บทความของกิ่งฉัตร

ขอขอบคุณ พี่ be supergirl   ผู้ส่งบทความเข้ามา (เจ้าค่ะ...^_^ ) 

วันวารของเรา

บทความ โดย กิ่งฉัตร

ตีพิมพ์ใน หนังสือวันวารของเรา (IMAGE)  (2544)


สมัยยังเด็กเวลาคุยกับเพื่อนฝูงเรามักจะถามไถ่กันเรื่องอนาคต ใครอยากเป็นอะไร…

เพื่อนบางคนอยากเป็นหมอ เพราะพ่อแม่ฝังหัวว่าเป็นอาชีพที่ดี มีหน้ามีตาในสังคม

บางคนอยากเป็นครู ให้เหตุผลว่าเพราะจะได้ตีเด็ก (สงสัยรายนี้เคยถูกครูตีจนฝังใจ)

รายหนึ่งประหลาดหน่อย อยากเป็นนางสาวไทย (แน่นอน ดิฉันไม่มีเพื่อนเป็นนางสาวไทย)

ส่วนตัวดิฉันเองรู้สึกจะเปลี่ยนใจได้วันละร้อยแปดหน เคยอยากเป็นครู เป็นหมอ (เหตุผลประหลาดหน่อยค่ะ ชอบกลิ่นยาในโรงพยาบาล) อยากเป็นชาวไร่ขี่ม้าเก๋ไก๋ หรือแม้แต่อยากเป็นจารชนทำงานสืบราชการลับ โก้สุดๆ หากสุดท้ายเมื่ออยู่มัธยมต้น เมื่อได้เริ่มหลุดเข้าไปในวงล้อมของหนังสือ ได้รู้จักโลกใหม่ที่เปิดกว้าง ได้หัวเราะกับร้องไห้ไปกับจินตนาการของผู้เขียน ดิฉันก็ได้คำตอบ อยากเป็นนักเขียน

การ ‘ริ’ จะเป็นนักเขียนตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เรื่องง่าย สมัยนั้นผู้ปกครองยังยึดอยู่ว่าหนังสืออื่นใดที่ไม่ใช่หนังสือเรียนเป็นเรื่องต้องห้าม ดิฉันจึงต้องอ่านและเขียนแบบหลบๆซ่อนๆ เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครชอบอ่านหนังสือสักคน ดังนั้น จึงไม่มีใครให้ความสนับสนุนในการอ่านนิยายของนักริเขียนเลย อ่านแล้วก็ถามโน่นถามนี่ ประเภท

“เธอจ๋า ไอ้ตัวละครนกยักษ์ของเธอหายไปไหน เปิดเรื่องมันก็ตัวชูโรงดีอยู่ แต่ทำไมหายไปกลางเรื่อง จู่ๆก็หาย เป็นไปได้ยังไงกัน?”

ทำเอานักริเขียนหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิตถูกจับได้ว่าเผอเรอลืมตัวละคร แล้วไม่รู้จะแต่งเสริมเข้าไปทีหลังอย่างไร

ดิฉันจบมัธยมปลายมาพร้อมกับหนังสือรุ่นที่สรรเสริญว่าอยากเป็นนักเขียนน้ำเน่า แต่ติดปัญหาที่หาคนอ่านไม่ได้!

เข้าเรียนต่อธรรมศาสตร์ ดิฉันไม่ละทิ้งงานเขียน และเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ไม่ละทิ้งความขี้เกียจอ่านงานของนักริเขียน ก่อนส่งต้นฉบับให้อ่านจะต้องมีการติดสินบน ทำเป็นส่งลูกอมให้เพื่อนก่อน รอจนเธอแกะห่อเอาเข้าปากแล้วจึงส่งต้นฉบับตาม พร้อมคำขู่

“ถ้าไม่อ่านก็คายลูกอมฉันคืนมา”

เพื่อนฝูงทำตาปริบๆ พวกหัวอ่อนหน่อยก็ยอมอ่านโดยดี แต่มีพวกกบฏที่อ่านไปทำตบแข้งตบขา บ่นว่า

“โอ๊ย..ยุงชุม บินว่อนไปหมดเลย”

นักริเขียนโมโหอีก ดึงเอาต้นฉบับคืน ไม่ง้อแล้วไอ้เพื่อนพวกนี้ พยายามเขียนเรื่องสั้นส่งไปตามนิตยสารต่างๆแทน แต่ผลก็คือลงตะกร้าบรรณาธิการเสียเป็นส่วนใหญ่ กระทั่งเรียนอยู่ปีสุดท้าย เทอมสุดท้าย ดิฉันมีเวลาว่างมากหน่อย เพราะลงเรียนตัวเดียว จึงเริ่มต้นเขียนนวนิยายเรื่องแรกในชีวิต

หนึ่งปีหลังจากนั้น ต้นฉบับ “พรพรหมอลเวง” ก็ได้รับการตีพิมพ์

และถ้าจะถามถึงเพื่อนฝูงดิฉัน ยังไม่มีใครยอมอ่านนวนิยายของ “กิ่งฉัตร” เท่าไหร่นัก หนำซ้ำเวลาให้หนังสือฟรีแถมเซ็นชื่อให้ ยังมีกระแสบ่น

“ฉันทนอ่านเลคเชอร์ลายมือเธอมาสี่ปี ยังต้องมาอ่านตัวหนังสือขยุกขยิกที่หน้าปกนิยายอีกเรอะ”

เฮ้อ !


ขอขอบคุณ พี่ be supergirl  ผู้ส่งบทความเข้ามา (เจ้าค่ะ...^_^ ) 

รู้สึกอย่างไรกับบทความนี้ ติดต่อเวปมาสเตอร์

[ หน้าบ้าน ] [ ประวัติ ] [ ผลงาน ] [ เรื่องย่อ ] [ สัมภาษณ์ ] [ สมุดเยี่ยม ] [ หลังบ้าน ]


"บ้านกิ่งฉัตร" เป็นโฮมเพจกิ่งฉัตรอย่างไม่เป็นทางการ    มิได้จัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ใดๆแก่ผู้จัดทำ    "กิ่งฉัตร" และผลงานที่อ้างอิงบนโฮมเพจนี้   ยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้เขียนและผู้พิมพ์ทุกประการ

"บ้านกิ่งฉัตร" จัดทำโดย กมลวรรณ อ่อนละมัย   7 ก.พ. 2544   โดยได้รับการเอื้อเฟื้อข้อมูลจากแฟนกิ่งฉัตรบนบอร์ด Chulabook