิได้จัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ใดๆแก่ผู้จัดทำ "กิ่งฉัตร" และผลงานที่อ้างอิงบนโฮมเพจนี้ ยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้เขียนและผู้พิมพ์ทุกประการ
"บ้านกิ่งฉัตร" จัดทำโดย กมลวรรณ อ่อนละมัย 7 ก.พ. 2544