......ลักษณะอย่างเดียวกันเป็นสิ่งสัมพัทธ์
(มีเงื่อนไข) ส่วนลักษณะต่อสู้กัน เป็นสิ่งสัมบูรณ์ (ไม่มีเงื่อนไข) ลักษณะต่อสู้แฝงอยู่ในลักษณะอย่างเดียว(เอกภาพ)
ถ้าไม่มีลักษณะต่อสู้ก็จะไม่มีลักษณะเอกภาพ เพราะเหตุใดลักษณะเอกภาพเป็นสิ่งสัมพัทธ์และมีเงื่อนไขเพราะลักษณะเอกภาพก็คือด้าน
2 ด้านที่ขัดแย้งอาศัยกันและแปรเปลี่ยนไปสู่กัน ซึ่งล้วนเป็นไปโดยมีเงื่อนไขที่แน่นอน
เช่นระหว่างชนชั้นขูดรีดกับชนชั้นถูกขูดรีด เงื่อนไขที่ทั้ง 2 ดำรงอยู่และอาศัยกันก็อยู่ในเงื่อนไขที่มีระบอบกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล
ถ้าปราศจากเงื่อนไขนี้ ทั้ง 2 ก็อาจจะอยู่ไม่ได้ การแปรเปลี่ยนก็ต้องมีเงื่อนไขที่แน่นอน
ฉะนั้นลักษณะเอกภาพจึงเป็นสิ่งสัมพัทธ์และมีเงื่อนไข แต่ลักษณะต่อสู้ดำรงอยู่ในกระบวนการต่อสู้และ
การดำรงอยู่แห่งการพัฒนาของความขัดแย้ง ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสัมบูรณ์
และไม่มีเงื่อนไข ดังนั้น ปราชญ์จีนจึงว่า "ลัษษณะคงตัวของกระบวนการทั้งปวงเป็นสิ่งสัมพัทธ์
แต่ลักษณะปรวนแปรที่แปรเปลี่ยนจากกระบวนการหนึ่งเป็นอีกกระบวนการหนึ่งนั้นเป็นสิ่งสัมบูรณ์"
ทั้งยังกล่าวอีกว่า "การประสานกันเข้าระหว่างลักษณะอย่างเดียวกัน ซึ่งมีเงื่อนไขและสัมพันธ์กับลักษณะต่อสู้
ซึ่งไม่มีเงื่อนไขและสัมบูรณ์นั้น ประกอบขึ้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกันในสิ่งทั้งปวง"
ด้าน 2 ด้านที่ขัดแย้งกันดำรงอยู่ด้วยการเปรียบเทียบกัน และพัฒนาด้วยการต่อสู้กัน
หมายถึงว่า กระบวนการหนึ่ง จะแปรเปลี่ยนไปสู่อีกกระบวนการหนึ่งเป็นสิ่งสัมบูรณ์ |