บทความกิ่งฉัตร |
ขอบคุณพี่ natt ผู้ส่งบทความนี้เข้ามาค่ะ |
คำแนะนำสำหรับนักเขียนมือใหม่ โดย กิ่งฉัตร |
ในการเขียนหนังสือมาสิบปี คำถามที่ได้ยินมาบ่อยมากจากคนหลายอาชีพหลายวัยคือ อยากเป็นนักเขียน จะเริ่มต้นอย่างไรดี สิ่งแรกที่ควรเริ่มต้นคือสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความรักในการอ่านการเขียนมากน้อยแค่ไหน การเป็นนักเขียนไม่ใช่ทำได้ในชั่วข้ามคืน อย่างน้อยต้องใช้เวลานับปีทำงานมานานพอสมควรถึงจะอยู่รอดพอมีผู้อ่านรู้จักบ้าง ฉะนั้นคนที่คิดจะมายึดอาชีพทางนี้ต้องมีใจรักมากพอจะอดทนทำงานอย่างต่อเนื่อง ถ้าคิดว่าคำตอบคือ ฉันรักการอ่านการเขียน ฉันจะเป็นนักเขียนให้ได้ คำแนะนำข้อแรกคือ ลงมือเขียนค่ะ คนส่วนใหญ่ที่พบมาบอกว่าอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่ยอมลงมือเขียน (เอ แล้วอย่างนี้จะได้เป็นนักเขียนไหมเนี่ย?) เริ่มเถอะค่ะ เขียนอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นนวนิยายเรื่องยาว หรือเรื่องสั้นพล็อตพิสดารพันลึก แค่ขอให้เขียนบันทึกประจำวัน เขียนถึงความรู้สึกเขียนถึงจินตนาการ อะไรก็ได้ที่อยากเขียน ตอนเรียนที่ธรรมศาสตร์มีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำวิธีการเขียนง่าย ๆ ว่า เขียนวันละหนึ่งหน้ากระดาษ เขียนแล้วเอาใส่ลิ้นชักไว้ วันรุ่งขึ้นเอามาอ่านดูถ้าไม่ชอบใจก็แก้ไขขัดเกลาแล้วเขียนเพิ่มอีกหนึ่งหน้า จากนั้นเอาใส่ลิ้นชักไว้เหมือนเดิม พรุ่งนี้มาดูใหม่ขัดเกลาแก้ไขส่วนที่ไม่ชอบใจใหม่ ทำอย่างนี้ภายในหนึ่งปี ท่านรับรองว่าได้เป็นนักเขียนแน่ ๆ ลองดูกันนะคะ เริ่มต้นกันเลยวันนี้หนึ่งหน้า
5W 1H
เอาล่ะ หลังจากลงมือจรดปากกาหรือกดแป้นคอมพิวเตอร์แล้ว อยากจะเขียนเป็นเรื่องเป็นราวทำอย่างไรดี? คำแนะนำที่ง่ายที่สุดของมือใหม่เอี่ยมถอดด้าม (ขอเน้นทางนวนิยายนะคะ ไม่ถนัดเรื่องสั้นเอาเสียเลย) ดิฉันขอใช้วิธีการเขียนข่าว หลักการเขียนข่าวที่เรียนมาคือต้องเขียนตอบคำถามง่าย ๆ ให้ได้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไมและอย่างไร หรือที่เรียนกันสั้น ๆ ว่า 5W 1H (Who , What , Where , When , Why และ How) ยกตัวอย่างง่าย ๆ นะคะ เอาจากเรื่อง ด้วยแรงอธิษฐาน แล้วกัน พล็อตเรื่องนี้เริ่มจากการคิดว่าส่วนใหญ่ในนวนิยายที่มีการกลับชาติมาเกิด พระเอกหรือนางเอกมักจะกลับมาเพื่อตามหาคนรักหรือตามมาด้วยความรัก ดิฉันเลยมีความคิดว่าทำไมไม่ให้กลับชาติมาตามล่าตามล้างกันบ้างล่ะ ดังนั้นนัทธมน (ผู้มีใจผูกพัน) จึงเกิดขึ้น คิดได้แล้วก็เอากระดาษมาหนึ่งแผ่น วาดวงกลมลงตรงกลางใส่พล็อตของเราลงไป จากนั้นเริ่มลากเส้นรัศมี (เหมือนกับเด็ก ๆ วาดดวงอาทิตย์นะค่ะ) เส้นแรกคือใคร จดรายชื่อตัวละครทั้งหมดลงมา แล้วใช้กระดาษอีกแผ่นเขียนบรรยายหน้าตา สีผม สีตา ผมสั้นผมยาวและลักษณะนิสัยตัวละครแต่ละตัวนั้นไว้จะได้ไม่พลาดเวลาเขียน รัศมีเส้นที่สอง คือ ทำอะไร อันนี้คือเรื่องย่อของสิ่งที่จะเขียนค่ะ เช่นนัทธมนเข้าใจผิดว่าถูกกฤตย์คนรักเก่าในชาติที่แล้วฆ่าตาย จึงอธิษฐานก่อนตายให้กลับมาเกิดใหม่เพื่อแก้แค้น จิตของมนุษย์ก่อนตายถือว่าแรงมากทำให้หญิงสาวกลับมาพร้อมกับพลังอำนาจวิเศษในตัว ฯลฯ เส้นนี้จะเขียนเรื่องย่อ ๆ หรือจะเขียนโดยละเอียดก็ได้ค่ะ รัศมีเส้นที่สาม คือ ที่ไหน เส้นนี้คือฉากค่ะ เรื่องราวเกิดขึ้นที่ไหน มีสถานที่ไหนบ้างที่คิดว่าจะต้องใช้ในเรื่อง และเช่นกันรัศมีเส้นที่สี่ เมื่อไหร่ คือเวลาที่เกิดขึ้นค่ะ เริ่มจากเรื่องเกิดขึ้นในปัจจุบัน ในอดีตหรือว่าในอนาคต รัศมีเส้นที่ห้า คือ ทำไม ทำไมเรื่องราวเหล่านี้จึงเกิดขึ้น เราต้องการนำเสนออะไรให้ผู้อ่าน อยากให้คนอ่านเห็นอะไร อย่างด้วยแรงอธิษฐานสิ่งที่อยากจะเสนอคือเรื่องการให้อภัย อยากให้รู้ว่าความแค้นนั้นไม่เคยส่งผลดีให้ใครเลย โดยเฉพาะตัวผู้แค้นเคืองเลย ฯลฯ ใส่ลงไปเลยค่ะ จะได้ช่วยไม่ให้เราหลงประเด็นที่จะนำเสนอ เส้นสุดท้าย คือ อย่างไร เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างไร โดยวิธีไหน นำเสนอตามเวลาหรือสลับตัดตอนไประหว่างปัจจุบันกับอดีต เมื่อคุณได้คำตอบทั้งหมดแล้ว ตรวจดูว่ามีอะไรที่ต้องค้นคว้าหาข้อมูลบ้างหรือเปล่า อย่างจะเขียนเรื่องนางเอกมีพลังจิตก็ควรจะหาหนังสือเกี่ยวกับพลังจิตมาเตรียมไว้ อยากจะเขียนฉากแบบไหนถ้าไม่เคยเห็นของจริงก็หาข้อมูลเตรียมไว้หน่อย เตรียมให้พร้อมทุกอย่าง แล้วลงมือเขียนค่ะ
คิดเท่าไรคิดไม่ออกสักที
คิดพล็อตสิบเรื่องเขียนไม่จบสักเรื่อง มาถึงตรงนี้ปัญหาที่คน อยาก เขียนนวนิยายเรื่องยาวมักประสบคือ ทำไมเรื่องมันเขียนยังไงก็ไม่รู้จักจบเสียที เขียนไปห้าบทสิบบทชักเบื่อแล้ว พล็อตนี้เก่าแล้ว อ่านทวนก็ไม่ถูกใจไอ้โน่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ดี ไปเขียนเรื่องใหม่พล็อตใหม่เอี่ยมดีกว่า ท่าจะรุ่งกว่า แต่ความจริงแล้วมันไม่รุ่งหรอกค่ะ เพราะพอเริ่มเขียนเรื่องใหม่ได้ไม่นาน ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม คุณจะเริ่มเบื่อเริ่มไม่ชอบเรื่องที่เขียน อยากจะเปลี่ยนไปเขียนเรื่องใหม่อีก ถ้าเป็นอย่างนี้บอกได้เลยค่ะว่า งานที่เขียนคงไม่มีทางจบแม้แต่เรื่องเดียวแน่ ทางแก้คืออดทนเขียนไปก่อน อย่าเปิดเรื่องใหม่จนกว่าจะเขียนเรื่องเก่าจบ จบแล้วถ้ายังไม่ชอบไม่เป็นไรค่ะ เก็บไว้สักพักก่อนทิ้งไว้สักเดือนแล้วค่อยมาขัดเกลาแก้ไข แก้ไปเรื่อยจนกว่าจะถูกใจเราแล้วค่อยส่งไปที่สำนักพิมพ์หรือนิตยสาร ส่งแล้วไม่ต้องรอคำตอบนะคะ เริ่มลงมือเขียนเรื่องใหม่ได้เลย เพราะถ้าทางนิตยสารตอบรับคุณจะได้มีเรื่องใหม่เสนอต่อเนื่อง หรือถ้าเขาปฏิเสธ คุณก็เอาเรื่องเก่ามาแก้ไขแล้วส่งเรื่องใหม่ไปให้พิจารณา งานจะได้ต่อเนื่องค่ะ ข้อสำคัญของนักเขียนใหม่คืออย่าท้อ ถ้ารักจะเขียนจริง ๆ ต้องไม่กลัวกับตระกร้าบรรณาธิการค่ะ
คิด ๆ เท่าไหร่คิดไม่ออกเสียที
ปัญหาอย่างหนึ่งที่นักเขียนใหม่มักเผชิญ (หรือแม้แต่ตัวดิฉันเองยังเจออยู่บ่อยครั้ง) คือติดขัดในบางจุด อย่างเช่นคิดคำพูดไม่ออก ไม่รู้จะสร้างเหตุการณ์ต่อเนื่องอย่างไร หรืออธิบายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครนั้น ๆ ไม่ได้ วิธีแก้ปัญหาโดยส่วนตัวคือ ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ฝืนเขียน จะหยุดงานนั้นแต่ไม่หยุดคิด หาอะไรอย่างอื่นทำแต่ยังคิดไปเรื่อย ๆ ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรดี และเกิดเวลาผ่านไปสิบวันแล้วยังแก้ไม่ตก ทีนี้ต้องนั่งโต๊ะแล้วค่ะ ลองเขียนฉากที่ติดขัดนั้นออกมาหลาย ๆ แบบ ขึ้นต้นหรือใช้คำพูดต่าง ๆ กันแล้วลองอ่านออกเสียงดัง ๆ ดู ดูว่าภาษาลื่นไหลไหม เหมาะสมไหม ดูว่าฉากแบบไหนเหมาะสมที่สุด แล้วเขียนไปก่อน จากนั้นก็ดำเนินเรื่องต่อ ถ้าผลออกมายังไม่น่าพอใจจริง ๆ ปล่อยทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยกลับมา ทบทวนแก้ไขในจุดที่เคยติดขัดอีกที บางเรื่องของดิฉันเคยแก้กันเป็นบท ๆ แก้อยู่สามรอบสี่รอบก็มีค่ะ
เคล็ดที่ไม่ลับ
เคล็ดอย่างหนึ่งที่ดิฉันถือมาตลอดในการเขียนหนังสือคือ เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบอ่าน ไม่ฝืนเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่รู้ เพราะดิฉันถือเสมอว่าตัวเองเป็นผู้อ่านคนแรก ถ้าเขียนออกมาแล้วผู้อ่านคนแรกไม่ชอบ จะมีคนอ่านที่ไหนชอบงานของเราอีก การส่งงานไปตามนิตยสารก็เป็นเรื่องสำคัญ ดูแนวการเขียนของตัวเองให้เข้ากับแนวนิตยสารหรือสำนักพิมพ์ที่จะส่งเรื่องไปนะคะ ลองอ่านนวนิยายหรือเรื่องสั้นที่ตีพิมพ์อยู่เป็นแนว ถ้าเห็นว่าใช่โทนเดียวกับเรื่องของเราก็ส่งไป ถ้าไม่ใช่ก็หาเล่มอื่น จำไว้เลยนะคะถ้าคุณเขียนเรื่องรักโรแมนติก ต่อให้เรื่องคุณดีแค่ไหน แต่ถ้าคุณเลือกส่งไปนิตยสารวิเคราะห์ข่าว คุณอาจจะไม่ได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ก็ได้ เพราะแม้นิตยสารจะเปิดกว้างสู่ผู้อ่านทุกแนว หากแต่ละเล่มก็ยังมีแนวทางหลักของตัวเองอยู่ค่ะ
คำเตือน
สิ่งที่ดิฉันเขียนเล่ามาทั้งหมดส่วนมากนำมาจากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ อย่าถือจริงจังว่าเป็นหลักอะไรใหญ่โต เป็นข้อเสนอแนะและหวังว่าจะช่วยอะไรผู้ที่อยากเขียนได้บ้างเท่านั้น สิ่งสำคัญอีกข้อของการจะเป็นนักเขียนคือต้องอดทน อดทนเขียนไม่หยุดไม่ท้อ อดทนที่จะได้รับการปฏิเสธ และอดทนรอคำตอบรับจากบรรณาธิการ อย่าคิดว่าส่งเรื่องไปแล้วสามวันเจ็ดวันจะได้รับการตอบรับนะคะ ให้นึกถึงกองบรรณาธิการที่มีคนทำงานหยิบมือกับกองต้นฉบับเป็นร้อยเป็นพันที่ส่งมาจากทั่วประเทศ ทางกองต้องใช้เวลาอ่านเวลาพิจารณาตามคิวค่ะ ฉะนั้นอาจจะช้าหน่อยถึงช้ามาก เรื่องสั้นขนาดห้าตอนจบเรื่องบ้านอัญชันของดิฉันใช้เวลาหนึ่งปีก่อนที่ขวัญเรือนจะตอบรับ เรียกว่าลืมไปแล้วว่าส่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉะนั้นการรอการตอบรับแล้วค่อยเริ่มงานจึงเป็นเรื่องเสียเวลามากค่ะ ส่งงานไปแล้วให้เริ่มงานใหม่เลย ขออวยพรและเป็นกำลังใจให้นักเขียนหน้าใหม่ทุกท่านค่ะ อย่าลืมว่านักเขียนทุกคนที่ยืนอยู่บนถนนสายหนังสือวันนี้ผ่านการเป็นนักเขียนหน้าใหม่ นักเขียนโนเนมมาแล้วทั้งสิ้น ทุกคนต้องเริ่มจากการนับหนึ่งเหมือนกันหมด ฉะนั้นอย่าท้อแท้และอย่ามุ่งหวังสูงเกินไปตั้งแต่เริ่มต้น ค่อย ๆ ทำงานตั้งใจทำให้ดีที่สุด ทำอย่างต่อเนื่อง แล้ววันหนึ่งคุณจะได้ยืนในจุดที่คุณมุ่งหวังเอง โชคดีค่ะ
|
[ หน้าบ้าน ] [ ประวัติ ] [ ผลงาน ] [ เรื่องย่อ ] [ สัมภาษณ์ ] [ สมุดเยี่ยม ] [ หลังบ้าน ]
"บ้านกิ่งฉัตร" เป็นโฮมเพจกิ่งฉัตรอย่างไม่เป็นทางการ มิได้จัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ใดๆแก่ผู้จัดทำ "กิ่งฉัตร" และผลงานที่อ้างอิงบนโฮมเพจนี้ ยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้เขียนและผู้พิมพ์ทุกประการ
"บ้านกิ่งฉัตร" จัดทำโดย กมลวรรณ อ่อนละมัย 7 ก.พ. 2544