|
กำเนิดพี่น้องคารามาซอฟ
|
|
......สุขภาพของดอสโตยเยียฟสกี้เสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากโรคลมบ้าหมูที่เขาเป็นอยู่เสมอแล้ว
ตอนนี้เขาก็ยังเป็นโรคปอดอีกด้วย
เขาใช้เวลาในฤดูร้อนที่เมืองเอ็มส์ซึ่งบ่อน้ำแร่ในประเทศเยอรมนี
หรือในสตารายารุสซา
ซึ่งเขามีบ้านอยู่เป็นบ้านแรกและบ้านเดียวที่เขาเคยเป็นเจ้าของคือซื้อมาเมื่อปี
1876 เมื่ออยู่ในเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เขาต้องการย้ายจากห้องเช่าหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งไม่น้อยกว่า
20 แห่ง
เขาเคยฝันว่าจะซื้อบ้านและที่ดินเพื่อตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศของตนเอง
แต่ความฝันก็ไม่เคยเป็นความจริงขึ้นได้
การที่ต้องโยกย้ายไปเรื่อยๆ
ทำให้เขามีความผูกพันกับผู้คนเท่านั้น
และเพียงกับบุคคลที่ใกล้ชิดและเป็นที่รักที่สุดของเขาเท่านั้น
ดอสโตยเยียฟสกี้เป็นคนของครอบครัวโดยแท้
และถือเอาสิ่งเล็กนอ้ยที่สุดที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาเป็นสิ่งสำคัญของเขาเสมอ
อารมณ์และโครงสร้างของความคิดของเขาได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านเสมอ |
......แต่กระนั้นก็ตามชีวิาตที่เต้นเร่าอยู่ในนวนิยายของเขากลับไม่มีครอบครัวและไม่เคยชอบบ้าน
หรือมิฉะนั้นครอบครัวก็มักจะตกอยู่ในอันตรายเสมอ
เป็นการยากที่จะนึกถึงภาพของราสโกลนิกนอฟ
สตาฟโรกิน อีวานหรือดมิตรี
คารามาซอฟว่าเป็นคนที่แต่งงานแล้ว
พล็อตเรื่องของดอสโตยเยียฟสกี้
ไม่เคยจบลงด้วยการแต่งงานที่เป็นสุขแต่มักจะกลายเป็นการแต่งงานที่แตกสลาย
แต่ในจิตใจที่แจ้จริงนั้นเขาเชื่อในชุมชนที่มีครอบครัวที่มั่นคง
และต้องการได้รับกำลังใจจากครอบครัว |
......ลูกคนเล็กที่สุด
อัลโยชาของเขาซึ่งมีอายุ
3 ขวบ
สิ้นชีวิตลงเพราะโรคลมบ้าหมู
เมื่อวันที่ 16
พฤษภาคม 1878 |
......ดอสโตยเยียฟสกี้
กำลังเขียนเรื่อง
Karamazov Brothers (พี่น้องคารามาซอฟ)
เมื่อองค์การใต้ดินชื่อ
Narodnaya
Volya (เจตนารมณ์ของประชาชน)
ปรากฏ
ขึ้นในประวัติศาสตร์พร้อมด้วยการกระทำก่อการร้ายอย่างรุนแรงติดต่อกัน
ในปี 1879-80
ได้มีความพยายามถึงสี่ครั้งที่จะคร่าชีวิตของซาร์
และคน 21
คนถูกแขวนคอแน่นอนดอสโตยเยียฟสกี้นั้นต่อต้านความรุนแรงของ
"พวกแดง"
แต่เขาไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงจากเบื้องบนเช่นกัน |
......เมื่อเดือนมิถุนายน
1880
ดอสโตยเยียฟสกี้ได้รับเชิญไปงานพิธีเปิดผ้าคลุมอนุสาวรีย์ของพุชกิน(Pushkin)
ในกรุงมอสโคว์
งานพิธีนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งเป็นพิเศษ
ตอนนั้นนายพลลอริส
เมลิโกฟ(Loris Melikov)
ขึ้นมาครองอำนาจ
เขามีนโยบายที่จะเอาชนะใจกลุ่มนักวรรณกรรม
ความพยายามที่จะคร่าชีวิตและประหารชีวิตได้หยุดไปพักหนึ่งและมีความหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นต่อไป
จึงจำเป็นต้องมีการรวบรวมปัญญาชนชาวรัสเซียในกรุงมอสโคว์
สุนทรพจน์ที่ดอสโตยเยียฟสกี้กล่าวในตอนนั้นดูเหมือนจะเป็นสุนทรพจน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย
ได้รับการปรบมือโห่ร้องเป็นเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง
ฝูงชนเกิดความกระตือรือร้นอย่างสูงสุดจนผู้หญิงบางคนถึงกับเป็นลมไป
ดอสโตยเยียฟสกี้ได้เรียกร้องมนุษย์ให้ลดความเย่อหยิ่งของพวกเขาลง
เขามิได้เรียกร้องต่อการปฏิวัติของรัสเซียเท่านั้น
แต่ต่อรัฐที่ปกครองตนเองด้วย
ลักษณะที่เป็นแบบฉบับส่วนมากของอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของดอสโตยเยียฟสกี้
ปรากฏอยู่ในสุนทรพจน์นี้ทั้งหมด |