เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕o๔ ท่านพุทธทาสภิกขุ
ได้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่องานประกาศธรรมะ
คณะนายแพทย์แห่งโรงพยาบาลศิริราช ร่วมด้วยนักศึกษาวิชาแพทย์
ณ โรงพยาบาลนั้น ได้นิมนต์ท่านแสดงปาฐกถารวม
๓ ครั้ง ปรากฏว่าข้อความที่ท่านแสดงนั้น
คือ ใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา
อันเป็นเรื่องย่อเอาแต่แก่นของพุทธธรรมมากล่าว
เหมือนกับบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่ชาวพุทธควรศึกษา
ควรปฏิบัติ อยู่ที่ตรงนี้ เป็นการตัดปัญหายุ่งยากมีประการต่าง
ๆ ที่ชอบเถียงกันในเรื่อง หลักของพุทธธรรม
ท่านนำพระพุทธดำรัสมาบอกให้ทราบว่า
"ใจความแท้ ๆ" นั้นคืออะไร
?
ต่อมาท่านแสดงอีกครั้งถึงเรื่อง
"ความว่าง" อันเป็นใจความสำคัญที่ควรสนใจมาก
เราได้ยินพุทธภาษิตบททนื่งว่า นิพฺพานํ
ปรมํ สุญฺญํ อันแปลว่า พระนิพพานเป็นความว่างอย่างยิ่ง
แต่ยังไม่ทราบชัดว่า ว่าง อย่างไร ความว่างอยู่ที่ตรงไหน
ถ้าได้ฟังกัณฑ์นี้อันว่าด้วยความว่างแล้วจะชัดเจนขึ้นและมองเห็นว่า
"พระนิพพาน" เป็นสิ่งที่ทุกคนอาจเข้าถึงได้ในชีวิตนี้
ครั้งต่อมาท่านพูดถึงเรื่อง
วิธีปฏิบัติเพื่อเป็นอยู่ด้วยความว่าง
เป็นการชี้ทางให้เดินตรงไปตามแนวนี้
เป็นเรื่องที่ชาวโลกผู้หมกมุ่นโนการงานควรศึกษา
พึงนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพราะการปฏิบัติตนตามวิธีเพื่อเป็นอยู่ด้วยความว่างจะช่วยให้อยู่อย่างสงบ
ปองกันโรคทางวิญญาณได้เป็นอย่างดี
ปาฐกถาทั้งสามครั้งนี้
เป็นที่พอใจคณะนายแพทย์เป็นอย่างมาก
จึงได้ถอดจากเครื่องอัดเสียงมาเป็นตัวหนังสือ
อ่านแล้วก็พอใจใคร่จะให้ได้อ่านกันทั่วถึง
จึงคิดกันว่าควรจะพิมพ์เป็นเล่มให้แพร่หลาย
ประจวบกับท่านพุทธทาส กำลังสร้าง โรงมหรสพทางวิญญาณ
อยู่ นายแพทย์ผู้หนึ่ง ได้นำความเรื่องนี้ไปหารืออาตมา
อาตมาเห็นด้วย หนังสือเล่มนี้จึงได้เกิดขึ้น
ด้วยประการฉะนี้ ท่านซื้อหนังสือนี้ไปอ่าน
ท่านได้กุศลทำบุญ ถึงสองสถาน กระสุนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
แต่ว่าหนังสือเรื่องนี้
เป็นธรรมะส่วนลึกในพระพุทธศาสนา ย่อมยากบ้างเป็นธรรมดา
ผู้อ่านจึงด้องอ่านด้วยความตั้งใจ อ่านช้า
ๆ คิดตามไปด้วย อย่าทิ้งเสียเมื่ออ่านบทแรกแล้วไม่เข้าใจ
จงพยายามอ่านแล้วอ่านอีก อ่านด้วยจิตใจทีเยือกเย็น
- สงบจนเข้าใจชัด ท่านจะได้รับประโยชน์ตามควรอย่างคุ้มค่าสมกับที่
ท่านได้พบพระพุทธศาสนา อย่างน้อย ๆ ท่านก็รู้เองว่า
"แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา"
นั้นอยู่ตรงนี้เอง