|
มหาโจร
|
......ซาดิกเดินทางมาถึงพรมแดนระหว่างประเทศอาระเบียกับประเทศซีเรีย
ขณะที่เขาเดินผ่านเข้าไปใกล้ปราสาทค่อนข้างใหญ่หลักหนึ่ง
ก็มีชาวอาหรับติดอาวุธกลุ่มหนึ่งออกมาล้อมเขาไว้และตะโกนว่า |
......"ปลดทุกสิ่งที่เจ้ามีอยู่ให้กับเรา
ส่วนตัวเจ้านั้นจะเป็นสมบัติของนายท่าน" |
......ซาดิกชักดาบออกมาแทนคำตอบ
บ่าวผู้กล้าหาญทำเช่นเดียวกัน
ชาวอาหรับคนแรกๆ
ที่เข้ามาสู้ถูกนายและบ่าวช่วยกันฟันล้มตายไป
จำนวนคู่ต่อสู้ทวีคูณขึ้น
แต่คนทั้งสองก็ไม่พรั่นพรึงปักหลักสู้จนกว่าจะตายคาที่
การต่อสู้ระหว่างชายสองคนฝ่ายหนึ่งกับชายจำนวนมหาศาลอีกฝ่ายหนึ่งย่อมไปได้ไม่กี่น้ำ
นายของหมู่อาหรับชื่อ
อาร์โกบาด
มองเห็นซาดิกต่อสู้อย่างห้าวหาญก็เกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา
จึงรีบลงจากปราสาทไปสั่งให้พวกลูกสมุนถอยออกไป
คนเดินทางทั้งสองจึงรอดชีวิต
อาร์โกบาด บอกว่า |
......"ทุกสิ่งที่ผ่านมาในดินแดนของข้าจะต้องตกเป็นสมบัติของข้า
เช่นเดียวกับสิ่งที่ข้าเห็นในดินแดนของผู้อื่น
แต่ข้าเห็นเจ้ากล้าหาญมาก
จึงจะยกเว้นเจ้าจากกฎนี้เป็นกรณีพิเศษ" |
......แล้วเขาก็เชิญซาดิกเข้าไปในปราสาท
สั่งพวกลูกน้องให้ดูแลแขกอย่างดี
ค่ำวันนั้นซาดิกก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกับอาร์โกบาด |
......เจ้าของประสาทนี้เป็นหนึ่งในหมู่อาหรับที่เรียกกันว่ามหาโจร
เขาก่อความชั่วร้ายมากมาย
แต่จะทำความดีอยู่บ้าง
คือเมื่อปล้นสะดมอย่างโหดเหี้ยมแล้ว
ก็จะแจกสมบัติอย่างไม่อั้น
และถึงแม้จะเป็นคนทำอะไรหยาบคาย
แต่กับมิตรสหายแล้วจะละมุนละม่อมขึ้น
เวลารับประทานอาหารก็ดื่มกินเต็มที่
จากนั้นก็หาความสำราญจากชีวิตเสเพลอย่างสนุกสนาน
ที่สำคัญคือเขาเป็นคนพูดตรงไปตรงมาดี
อาร์โกบาดพอใจซาดิกมาก
เพราะพูดคุยกันถูกคอ
อาหารเมื่อนั้นจึงยาวนานกว่าเคย
ในที่สุดอาร์โกบาดก็พูดกับซาดิกว่า |
......."ข้าขอแนะนำให้เจ้ามาร่วมงานกับข้า
รับรองว่าไม่มีอะไรดีกว่านี้แน่
อาชีพนี้ไม่เลวเลย
วันหนึ่งเจ้าอาจจะเป็นเหมือนข้าเดี๋ยวนี้ก็ได" |
......ซาดิกถามว่า |
......"ข้าขอถามหน่อยเถอะว่าท่านได้เริ่มอาชีพที่มีเกียรตินี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่" |
......เจ้านายโจรตอบว่า |
......"ตั้งแต่ข้ายังเด็กๆ
อยู่เลย
ข้าเคยเป็นคนรับใช้เจ้านายอาหรับผู้เก่งกล้าคนหนึ่ง
แต่ข้าทนสภาพไม่ไหว
ข้ารู้สึกท้อใจเต็มทีที่เห็นว่าโลกนี้ทั้งโลกเป็นของมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน
แต่โชคชะตาไม่ได้เก็บอะไรไว้ให้ข้าเลยแม่แต่ส่วนเดียว
ข้าไปปรับทุกข์กับพ่อเฒ่าอาหรับคนหนึ่ง
แกบอกข้าว่า" |
......"ลูกเอ๋ย
อย่างเพิ่งหมดหวังเลย
นานมาแล้ว
มีเม็ดทรายอยู่เม็ดหนึ่ง
มันเศร้าโศรกเสียใจมากที่เป็นเพียงเม็ดทรายเม็ดเล็กกระจิริดที่ถูกทอดทิ้งอยู่กลางทะเลทราย
ไม่กี่ปีต่อมามันกลายเป็นเพชร
ตอนนี้มันได้เป็นเครื่องประดับที่สวยที่สุดของมงกุฎกษัตริย์แห่งแดนภารตะ" |
......"เรื่องนี้ประทับใจข้ามาก
ข้าเป็นเพียงเม็ทราย
แต่ข้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องกลายเป็นเพชรให้ได้
ข้าจึงเริ่มอาชีพนี้โดยขโมยม้าสองตัวก่อน
จากนั้นก็เข้าหุ้นกับสมัครพรรคพวกเริ่มปล้นขบวนคาวานย่อยๆ
ด้วยเหตุนี้
ข้าค่อยๆ
ทำให้ช่องว่างระหว่างข้ากับคนอื่นๆ
หมดไป ข้าได้รับส่วนแบ่งจากสมบัติต่างๆของโลกนี้
ทั้งยังได้รับดอกเบี้ยเป็นค่าชดเชยความเสียหายอีกด้วย
กล่าวคือ
ข้าได้รับความเคารพยำเกรงมาก
กลายเป็นมหาโจรและได้ครองประสาทหลังนี้จากการปล้นสะดม
เจ้าเมืองคนหนึ่งในประเทศซีเรียอยากได้มัน
แต่ข้าร่ำรวยเกินกว่าจะหวั่นเกรงใคร
ข้าให้สินบนเจ้าเมืองแทน
และข้าก็รักษาประสาทไว้ได้ด้วยวิธีนี้
ทั้งยังขยายเขตอิทธิพลได้อีก
นอกจากนี้
เจ้าเมืองคนนี้ยังแต่งตั้งข้าให้เป็นเจ้าอากรเก็บส่วย
ซึ่งพระราชาแห่งอาระเบียจะต้องส่งไปให้จอมราชาแห่งซีเรียด้วย
ข้าทำหน้าที่เก็บอากรอย่างเดียว
แต่ไม่ทำหน้าที่จ่ายเลย" |
......เจ้ากรมพระคลังแห่งบาบิโลนได้ส่งเจ้าเมืองเล็กๆ
คนหนึ่งมาให้รับคอข้าในนามของพระราชาโมอับดาร์
เจ้าคนนี้มาถึงพร้อมกับพระราชาโองการ
แต่ข้าทราบเรื่องก่อนแล้วจึงให้จับคนทั้งสี่ที่มันพามารัดเชือกที่คอข้า
แล้วรัดคอพวกเขาตายต่อหน้ามันเลย
เสร็จแล้วข้าก็ถามมันว่าได้รับเงินตอบแทนเท่าไหร่ในการมาทำหน้าที่รัดคอข้านี่
มันตอบว่าอาจจะได้ถึงสามร้อยเหรียญทอง
ข้าจึงชี้แจงให้มันเห็นชัดเจนเลยว่าจะได้เงินมากกว่านั้นถ้าอยู่กับข้าในที่สุด
ข้าก็ตั้งมันเป็นผู้ช่วยโจร
ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในบรรดาโจรฝีมือเยี่ยมและร่ำรวยที่สุดของข้าไปแล้ว
ถ้าเจ้าเชื่อข้า
เจ้าจะประสบความสำเร็จเหมือนมัน
ตั้งแต่ราชาโมอับดาร์ถูกฆ่าตาย
และกรุงบาบิโลนกำลังระส่ำระสายอยู่ที่ไม่เคยมีฤดูปล้นสะดมใดจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว" |
......ซาดิกอุทานว่า |
......"พระราชาโมอับดาร์ถูกลอบปลงพระฃนม์
แล้วพระราชินีอัตตาร์เต้ล่ะ
พระนางทรงเป็นอย่างไรบ้าง" |
......อาร์โกบาด
ตอบว่ |
......"เรื่องนี้ข้าไม่รู้
เท่าที่รู้ก็คือว่าพระราชาโมอับดาร์กลายเป็นบ้าแล้วถูกฆ่า
กรุงบาบิโลนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของคนร้ายอาณาจักรอยู่ในสภาพยับเยิน
แต่ยังมีของดีๆ
เหลือให้ปล้นอยู่
ข้าเองก็ไปปล้นมาเหมือนกัน
ได้ของแจ๋วๆ
มาเยอะเลย" |
......ซาดิกถามว่า |
......"แล้วพระราชินีล่ะ
ได้โปรดเถิด
ท่านไม่รู้ชะตากรรมของพระนางเลยหรือ" |
......อาร์โกบาดเล่าต่อว่า |
......"มีคนพูดให้ข้าฟังถึงเจ้าชายแห่งฮีร์กาเนีย
บางทีนางอาจจะรวมอยู่ในหมู่นางสนมของเขาก็ได้
ถ้าหากว่าไม่ถูกฆ่าระหว่างเกิดจลาจล
ข้าสนใจเรื่องสมบัติมากกว่าข่าวคราวของนาง
ข้าจับผู้หญิงมาหลายคนตอนออกปล้น
แต่ไม่เก็บไว้สักคน
ผู้หญิงสวยๆขายได้ราคางาม
ข้าไม่ได้ไต่ถามเลยว่าใครเป็นใคร
ไม่มีใครซื้อยศหรอก
พระราชินีที่ไม่สวยก็ขายไม่ออก
บางทีข้าอาจจะขายพระนางอัสตาร์เต้ไปแล้วก็ได้
หรือไม่พระนางอาจจะตายแล้ว
ข้าไม่สนใจหรอก
และข้าคิดว่าเจ้าเองก็ไม่ควรไปกังวลเรื่องนี้ยิ่งไปกว่าข้า" |
......ขณะที่พูดไป
อาร์โกบาดก็ดื่มเอาๆ
อย่างหนักจนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง
ซาดิกซักถามอะไรก็ไม่ได้ความกระจ่างชัดจึงได้แต่นั่งอึ้งไม่ไหวติงเลยด้วยความเศร้าใจ
อาร์โกบาดดื่มไปเล่าเรื่องต่างๆ
ไปและพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
ตนเป็นคนมีความสุขที่สุดในโลก
แล้วก็คะยั้นคะยอซาดิกให้ทำตัวมีความสุขเหมือนตน
ในที่สุดเหล้าองุ่นก็ค่อยๆ
กล่อมให้เขาสะลึมสะลือจึงไปนอนหลับอย่างสบายใจ
ส่วนซาดิกนอนไม่หลับทั้งคืน
ความคิดฟุ้งซ่านอย่างหนัก
เขารำพึงว่า |
......"ไม่น่าเชื่อเลย
พระราชาทรงมีสติวิปลาส
พระองค์ทรงถูกลอบปลงพระชนม์
ข้าอดสงสารพระองค์เสียไม่ได้
อาณาจักรถูกทำลายย่อยยับและเจ้าโจรคนนี้มีความสุข
โอ้ โชคชะตา โอ้พรหมลิขิต
โจรมีความสุข
แต่สิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างมาให้น่ารักที่สุด
อาจจะตายไปแล้วอย่างน่าสยดสยองหรือไม่ก็อาจจะมีชีวิตอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
โอ้อัตตาร์เต้ พระนางทรงเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างหนอ" |
......พอฟ้าสาง
ซาดิกก็ไต่ถามใครต่อใครที่เขาเจอในปราสาท
แต่ทุกคนกำลังยุ่งกับการแบ่งสมบัติที่ปล้นมาได้ในตอนกลางคืน
จึงไม่มีใครยอมตอบคำถามของเขา
สิ่งที่เขาได้รับท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายนี้
คือคำอนุญาตให้ออกจากปราสาทไปได้
ซาดิกรีบฉวยโอกาสโดยไม่รอช้า
จิตใจจมดิ่งอยู่กับความคิดที่เศร้าหมองยิ่งกว่าคราใดๆ |
......ซาดิกเดินไปด้วยความวิตกกังวล
จิตใจปั่นป่วน
สมองเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่พระราชินีอัสตาร์เต้ผู้เคราะห์ร้าย
พระราชาแห่งบาบิโลน
กาดอร์มิตรผู้ซื่อสัตย์
อาร์โกบาดผู้มีความสุข
ผู้หญิงที่แสนจะเอาแต่ใจตัวเอง
ซึ่งถูกทหารชาวบาบิโลนจับตัวไปตรงชายแดนประเทศอียิปต์
สรุปก็คือ เรื่องเคราะห์หามยามร้ายต่างๆ
ที่ตนประสบมา |