อัครมหาเสนาบดี

......พระราชาได้สูญเสียอัครมหาเสนาบดีของพระองค์ไปจึงทรงแต่งตั้งซาดิกให้ดำรงตำแหน่งนี้แทน เหล่าสุภาพสตรีโฉมงามทั้งหลายในกรุงบาบิโลนต่างปรบมือให้กับพระราชโองการแต่งตั้งครั้งนี้ เพราะตั้งแต่มีการก่อตั้งราชอาณาจักรมา ยังไม่เคยมีอัครมหาเสนาบดีหนุ่มอย่างนี้มาก่อนเลย แต่เหล่าข้าราชสำนักทั้งหลายต่างพากันโกรธแค้นมมาก จอมอิจฉาเองถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือดและจมูกก็บวมปูดน่ากลัว ซาดิกเข้าเฝ้าฯพระราชาและพระราชินีเพื่อถวายความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เสร็จแล้วก็ไปขอบใจนกแก้วด้วย พูดกับมันว่า
......"เจ้าแก้วแสนดี เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้และทำให้ข้าได้เป็นอัครมหาเสนาบดี แม่สุนัขของพระราชินี และม้าของพระราชา ทำให้ข้าได้รับโทษหนัก แต่เจ้าได้ทำคุณกับข้า ชะตามนุษย์เราก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้แหละนะ"
......ซาดิกปรารภต่อว่า
......"แต่ความสุขที่น่าพิศวงเช่นนี้ อาจจะหายไปในไม่ช้า"
......นกแก้วตอบว่า
......"ใช่"
......คำตอบนี้ทำให้ซาดิกถึงกับสะดุ้ง แต่ความที่เข้าเป็นนักธรรมชาติวิทยาที่ดี และไม่เชื่อว่านกแก้วจะเป็นผู้ทำนายอนาคตได้สักพักหนึ่ง เขาก็สบายใจได้ และเริ่มต้นทำงานในตำแหน่งให้ดีที่สุด
......ซาดิกทำให้ทุกคนรู้ซึ้งถึงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายแต่ไม่ทำให้ผู้ไดรู้สึกว่าถูกอำนาจที่สูงส่งบีบคั้นข่มเหง เขาไม่เคยขัดการออกเสียงของสภาเสนาบดี และเสนาบดีแต่ละคนก็สามารถออกความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ เมื่อเขาตัดสินคดีใดไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสิน แต่เป็นกฎหมาย เมื่อกฎหมายข้อใดแรงเกินไป เขาก็จะลดหย่อนลง และถ้ากฎหมายบ้างเรื่องขาดไป เขาก็จะกำหนดขึ้นมาด้วยความเที่ยงธรรม จนคนอาจจะคิดไปได้ว่าเป็นกฎหมายที่บัญญัติโดยท่านศาสดาโซโรอัสเตอร์
......หลายชาติได้ยึดหลักการสำคัญจากซาดิกที่ว่าการเสี่ยงช่วยคนผิดดีกว่าการตัดสินใจลงโทษคนบริสุทธิ์ เขาเชื่อว่ากฎหมายถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนพอๆ กับเพื่อทำให้เกรงกลัวความสามารถยอดเยี่ยมของซาดิกอยู่ตรงที่ เขาทำให้ความจริงที่คนอื่นๆ พยายามทำให้คลุ่มเครือกระจ่างชัดขึ้นได้ เขาได้ใช้ความสามารถพิเศษนี้ตั้งวันแรกๆ ที่เข้าดำรงตำแหน่งบริหารราชการแผ่นดิน
......มีอยู่กรณีหนึ่ง พ่อค้ามีชื่อคนหนึ่งของกรุงบาบิโลนได้เสียชีวิตไปในแดนภารตะ ลูกชายสองคนได้รับมรดกคนละส่วนเท่าๆกัน หลังจากที่ได้จัดงานแต่งงานให้กับน้างสาวแล้ว นอกจากนี้บุตรคนใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารักพ่อมากกว่ากัน ก็จะได้รับเงินรางวันอีกสามหมื่นเหรียญทอง ลูกชายคนโตสร้างหลุมฝังศพให้พ่อ ลูกชายคนที่สองแบ่งเงินจากมรดกส่วนของตนไปเพิ่มค่าสินสมรส ให้กับน้องสาวใครๆ ก็พูดว่า
......"ลูกชายคนโตรักพ่อมากที่สุด ลูกชายคนรองรักน้องสาวมากกว่า เงินจำนวนสามหมื่นเหรียญ จึงควรตกเป็นของลูกชายคนโต"
......ซาดิกเรียกลูกชายทั้งสองมาหาทีละคน เขาพูดกับพี่ชายว่า
......"พ่อของเจ้าไม่ได้เสียชีวิตหรอก ท่านหายขาดจากโรคครั้งล่าสุดแล้ว และกำลังจะกลับมายังกรุงบาบิโลน"
......ชายหนุ่มผู้พี่ตอบว่า
......"ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า แต่ถึงอย่างไรข้าก็ได้จ่ายเงินค่าหลุมศพไปแพงหูฉี่เลย"
......ซาดิกพูดอย่างเดียวกันกับบุตรชายคนรอง ซึ่งตอบว่า
......"ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าข้าจะคืนทุกอย่างที่ข้ามีอยู่ให้กับพ่อข้า แต่ข้าอยากจะขออนุญาตให้น้องสาวข้าเก็บส่วนที่ข้าได้ให้ไว้"
......ซาดิกพูดว่า
......"เจ้าไม่ต้องคืนอะไรหรอก และเจ้าจะได้เงินเพิ่มอีกสามหมื่นเหรียญ เพราะเจ้าเป็นคนรักพ่อมากที่สุด"
......อีกกรณีหนึ่ง สาวน้อยฐานะมั่งคั่งผู้หนึ่งได้สัญญากับราชครูสองคนว่าจะแต่งงานด้วย หลังจากได้รับการอบรมสั่งสอนจากคนทั้งสองเป็นเวลาสองสามเดือนก็ปรากฏว่าหล่อนเกิดตั้งท้องขึ้นมา ราชครูทั้งสองต้องการแต่งงานกับหล่อน หล่อนบอกว่า
......"ข้าจะรับผู้ที่ทำให้ข้าเพิ่มพลเมืองให้กับราชอาณาจักรเป็นสามี"
......ราชครูคนหนึ่งพูดว่า
......"ข้าเองเป็นคนทำผลงานที่ดีขึ้น"
......อีกคนแย้งว่า
......"ข้าต่างหาก ที่ทำได้สำเร็จ"
......แม่สาวน้อยจึงตอบว่า
......"เอ ถ้าอย่างนั้นละก็ ข้าจะยอมรับคนใดคนหนึ่งที่สามารถให้การศึกษาอบรมที่ดีที่สุดแก่เด็ก ให้เป็นพ่อของลูกข้า"
......หล่อนคลอดบุตรเป็นชาย ราชครูแต่ละคนอยากเป็นผู้เลี้ยงดู คดีถูกนำไปให้ซาดิกพิจารณา เขาเรียกราชครูทั้งสองให้มาหาแล้วถามคนแรกว่า
......"ท่านจะสอนอะไรให้กับลูกศิษย์ของท่าน"
......ราชครูคนแรกตอบว่า
......"ข้าจะสอนเขาเรื่อง วากย์ทั้งแปด วาทศิลป์ โหราศาสตร์ โรคผีสิง และสอนให้รู้ว่าอะไรคือความเที่ยงแท้ อะไรคืออุบัติการณ์ อะไรคือรูปธรรม อะไรคือนามธรรม ตลอดจนหลักทฤษฎีที่ว่าด้วยปรมาณูศาสตร์ และระบบจักรวาล"
......ราชครูคนที่สองตอบว่า
......"ข้าจะพยายามสอนเขาให้เป็นคนเที่ยงธรรมและน่าคบหาสมาคม"
......ซาดิกประกาศว่า
......"ไม่ว่าท่านจะเป็นพ่อของเด็กหรือไม่ ท่านจะได้สมรสกับแม่ของเขา"