|
กลับรัสเซีย
|
|
......ในปี
1871
คู่ผัวเมียดอสโตยเยียฟสกี้
เดินทางกลับมารัสเซีย
และได้บุตรชายคนหนึ่งมีชื่ว่าฟิโอดอร์
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีบ้านของตัวเองและยังต้องอยู่ในห้องเช่าก็ตาม
แต่สถานการณ์ของเขาก็ดีขึ้นเพราะการจัดการที่รอบคอบของอันนา
กริกอร์เยฟนา |
......ในปี 1873
ดอสโตยเยียฟสกี้หันไปจับงานหนังสืออีกครั้งหนึ่ง
โดยเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์แนวอนุรักษ์นิยมชื่อ
กราซดานิน(ราษฏร)
การเป็นบรรณาธิการของเขาอยู่ได้แค่ปีกว่าเท่านั้น
แต่ก็ทำให้พวกผ่ายเสรีนิยมของรัสเซียเป็นศัตรูกับเขาได้มากพอ |
......และตอนนี้ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น
คือ นิโคไล เนกราซอฟ(Nikolai Nekrasov)
เพื่อนเก่าของดอสโตยเยียฟสกี้
แต่ภายหลังเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในด้านอุดมการณ์
ผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์
Otechestvenniya Zapiski
อันเป็นหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของฝ่ายค้าน(ซึ่งเนกราซอฟ
ไปเข้าด้วยหลังจากปิดหนังสือพิมพ์
Sovremennik แล้ว)
เนกราซอฟเองได้มาหาดอสโตยเยียฟสกี้และอาสาจะพิมพ์นวยิยายเรื่องใหม่ของเขาในหนังสือพิมพ์ของตน
ดอสโตยเยียฟสกี้ยอมรับคำเสนอนั้นทันทีเพราะได้ค่าเขียนสูงกว่าที่รัสสกี้
เวสท์นิคให้
และขณะเดียวกันก็แสงให้เห็นว่าเนกราซอฟผู้เป็นศัตรูทางความคิดของเขายอมรับความสามารถทางด้านศิลปะของเขาด้วย |
......หลังจากเขียนเรื่อง
The Raw Youth (1876-1877)
จบลงแล้วดอสโตยเยียฟสกี้ก็ทำงานหนังสือพิมพ์อีกสองปีเต็มๆ
และได้จัดทำนิตยสารรายเดือนที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้น
มีชื่อว่า Dnwnik Pisatelya (บันทึกของนักเขียน)
ซึ่งแต่งและเรียบเรียงโดยคนๆ
เดียว
ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและจัดพิมพ์ทีละหลายพันเล่ม
น่าแปลกใจว่ายังไม่มีนวนิยายเล่มไหนของดอสโตยเยียฟสกี้
จะได้รับความนิยมมากมายเหมือนอย่างนิตยสารนี้
ในนิตยสารนี้มีเรื่องดีๆ
ของเขาลงอยู่ด้วย
เช่น The Muk one(คนขี้อาย) , The Dream of a Ridiculous Man (ฝันของคนบ้า)
, Marei The
Serf และเรื่องอื่นๆ อีก
หลังจากที่เขาได้สร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับนักอ่านชาวรัสเซียคือใช้สรรพนามบุรุษที่1
แทนตัวเขาเพื่อทำลายอุปสรรคระหว่างนักเขียนกับผู้อ่านลงเท่านั้น
ดอสโตยเยียฟสกี้จึงได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความสนใจของสังคมรัสเซีย |