4.
ต่อสรรพสิ่งที่เป็นรูปธรรมควรใช่ท่าทีที่วิเคราะห์ |
4.1
ความขัดแย้งรูปธรรมใดๆ ล้วนมีลักษณะเฉพาะของตนทั้งนั้น ความขัดแย้งมีลักษณะทั่วไป
ลักษณะทั่วไปนี้ได้สนองหลักการขั้นมูลฐานแก่เราในการรับรู้สรรพสิ่ง มันได้บอกเราว่า
ต้องใช้ทัศนะหนึ่งแยกเป็นสองสังเกตและมองดูสรรพสิ่ง แต่เมื่อใช้ลักษณะทั่วไปของความขัดแย้งในสิ่งที่เป็นรูปธรรมควรดำเนินการวิเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรมเพราะความขัดแย้งต่างๆ
ของสิ่งที่เป็นรูปธรรมต่างก็มีสิ่งเฉพาะและธาตุแท้ของตน ในโลกนี้เราไม่สามารถหาความขัดแย้ง
2 อย่างที่เหมือนกันหมด เช่น ลูกฝาแฝดก็ยังไม่เหมือนกันหมด เพราะความขัดแย้งต่างมีลักษณะเฉพาะของตน
ฉะนั้น สรรพสิ่งจึงมีลักษณะแตกต่างกันร้อยแปด ฉะนั้น เมื่อเราจะแก้ความขัดแย้งให้ตก
ก็ต้องดำเนินการวิเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรมต่อสรรพสิ่งที่เป็นรูปธรรม |
.......จะวิเคราะห์รับรู้ลักษณะเฉพาะของความขัดแย้งได้อย่างไรปราชญ์ชาวจีนได้สรุปว่าจะต้องวิเคราะห์จากสภาพ
5 อย่าง |
.....(1)
ความขัดแย้งในรูปแบบการเคลื่อนไหวของวัตถุแต่ละรูปล้วนมีลักษณะเฉพาะ เช่นในสังคมมนุษย์ลักษณะเฉพาะของความขัดแย้งระหว่างพลังการผลิตและความสัมพันธ์ทางการผลิต
โครงสร้างชั้นบนกับรากฐานทางเศรษฐกิจ ในโลกธรรมชาติไม่ใช่เช่นนั้น มีการเคลื่อนไหวของฟิสิกส์และเคมีในฟิสิกส์มีแรง
กิริยา ปฏิกิริยา ในเคมี มีการแยกตัวและรวมตัว สิ่งที่มีชีวิตมีลักษณะเฉพาะของตน
คือ กระบวนการรวมเป็นสิ่งเดียวกันและแยกเป็นสิ่งต่างกันของตัวโปรตีน ลักษณะเฉพาะของสิ่งหนึ่งทำให้เกิดธาตุแท้ของสิ่งหนึ่งๆ
คำพูดของเองเกลส์ที่ว่า "ถ้าว่าในตัวการเคลื่อนย้ายแบบกลไลอย่างง่ายๆ มีความขัดแย้งแล้ว
ในรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สูงยิ่งขึ้นของวัตถุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินทรียชีวิต
และการพัฒนาของมันก็ยิ่ง มีความขัดแย้งอยู่...ชีวิตนั้นก่อนอื่นก็อยู่ที่
: ในทุกๆ ขณะสิ่งมีชีวิตเป็นตัวของมันเองแต่ก็ยังเป็นอะไรอื่นอีก ดังนั้น
ชีวิตคือความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสรรพสิ่งและกระบวนการเองซึ่งเกิดขึ้นเองและแก้ตกไปอย่างไม่ขาดสาย
ในทันทีที่ความขัดแย้งนี้สิ้นสุดลง ชีวิตก็จะสิ้นสุดลงด้วย และความตายก็มาถึง
ชีวิตเป็นรูปแบบการดำรงอยู่ของโปรตีน และตัวโปรตีนก็มีการรวมตัว และแยกตัวอย่างไม่ขาดสาย
หมายความว่า ตัวโปรตีนรับเอาสิ่งที่มันต้องการเข้ามาอยู่ไม่ขาด ถ่ายเทสิ่งที่มันไม่ต้องการออกมา
กระบวนการรวมตัวและแยกนี้เกิดบทบาทโดยเชื้อรา" |
......(2) ความขัดแย้งในกระบวนการพัฒนาแต่ละกระบวนที่ต่างกันของสรรพสิ่งที่ต่างกันต่างกัน
ต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตน |
......(3) ด้านต่างๆ
ของความขัดแย้งในกระบวนการพัฒนาแต่ละขบวนของสรรพสิ่ง ต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตน |
......(4) ขั้นที่ต่างกันในกระบวนการพัฒนาแต่ละกระบวนการของสรรพสิ่งต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตน
|
......(5) ด้านต่างๆ
ของความขัดแย้งในขั้นที่ต่างกันในกระบวนการแห่ง การพัฒนากระบวนเดียวกันของสรรพสิ่งมีลักษณะเฉพาะ |
...สรุปแล้ว ในการรับรู้ธาตุแท้ของการเคลื่อนไหวของลักษณะเฉพาะของความขัดแย้งของสรรพสิ่งเราต้องวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความขัดแย้งนี้กับความขัดแย้งอื่น
ไปวิเคราะห์ด้านต่างๆ ภายในความขัดแย้งที่เป็นรูปธรรม พิจารณาด้านต่างๆ
ของความขัดแย้งในขั้นที่ต่างกันต่างๆ แห่งการเคลื่อนไหวของความขัดแย้งมีแต่ดำเนินการวิเคราะห์อย่างซึมลึก
ต่อความขัดแย้งที่เป็นรูปธรรมจึงจะเข้าใจธาตุแท้ของความขัดแย้งเฉพาะของสิ่ง
จึงจะสามารถค้นพบวิธีการที่เหมาะสมไปแก้ความขัดแย้งนี้ให้ตกไป |