|
อาหารค่ำ
|
......เซตอคไม่อาจจะพรากจากซาดิกผู้ทรงปัญญาได้
จึงพาเขาไปตลาดนัดใหญ่ที่เมืองบัลซอราด้วย
เหล่าพ่อค้าใหญ่ทั่วโลกจะพากันมายังตลาดนัดแห่งนี้
ซาดิกคลายทุกข์ไปถนัด
เมื่อเห็นผู้คนชาติต่างๆ
มารวมกันอยู่ ณ
ที่แห่งเดียวกัน
เขารู้สึกเหมือนว่าจักรวาลนี้คือครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งที่มาชุมนุมกันอยู่ที่เมืองบัลซอรา |
......ตั้งแต่วันที่สอง
ซาดิกก็มีโอกาสได้ร่วมโต๊ะอาหารกับชาวอียิปต์
ชาวภารตะที่มาจากลุ่มแม่น้ำคงคา
ชาวเมืองคาเธ่ย์
ชาวกรีก ชาวเซลท์
และชาวต่างชาติอื่นๆ
อีกหลายคน
คนเหล่านี้ได้เดินทางมาค้าขายตามแถบทะเลแดงบ่อยๆ
จึงได้เรียนภาษาอาหรับอยู่บ้าง
พอที่จะพูดจากันรู้เรื่อง
ชาวอียิปต์มีท่าทางโกรธจัดพูดว่า |
......"เมืองบัลซอรานี่
ช่างบัดซบเสียจริง
ทุกคนในเมืองนี้ต่างปฏิเสธไมให้ข้ากู้เงินพันเหรียญทั้งๆ
ที่ข้ามีของค้ำประกันที่มีค่ามากที่สุดในโลก" |
......เซตอคถามว่า |
......"ว่าไงนะ
ของค้ำประกันอะไรล่ะคนเขาไม่อยากจ่ายเงินจำนวนนี้" |
......ชาวอียิปต์ตอบว่า |
......"ศพป้าข้าไงล่ะ
แกเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญที่สุดของอียิปต์เดินทางไปไหนมาไหนกับข้ามาตลอด
พอแกตายกลางทาง
ข้าก็ได้ทำมัมมี่ศพแกไว้
เป็นมัมมี่สวยที่สุดตัวหนึ่งในบรรดามัมมี่ที่เรามีอยู่
ถ้าข้าเอาไปจำนำในประเทศของข้า
ข้าจะได้ทุกสิ่งที่ข้าต้องการเลยแหละ
มันน่าแปลกจริงๆ
ที่คนที่นี่ไม่อยากให้เงินแค่พันเหรียญทองเอง
สำหรับของค้ำประกันที่มีค่ามั่นคงเช่นนี้ |
......ขณะที่ระบายความโกรธอยู่
เขาหยิบชิ้นไก่ต้มรสเลิศขึ้นมาหมายจะกิน
ชาวภารตะจึงยึดมือเขาไว้พร้อมกับอุทานออกมาอย่างเศร้าใจว่า |
......"อ้าว
นั่นท่านจะทำอะไรน่ะ" |
......ชายเจ้าของมัมมีตอบว่า |
......"ก็จะกินไก่นะซิ" |
......ชายมาจากลุ่มแม่น้ำคงคาห้ามว่า |
......"อย่ากินมันดีกว่าท่าน
วิญญาณของผู้ตายอาจะไปสิงอยู่ก็ได้
และท่านคงไม่อยากเสี่ยงต่อการกินป้าของท่านเป็นแน่
อีกอย่างการเอาไก่มาต้มนั้น
ทำให้เทวดาฟ้าดินพิโรธอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ" |
......ชาวอียิปต์ขี้โมโหพูดต่อว่า |
......"เทวดาฟ้าดินและไก่ของท่านหมายถึงอะไรล่ะ
เราชาวอียิปต์บูชาวัว
แต่เราก็กินมันได้" |
......ชายผู้มาจากลุ่มแม่น้ำคงคาอุทานถามว่า |
......"ท่านบูชาวัว
เป็นไปได้อย่างไรกัน" |
......อีกคนตอบว่า |
......"ไม่มีอะไรจะเป็นไปได้ยิ่งกว่านี้
พวกเราบูชาวัวมานานถึงหนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันปี
แล้วไม่มีใครในหมู่พวกเราว่าอะไรเลยนี่" |
......ชาวภารตะพูดต่อว่า |
......"โอ้โฮ
ตั้งหนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันปีเชียวรึ
นับมากเกินไปหน่อยละมั้ง
แดนภารตะเพิ่งมีคนอาศัยอยู่เมื่อแปดหมื่นปีมานี้เอง
พวกเราโบราณกว่าพวกท่านแน่ๆ
เพราะพระพรหมได้ห้ามเราไม่ให้กินเนื้อวัว
ก่อนที่พวกท่านจะคิดเอามันมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยบนแท่นบูชา
และเสียบเหล็กย่างกินเสียอีก" |
......ชาวอียิปต์พูดว่า |
......"เมื่อเทียบกับเทพเอปิสของเราแล้ว
พระพรหมของท่านช่างเป็นสัตว์ที่น่าขันเสียนี่กระไร
พระพรหมของท่านได้ทำอะไรที่ประเสริฐบ้างล่ะ" |
......พราหมณ์ตอบว่า |
......"ท่านได้สอนมนุษย์เราให้รู้จักอ่าน
เขียน
และคนทั้งโลกต่างเป็นหนี้บุญคุณท่านที่ได้ประดิษฐ์หมากรุกขึ้น" |
......ชาวคัลเดียนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ
ขัดขึ้นว่า |
......"ท่านเข้าใจผิดแล้วล่ะ
แทพโอเนส
ต่างหากที่มีบุญคุณใหญ่หลวงต่อพวกเรา
และจะเป็นการถูกต้องอย่างยิ่ง
ถ้าพวกเราจะเคารพบูชาท่านแต่เพียงองค์เดียว
ทุกคนจะบอกพวกท่านว่าพระองค์เป็นเทพเจ้าที่มีหางสีทอง
และมีศีรษะรูปงามเป็นมนุษย์
พระองค์ทรงขึ้นจากน้ำมาสั่งสอนมนุษย์บนบกวันละสามชั่วโมง
พระองค์ทรงมีโอรสหลายองค์ที่ได้เป็นกษัตริย์
ดังที่ทราบกันอยู่
ข้ามีพระรูปของพระองค์เอาไว้บูชาที่บ้านตามที่เห็นสมควร
เรากินเนื้อวัวได้เท่าที่ต้องการ
แต่จะเป็นบาปใหญ่หลวงแน่นอนถ้าเอาปลามาทำอาหาร
อนึ่ง
พวกท่านทั้งสองท่านมีชาติกำเนิดที่ไม่สูงศักดิ์นัก
ทั้งยังเพิ่งเกิดมาไม่นานพอที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับข้าได้
ประเทศอียิปต์มีอายุแค่หนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันปี
และชาวภารตะก็อวดได้เพียงแปดหมื่นปีเท่านั้น
ส่วนเราชาวคัลเดียนมีปฏิทินมานานถึงสี่พันศตวรรษแล้ว
เชื่อข้าเถอะจงเลิกความเชื่อบ้าๆ
ของพวกท่านเสีย
แล้วข้าจะแจกพระรูปอันสวยงามของเทพโอนเนสให้กับพวกท่านคนละใบ" |
......ชาวกัมบาลู
พูดขึ้นมาบ้างว่า |
......"ข้านับถือ
ชาวอียิปต์
ชาวคัลเดียน ชาวกรีก
ชาวเซลท์ พระพรหม
วัวเอปิส
และปลาโอนเนสแสนสวยมากทีเดียว
แต่เจ้าสูงสุดหลี
หรือเทียน
ตามแต่จะเรียก
อาจจะทรงมีค่ากว่าพวกวัวและพวกปลารวมกันเสียด้วยซ้ำไป
ข้าจะไม่พูดถึงประเทศของข้าหรอก
เพราะมันใหญ่พอๆ
กับพื้นที่ของประเทศอียิปต์
ประเทศคัลเดีย
และชมพูทวีปรวมกันเลยล่ะ
ข้าจะไม่ถกเถียงเรื่องความโบราณด้วย
เพราะมีความสุขก็เพียงพอแล้ว
ความโบร่ำโบราณไม่เห็นสำคัญตรไหน
แต่ถ้าจุพูดถึงเรื่องปฏิทินแล้วละก้อ
ทั่วทั้งทวีปเอเชียเอาอย่างปฏิทินของเราหมด
เรามีปฏิทินเยี่ยมก่อนที่จะมีคนรู้คณิตศาสตร์ในประเทศคัลเดียเสียอีก" |
......ชาวกรีกตะโกนออกมาว่า |
......"พวกท่านทุกคนนี่ช่างเขลาเสียจริง
พวกท่านไม่รู้หรือว่าความยุ่งเหยิงเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งและรูปร่างกับสสารเป็นสิ่งที่ทำให้ดลกของเรามีสภาพดังที่เป็นอยู่"
ชาวกรีกพูดต่ออีกนานในที่สุดก็ถูกชาวเซลท์ตัดบท
ระหว่างที่คนอื่นๆ
กำลังถกเถียงกันอยู่
ชาวเซลท์คนนี้ดื่มเอาๆ
เขาเชื่อว่าตนเป็นคนฉลาดกว่าเพื่อนพูดไปสาบานไปว่า
มีแต่เทพเตอร์ตาท์และต้นมิสเซิลโท
ที่ขึ้นตามกิ่งต้นโอ๊คเท่านั้นที่ควรแกการพูดถึง
สำหรับตัวเขาแล้ว
มีต้นมิลเซิลโทพกติดกระเป๋าไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
และว่าชาวไซเทียซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขานั้นเป็นชนชาติเยี่ยมยอดทีสุดเท่าที่เคยมีมาในโลกนี้แม้ว่าจริงๆ
แล้ว
พวกเขาเคยกินคนบ้างเป็นครั้งคราว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนเลิกยกย่องชาติของตน
แล้วเขาก็พูดตบท้ายว่าถ้าใครขืนกล่าวร้ายเทพเตอตาท์ละก็เขาจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเอง |
......ทีนี้ละก็การทะเลาะก็ทวีความรุนแรงขึ้น
เซตอคเห็นว่ากำลังจะเกิดการนองเลือดขึ้นที่โต๊ะอาหาร
พอดีซาดิกซึ่งนิ่งเงียบตลอดเวลาที่ถกเถียงกันมาลุกขึ้นพูดกับชาวเซลท์ก่อน
เพราะเห็นว่าเป็นคนที่โกรธจัดที่สุด
เขาบอกว่าที่ชาวเซลท์พูดมานั้นถูกต้องและขอแบ่งต้นมิสเซลโทหน่อย
จากนั้นก็ชมชาวกรีกว่ามีคารมคมคาย
ทไให้คนทั้งสองคลายอารมณ์พลุงพล่านลงไปถนัดแล้วเขาก็พูดกับชาวคาเธ่ย์ไม่กี่คำ
เพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าเพื่อน
ท้ายสุดเขาบอกกับทุกคนว่า |
......"เพื่อนทั้งหลาย
พวกท่านกำลังจะทะเลาะกันโดยเปล่าประโยชน์
เพราะพวกท่านต่างมีความคิดเห็นเดียวกัน" |
......พอได้ยินดังนั้น
ทุกคนต่างร้องคัดค้านกันเสียงหลง
แต่ซาดิกหันไปถามชาวเซลท์ว่า |
......"ไม่จริงรึที่ท่านไม่ได้บูชาต้นมิสเซิลโทนี้
แต่บูขาผู้ให้กำเนิดต้นของมันและต้นโอ๊ค" |
......ชาวเซลท์ตอบว่า |
......"จริงซิ" |
......ซาดิกถามชาวอียิปต์ว่า |
......"แล้วท่านละ
ท่านชาวอียิปต์
ที่เห็นได้ชัดก็คือว่า
ท่านบูชาวัวตัวที่ได้ให้กำเนิดวัวหลายๆ
ตัวแก่ท่านใช่ไหม" |
......ชาวอียิปต์ตอบว่า |
......"ใช่แล้ว" |
......ซาดิกกล่าวต่อว่า |
......"ปลาโอนเนสก็คงจะต้องยอมให้กับผู้ให้กำเนิดน้ำและปลาทั้งหลาย" |
......ชาวคัลเดียนตอบว่า |
......"เห็นด้วย" |
......ซาดิกเสริมต่อว่า |
......"ท่านชาวภารตะ
ท่านชาวคาเธย์
รับหลักการแรกเหมือนท่านแต่ข้าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านชาว
กรีกพูดถึงอย่างชื่นชมนักเพียงแต่แน่ใจว่าเขาคงยอมรับเช่นกันว่า
มีพระเจ้าสูงสุดอยู่เหนือรูปร่างและสลารที่เขากล่าวถึง" |
......ชาวกรีกซึ่งถูกยอจนตัวลอย
กล่าวว่าซาดิกเข้าใจความคิดของตนดีมาก |
.....ซาดิกตอบกลับไปว่า |
....."สรุปแล้ว
พวกท่านมีความเห็นตรงกัน
จึงไม่น่าจะมาทะเลาะกันเลย" |
.....ทุกคนลุกขึ้นมาสวมกอดซาดิก |
.....หลังจากที่ขายสินค้าได้ราคางามจนหมดแล้ว
เซตอคก็พาซาดิกไปยังเผ่าของเขา
พอไปถึง
ซาดิกก็ทราบข่าวว่าขณะที่เขาไม่อยู่นั้น
มีคนฟ้องร้องเขาและจะถูกเผาบนไฟอ่อนให้ตายอย่างช้าๆ |